เทคโนโลยีที่โดดเด่นที่สุดในงาน Motor Expo 2018

ตลาดรถยนต์ในประเทศ | 3 ธ.ค 2561
แชร์ 0

เทคโนโลยีใหม่ๆส่วนใหญ่ก็นำมาลงในรถรุ่นใหญ่กันก่อน ก่อนที่จะมีรถรุ่นเล็กๆตามมา แต่สำหรับงาน Motor Expo 2018 คือการเปิดฉากครั้งยิ่งใหญ่ของ Intelligent Mobility

ผู้พัฒนารถยนต์ทั้งหลายในปัจจุบันไม่เพียงแต่สร้างรถยนต์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีการสื่อสารหรือการทำ Branding ออกมาให้ลูกค้าได้รับรู้ด้วย ว่าบริษัทของตนนั้นต้องการทำให้เทคโนโลยีในรถยนต์มีความฉลาดใกล้เคียงกับความคิดมนุษย์เข้าไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้เน้นว่าต้องหมายถึงเรื่อง ความปลอดภัย หรือความสะดวกสบายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่หมายรวมถึงหลายๆสิ่งที่มนุษย์ต้องการ และรวมถึงสิ่งที่จำเป็นสำหรับมนุษย์ด้วย ต่อมาก็ผนวกรวมกับสินค้าของตัวเองนั่นก็คือรถยนต์ เพื่อให้ใช้งานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างดีที่สุด

Intelligent Mobility 

Intelligent Mobility  จากค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Nissan เป็นอีกเทคโนโลยีหนึ่งที่คนไทยจับตามอง เพราะการคิดแค่เรื่องรถยนต์กับผู้ขับขี่นั้นไม่ได้อยู่ในแนวคิดของ Nissan เพราะ Nissan มองไปถึงสิ่งแวดล้อมด้วย Intelligent Mobility จึงเป็นการรวมเอาแนวคิดของบริษัท Nissan ที่ต้องการให้ทั้งมนุษย์ รถยนต์ และสิ่งแวดล้อม อยู่ร่วมกันได้อย่างดีที่สุด ไม่สร้างผลกระทบให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และการจะทำให้ไปสุดทางได้ อย่างน้อยต้องไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่เป็นที่รู้กันดีว่าการเผาไหม้เชื้อเพลิง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซอื่นๆอีกที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่มาวันนี้ การเปิดตัวของ Nissan Leaf ในประเทศไทย ทำให้ Nissan ก้าวเข้าใกล้ความเป็น Intelligent Mobility มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ปล่อยให้อีกสองค่ายยักษ์ใหญ่มองตาปริบๆพร้อมกับลุ้นกันต่อไปว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยจะไปต่อได้ดีแค่ไหน

Nissan Intelligent Mobility ไม่ใช่เรื่องใหม่ของปีแต่เป็นสิ่งที่ Nissan ทำมาอย่างต่อเนื่อง

Nissan Intelligent Mobility ไม่ใช่เรื่องใหม่ของปีแต่เป็นสิ่งที่ Nissan ทำมาอย่างต่อเนื่อง

ในขณะที่ฟ่ากฝั่งของ Honda และ Toyota จะเน้นเรื่องเทคโนโลยีความปลอดภัยและการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับรถยนต์ ในด้านพลังงาน จะเน้นการควบรวมระหว่างพลังงานน้ำมันและพลังงานไฟฟ้าเข้าไว้ด้วยกันและทำให้ประหยัดน้ำมันสูงที่สุด เพราะการประหยัดน้ำมันสูงที่สุดหมายถึงการเดินทางได้มากขึ้น ใช้น้ำมันน้อยลง ปล่อไอเสียออกสู่สิ่งแวดล้อมน้อยลงด้วย แต่ก็ยังไม่ถึงกับเป็นศูนย์ แต่วันนี้ Motor Expo 2018 อย่างที่หลายคนได้รับทราบกันไปแล้วว่า Nissan Leaf รถยนต์ไฟฟ้าที่ให้ก๊าซไอเสียเป็นศูนย์ได้เข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการพร้อมให้จับจองกันได้แล้วด้วย

ไม่ใช่แค่เรื่องรถยนต์ไฟฟ้า เพราะแค่รถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียวโลกไม่จำ

รถยนต์ไฟฟ้ามีการพูดถึงกันมากขึ้นในระยะหลังมานี้แต่ก็ยังไม่มีค่ายยักษ์ใหญ่นำรถยนต์เข้ามาทำตลาดในบ้านเราอย่างจริงๆจังๆเสียที มาวันนี้ Nissan หนึ่งใน3บริษัทยักษ์ใหญ่จากแดนปลาดิบ ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่ให้ลูกค้าได้จับจองกันอย่างจริงๆจังเสียที ด้วยราคาเปิดตัว 1,990,000 บาท

Nissan Leaf รถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังจากค่าย Nissan เปิดให้คนไทยได้เป็นเจ้าของแล้ว

Nissan Leaf รถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังจากค่าย Nissan เปิดให้คนไทยได้เป็นเจ้าของแล้ว

Nissan Leaf รถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังจากค่าย Nissan เปิดให้คนไทยได้เป็นเจ้าของแล้ว

แต่ Nissan ไม่ได้โฟกัสแค่ว่าให้รถยนต์ขับเคลื่อนได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าเท่านั้น ยังมีเทคโนโลยีอื่นเสริมเข้ามาให้เหมาะสมกับต้นทุนและความต้องการของผู้ใช้ชาวไทยด้วย เพราะกว่าจะเลือกได้ว่าจะนำเทคโนโลยีอื่นๆมาอยู่ในรถยนต์ Nissan Leaf เวอร์ชั่นที่ขายในประเทศไทยว่าควรเป็นเทคโนโลยีอะไร ก็ต้องผ่านการคิดและทำวิจัยมาอย่างรอบครอบแล้ว โดยสามารถแบ่งเป็น 3มุมมอง สมกับที่เป็น Intelligent Mobility ได้ดังนี้

  1. มุมมองด้านมนุษย์

การขับขี่รถยนต์บนท้องถนนไม่ได้มีแค่ตัวเรากับรถยนต์เท่านั้น เพราะทุกครั้งที่มือกำพวงมาลัยอยู่ เราก็แบกรับความเสี่ยงของอุบัติเหตุทั้งต่อตนเองและผู้อื่นเอาไว้แล้ว การมีสติในการขับรถจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก อย่างไรก็ตามมนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชิวิตที่มีจิตใจ มีความอ่อนไหวทางจิตใจ และข้อจำกัดทางสภาพร่างกายด้วย Nissan จึงใช้เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉิน (FORWARD EMERGENCY BRAKING (FEB)) สำหรับบ้านเราที่การจราจรติดขัดเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว การเบรคและเคลื่อนที่บ่อยๆอาจทำให้มีบางครั้งที่เราพลาด ชนกับรถยนต์ที่อยู่คันหน้า ดังนั้นเทคโนโลยีช่วยเบรคฉุกเฉินอัจฉริยะนี้จะทำงานร่วมกับเทคโนโลยีการตรวจจับรถยนต์ด้านหน้า ซึ่งระบบจะเตือนเมื่อระบบวิเคราะห์จากระยะทางและความเร็วแล้วว่ามีความเสี่ยงต่อการชนรถยนต์ที่อยู่ด้านหน้า ระบบจะชะลอความเร็วและบรรเทาความเสียหายจากอุบัติเหตุได้

เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉิน (FORWARD EMERGENCY BRAKING (FEB))

เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉิน (FORWARD EMERGENCY BRAKING (FEB))

เพิ่มเติม

  1. มุมมองด้านรถยนต์

ด้วยรถยนต์เองไม่มีชิวิตจิตใจ ไม่เหมือนมนุษย์ที่พอจะเอาร่างกายสัมผัส หรือลูบคลำสิ่งแวดล้อมรอบข้างได้ การถอยรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่กว่ามนุษย์หลายเท่า ย่อมมีความยากลำบากกว่าการควบคุมร่างกายของมนุษย์เองเป็นแน่ๆ การมีกล้องมองหลังก็นับว่าช่วยให้ผู้ขับชี่ควบคุมการจอดรถยนต์ และถอยออกจากลานจอดรถได้สะดวกขึ้น แต่กับมุมด้านหน้าและด้านข้างที่สถิติบอกมาแล้วว่าคนไทยก็ขับเฉี่ยวกับมุมและข้างกันไม่น้อย จึงเกิดเป็นแนวคิดให้ทาง Nissan นำเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองรอบทิศทาง (INTELLIGENT AROUND VIEW MONITOR (IAVM)) มาให้คนไทยได้ใช้กันอีก ระบบจะช่วยให้ผู้ขับมองเห็นพื้นที่ด้านข้างรถ ด้านหน้า และด้านหลังทั้งรอบด้านจากกล้อง 4ตัว กล้องทุกตัวจะนำภาพแบบ Real time มาประมวลผลทำให้ภาพกลายเป็นภาพที่มองจากมุมสูง และแสดงผลออกมาที่หน้าจอของรถยนต์ บริเวณคอนโซลหน้า เท่านั้นยังไม่พอ ระบบกล้องมองภาพรอบคันนี้ยังทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (MOVING OBJECT DETECTION (MOD)) โดยจะทำหน้าที่ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนเมื่อพบสิ่งที่กล้องจับการเคลื่อนไหวได้ ทำให้การถอยจอด หรือถอยจากซองคล่องตัวมากยิ่งขึ้น

เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองรอบทิศทาง (INTELLIGENT AROUND VIEW MONITOR (I

เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองรอบทิศทาง (INTELLIGENT AROUND VIEW MONITOR (IAVM))

  1. มุมมองด้านสิ่งแวดล้อม

พระเอกคนสำคัญในด้านสิ่งแวดล้อมที่มาเติมเต็มความหมายของ Intelligent Mobility ก็คือเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ทำให้ปั๋มน้ำมันเป็นแค่สถานที่สำหรับแวะเข้าห้องน้ำอย่างเดียวไปเลย เพราะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ที่ติดตั้งไว้บริเวณช่วงล่างของรถ ทำให้รถยนต์มีจุดศูนย์ถ่วงที่ดีขึ้น และสามารถขับไปได้ไกลถึง 311กม. จากการชาร์จเต็มๆ1ครั้งจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มีความจุสูงถึง40kWh และตอนนี้ก็มีจุดชาร์จในประเทศมากกว่า 244จุดแล้ว เพื่อไม่ให้คนไทยต้องกังวลกับเทคโนโลยีใหม่ในตลาด จึงมีการรับประกันแบตเตอรี่ยาวนานถึง8ปี หรือ160,000กิโลเมตร (แล้วแต่ว่าระยะใดถึงก่อน) และไม่เพียงเท่านั้นระบบไฟฟ้าอื่นๆก็รับประกันยาวนานถึง 5ปีหรือ100,000กิโลเมตรด้วย (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) ทำให้ลูกค้าชาวไทยมั่นใจได้ว่า นอกจากจะไม่สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมแล้วยังมั่นใจในคุณภาพของรถยนต์ที่มีไว้ในครอบครองจาก Nissan

เทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%

เทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%

เป็นหนึ่งเดียว

จากมุมมองทั้ง 3ข้างต้นนี้ วันนี้ มันได้ถูกนำมารวมไว้เป็นหนึ่งเดียวในรถยนต์คันนี้ Nissan Leaf เวอร์ชั่นที่จะให้คนไทยได้จับจองเป็นเจ้าของ และไม่ใช่แค่เรื่องของความคุ้มค่าด้านพลังงานและการบำรุงรักษาที่จะได้เท่านั้น เพราะเจ้าของรถยนต์ Nissan Leaf ทุกคันยังได้เทคโนโลยี ช่วยเบรกฉุกเฉิน (FORWARD EMERGENCY BRAKING (FEB)) และ เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองรอบทิศทาง (INTELLIGENT AROUND VIEW MONITOR (IAVM)) ไปใช้ร่วมกับขุมพลังงานจากแบตเตอรี่ 100% อีกด้วย นั่นทำให้นับตั้งแต่นี้ไปไม่ใช่แค่เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่มันคือการหลอมรวมทั้งคนรอบข้าง ตัวคุณ และสิ่งแวดล้อมเข้าไว้ด้วยกันสมเป็น Intelligent Mobility ใน Nissan Leaf คันนี้

Nissan Leaf ไม่ใช่แค่เรื่องรถยนต์ไฟฟ้าแต่คือการใส่ใจทุกองค์ประกอบของสังคม

Nissan Leaf ไม่ใช่แค่เรื่องรถยนต์ไฟฟ้าแต่คือการใส่ใจทุกองค์ประกอบของสังคม

Intelligent Mobility จาก Nissan นับได้ว่ามีความโดดเด่น เพราะเป็นการเล่นจริงในทุกมุมมองสำหรับวงการรถยนต์และก็สามารถทำได้จริง ออกขายจริงได้แล้วด้วย เพื่อนๆท่านใดที่สนใจอยากจะจับจองเป็นเจ้าของเพื่อมุมมองที่กล่าวมาข้างต้น ก็สามารถไปรับชมกันได้ที่งาน Motor Expo 2018 เมืองทองธานีครับ

เพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่  
อ่านรีวิวรายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์  เชิญที่นี่ 

แท็ก Motor Expo 2018