MG IM6 ปี 2025 เปิดตัว 2 รุ่นย่อย ราคาเริ่ม 1,399,900 บาท เคลมระยะวิ่งสุด 634 กม./ชาร์จ ดีตลาดไฮเอนท์

ตลาดรถยนต์ในประเทศ | 20 มี.ค 2568
แชร์ 3

19 มีนาคม 2025 เอ็มจี ประเทสไทย เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าไฮเอนท์ของแบรนด์ในชื่อรุ่น MG IM6 ปี 2025 มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย Premium 2WD 75kWh ราคา 1,399,900 บาท และ Performance AWD 100kWh ราคา 1,799,900 บาท เป็นรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ช่วงล่างปรับถุงลมปรับอัตโนมัติ

MG IM6 ปี 2025 เปิดตัว 2 รุ่นย่อย

  • MG IM6 Premium 2WD 75kWh ราคา 1,399,900 บาท
  • MG IM6 Performance AWD 100kWh ราคา 1,799,900 บาท

MG IM6 ปี 2025 มี 4 สีตัวถังให้เลือก

  • สีชมพู Ferdinand Pink
  • สีขาว Raphael Beige
  • สีดำ Ares Black
  • สีเทา Rembrandt Grey

MG IM6 ปี 2025 อีวีพรีเมียมของ เอ็มจี โดย SAIC MOTOR CORPORATION ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ เอ็มจี พัฒนาพร้อมฟีเจอร์อัจฉริยะ อาทิ ระบบอัจฉริยะแสดงผลในที่มืดและฝนตก (Intelligent Rainy Night Mode) ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ APA (Auto Park Assist) ระบบช่วงล่างถุงลมอัจฉริยะ(Intelligent Air Suspension) และมีสมรรถนะสูง

การออกแบบดีไซน์ร่วมกันของนักออกแบบจาก SAIC MOTOR CORPORATION และ University of Art London ดีไซน์ภายนอกภายใต้คอนเซ็ปต์ Gentle Sculpture ที่ตัวรถ เน้นความโค้งมน ดูพลิ้วไหว ไฟหน้าดีไซน์แบบ L Shape ไฟท้าย Skyline Taillights การออกแบบเส้นสายให้ดูโค้ง 

  • มิติตัวถัง 4,904 x 1,988 x 1,669 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง)
  • ระยะความยาวฐานล้อ 2,950 มิลลิเมตร 
  • กระจกข้างแบบไร้กรอบ พร้อมกระจกรอบคัน 2 ชั้น
  • ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights)
  • ไฟหน้า ไฟท้าย และ ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
  • ระบบควบคุมการ เปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ
  • กระจกมองข้างพับ และปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว
  • ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง
  • หลังคากระจกพาโนรามิก
  • ที่เปิดประตูแบบเก็บซ่อนในตัวรถ (Hidden Door Handle)
  • ล้ออัลลอยด์ ขนาด 21 นิ้ว สำหรับรุ่น Performance AWD และขนาด 20 นิ้ว สำหรับรุ่น Premium 2WD

การออกแบบภายใน เน้นความเรียบหรู และคำนึงถึงความสะดวกสบายให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน จัดวางเส้นสายที่ประณีตเน้นความกว้าง ทำให้ดูโล่ง โปร่ง สบาย อเนกประสงค์ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระรอบคัน

  • คอนโซลหน้าวัสดุ Soft Touch พร้อมที่วางแก้ว และรองรับการชาร์จแบบไร้สายกำลังไฟสูงสุด 50 วัตต์ (Wireless Charger)
  • ดีไซน์พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางโทรศัพท์ 
  • ให้ความนุ่มนวลและสบายในทุกที่นั่งด้วยเบาะนั่ง POPO Sofa ทรงขนมปัง หุ้มด้วยวัสดุสังเคราะห์
  • เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อม Lumbar Support และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง โดยเบาะคู่หน้าเป็นแบบระบายความร้อน พร้อมระบบนวดสำหรับผู้ขับขี่ 
  • เบาะนั่งด้านหลังพนักพิง พับได้ 60:40
  • หน้าจออัจฉริยะระบบสัมผัส Intelligent Immersive Touch Screens จำนวน 2 จอขนาดใหญ่ ประกอบด้วย หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด 26.3 นิ้ว และหน้าจอกลางแบบสัมผัสขนาด 10.5 นิ้ว สำหรับควบคุมส่วนต่าง ๆ ภายในรถ
  • ระบบลำโพงรอบทิศทาง 20 จุด ประกอบด้วย ลำโพงรอบทิศทาง 16 จุด และลำโพงบริเวณหลังคา 4 จุด
  • ระบบสั่งการอัจฉริยะ IM OS
  • Interactive Ambient Light ที่สามารถเปลี่ยนได้ 256 เฉดสี
  • กระจกไฟฟ้า One Touch Up-Down
  • กระจกมองหลังแบบ Streaming Media Rearview Mirror
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกโซนอิสระ พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5
  • ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
  • พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหน้ารถ  32 ลิตร
  • พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายรถ 596 ลิตร และเมื่อพับเบาะสามารถจุได้มากถึง 1,640 ลิตร พร้อมที่เก็บสัมภาระเพิ่มเติมที่ท้ายรถได้อีก 69 ลิตร 
  • ฝาท้ายไฟฟ้าพร้อมระบบ เตะเปิดอัตโนมัติ
  • ระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android แบบไร้สาย
  • ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB TYPE C จำนวน 2 จุด
  • IM MAG HUB อุปกรณ์เสริมติดแม่เหล็กภายในตัวรถ เพื่อใช้ติดตั้งแอคเซสเซอรี่ต่าง ๆ อาทิ โคมไฟ กระจกแต่งหน้า ไฟอ่านหนังสือ ฯลฯ จำนวน 5 ตำแหน่ง

MG IM6 ปี 2025 มีให้เลือก 2 ขุมกำลัง

  • รุ่น Premium 2WD มอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง ให้พละกำลังสูงสุด 295 แรงม้า (217 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 5.9 วินาที แบตฯ ความจุ 75 kWh ขับเคลื่อนด้วยแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 400 โวลต์ สามารถวิ่งได้ระยะทาง 550 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC
  • รุ่น Performance AWD มอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้พละกำลังสูงสุด 778 แรงม้า (572 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 802 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 3.48 วินาที โดยสามารถทำความเร็วสูงสุด (Top speed) ได้มากกว่า 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แบตฯ ขนาดความจุ 100 kWh ขับเคลื่อนด้วยแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 875 โวลต์ สามารถวิ่งได้ระยะทาง 634 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC

สถาปัตยกรรม 800V Dual SiC Platform ชาร์จไฟได้ไวและเพิ่มระยะทางในการขับต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 10% - 80% ใช้เวลาน้อยกว่า 20 นาที ด้วยแรงดันไฟฟ้า 800 โวลต์ รองรับการชาร์จแบบกระแสตรงสูงสุด 396 kW ระบบ Cooling system เจนเนอเรชั่นใหม่ ที่สามารถระบายความร้อนได้ 15 องศาเซลเซียส ภายในเวลาเพียง 30 วินาที แบตเตอรี่ 12V แบบ Lithium- ion รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสูงสุด 6.6 kW

MG IM6 ปี 2025 ใช้แชสซีดิจิทัลอัจฉริยะใหม่ (IM Digital Chassis) ที่ทำจากอะลูมิเนียม สมดุลและประสิทธิภาพในการขับขี่ได้ พร้อมกับชิปประมวลผลระดับไฮเอนด์สำหรับระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง 

  • ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 2 ระดับ
  • รัศมีวงเลี้ยว 5.09 เมตร ทำให้ขับเลี้ยวและเข้าออกในพื้นที่แคบได้อย่างง่ายดาย 
  • ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมช่องระบายความร้อน จาก Continental
  • ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ Double Wishbone พร้อมระบบถุงลม และด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงค์พร้อมระบบถุงลมสำหรับรุ่น Performance AWD
  • ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้ออัจฉริยะ (Intelligent Four-Wheel Steering System) ทำให้การเปลี่ยนเลนมีเสถียรภาพแม้ในช่วงความเร็วสูง รวมถึงทำให้การกลับรถในที่แคบได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
  • ถอยจอดและขับออกอย่างสะดวกสบายด้วยปลายนิ้วสัมผัสกับระบบ One Touch iAD ที่ช่วยในการถอยจอดด้านข้าง (One Touch Side Parking) รวมถึงการจอดและออกจากช่องจอดรถในพื้นที่จำกัด (One Touch Escape) และการถอยหลังอัตโนมัติเมื่อขับเจอซอยตัน (One Touch Reverse)    
  • ฟังก์ชัน Crab Mode เพื่อปรับมุมทั้ง 4 ล้อ ในมุมเดียวกัน เพื่อทำการเคลื่อนรถออกจากพื้นที่จำกัด 
  • ระบบการขับขี่ 6 โหมด ได้แก่ Eco / Comfort / Sport / Snow / Custom และ Super Eco ซึ่งจะดึงไฟสำรองจากแบตเตอรี่มาใช้อีก 80 กิโลเมตร สำหรับในยามฉุกเฉิน
  • ระบบช่วงล่างถุงลมอัจฉริยะ (Intelligent Air Suspension) สามารถปรับสูง-ต่ำได้ 3 ระดับ ได้แก่ ระดับความสูงปกติ (Standard) ปรับเตี้ยลง 5 เซนติเมตร และปรับสูงขึ้น 2 เซนติเมตร พร้อมปรับการทำงานอัตโนมัติตามรูปแบบการขับขี่

MG IM6 ปี 2025 ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย พร้อมระบบ ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM ซึ่งรวมระบบ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) หรือระบบอำนวยความสะดวกช่วยควบคุมการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งยังผ่านการทดสอบและรับรองมาตรฐานระดับ 5 ดาวจาก China NCAP และดีไซน์เพื่อรองรับ EURO-NCAP

  • ระบบอัจฉริยะแสดงผลในที่มืดและฝนตก (Intelligent Rainy Night Mode) ที่ผสานการทำงานของ กล้องรอบคัน การปรับค่าช่วงล่างถุงลมอัตโนมัติ ช่วยลดปัญหาทัศนวิสัยในการมองเห็นระหว่างการขับขี่
  • ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ APA (Auto Park Assist)
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
  • ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
  • ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-Lock Brake System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution)
  • ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
  • ระบบควบคุมการทรงตัว VDC (Vehicle Dynamic Control System)
  • ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
  • ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HHC (Hill Hold Control)
  • ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
  • ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
  • ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
  • ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
  • ระบบช่วยเบรก AEB (Automatic Emergency Braking)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LCC (Lane Centering Control)
  • ระบบะช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
  • ระบบช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตาที่ทำงานประสานกันทั้งระบบช่วยเตือน มุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection) ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบช่วยเบรกขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Braking) และระบบระบบช่วยเตือน การเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
  • ระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (FOLLOW ME HOME)

นอกจากนี้ยังเสริมอุปกรณ์ความปลอดภัย อาทิ จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor) พร้อมสัญญาณเตือนระยะด้านหน้าและหลัง ระบบกุญแจอัจฉริยะพร้อมการ์ด NFC สำหรับแปะเพื่อล้อคและปลดล็อคตัวรถ

นาย ซู๋ว์ หยิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด กล่าวว่า

“แม้ในปีที่ผ่านมา เอ็มจี จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เรามุ่งมั่นที่จะเรียนรู้และปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้น โดยการพัฒนาแบรนด์ในทุกมิติ ทั้งในด้านประสิทธิภาพการผลิต การขยายเครือข่ายบริการหลังการขาย และการเพิ่มประสิทธิภาพ  การดำเนินงานต่าง ๆ สำหรับการเปิดตัวและประกาศราคา NEW MG IM6 ครั้งนี้

เรามุ่งหวังที่จะสร้าง มาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในไทยและยกระดับประสบการณ์การขับขี่ของผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการเติบโตของแบรนด์ เอ็มจี นอกจากนี้ เรายังคงมุ่งมั่นที่จะขยายความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในสังคมไทย เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาตอบสนองความต้องการของลูกค้าและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่ระดับสากล โดยในปีนี้ เอ็มจี ตั้งเป้าหมายที่จะ เพิ่มส่วนแบ่งตลาด เป็น 5% พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจอย่างเข้มข้นเพื่อผลักดันสู่หมุดหมายใหญ่ในการขึ้นเป็น แบรนด์  “ท็อป 5” ภายในทศวรรษที่ 2 ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย”

ตลาดรถมือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ