เชื่อว่าบางครั้งคนใช้รถใช้ถนนมักจะตั้งคำถามว่าทำไมป้ายทะเบียนรถแต่ละคันถึงแตกต่างกันแล้วมีความหมายแฝงอยู่หรือไม่พร้อมไขข้อสงสัยไปพร้อมกันกับความหมายที่แฝงอยู่ในทะเบียนรถที่น่ารู้
สำหรับการใช้งานรถยนต์ในปัจจุบันนั้นเชื่อว่าคงมีหลายคนที่ตั้งคำถามไว้ในใจว่ารถแต่ละคันที่วิ่งบนท้องถนนทำไมถึงแตกต่างกันทำไมถึงไม่ใช้แบบเดียวกันเพราะจะได้ไม่สร้างความสับสนให้กับคนอื่นๆแน่นอนว่า ด้วยความสงสัยของเหล่าผู้ใช้รถใช้ถนนนี่เอง ที่ทำให้เราได้รวบรวมความหมายของป้ายทะเบียนรถแต่ละประเภทที่ควรรู้และศึกษาเอาไว้ เพราะป้ายทะเบียนรถแต่ละแบบมีความสำคัญมากกว่าที่คุณคิด รวมถึงทริคง่าย ๆ สำหรับการเลือกป้ายทะเบียนให้ถูกใจคุณ
ความหมายของป้ายทะเบียนรถยนต์ที่ควรรู้
ป้ายทะเบียนประเภทนี้ เป็นการบอกว่ารถคันนั้นเป็นรถจักรยานยนต์ทั่วไป และเป็นยนต์ส่วนบุคคล มีจำนวนที่นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่ง แต่หากเป็นรถที่มีจำนวนที่นั่งเกิน จะถูกเปลี่ยนให้เป็นตัวหนังสือสีน้ำเงินแทน
สำหรับป้ายทะเบียนที่มีพื้นสีขาว และมีตัวอักษรเป็นสีเขียว เป็นการแสดงให้เห็นว่ารถคันนั้นเป็นรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลนั่นเอง
อ่านเพิ่มเติม
>> คลายปมปัญหาใหญ่ ก่อนตัดสินใจซื้อประกันภัยรถยนต์ให้ถูกใจ
สำหรับป้ายทะเบียนสีเหลืองนั้น นับเป็นป้ายทะเบียนที่ป้ายที่พบเห็นได้ง่ายโดยทั่วไป โดยส่วนมากจะเป็นรถรับจ้าง ซึ่งความแตกต่างนั้นจะเป็นไปตามตัวอักษรที่ปรากฏบนป้าย ดังนี้
สำหรับป้ายทะเบียนสีขาว แล้วใช้ตัวอักษรสีน้ำนั้น เรียกว่าเป็นป้ายทะเบียนที่มีความคล้ายคลึงกับป้ายแบบที่ 1 แต่จะแตกต่างกันตรงที่แบบที่ 4 จะไม่สะท้อนแสง โดยจะใช้สำหรับบ่งบอกว่าเป็นรถจักรยานยนต์ส่วนตัว
สำหรับใครที่ท่องเที่ยวบ่อยก็คงจะคุ้นชินกับป้ายทะเบียนนี้ไม่ใช่น้อย เพราะป้ายทะเบียนแบบนี้จะใช้สำหรับรถยนต์ที่เอาไว้ให้เช่า หรือใช้กับรถที่บริการทัศนาจรหรือเพื่อธุรกิจอื่น ๆ ก็ได้เช่นเดียวกัน
โดยหากเป็นป้ายทะเบียนสีส้มสะท้อนแสง ตัวอักษรสีดำแล้ว แสดงว่ารถคันนั้นเป็นรถพ่วง รถบดถนน รถแทรกเตอร์ หรือแม้กระทั่งรถที่ใช้ในภาคเกษตรกรรม จะพบเห็นได้ตามถนนเส้นหลักที่อยู่นอกเมือง เช่น ทางกลับต่างจังหวัด
ตัวอย่างป้ายทะเบียนรถยนต์แต่ละแบบ
นับว่าเป็นประเภทที่คล้ายคลึงกับแบบที่1และ4เป็นอย่างมากแต่จะมีจุดสังเกตคือการใช้ตัวอักษรทขึ้นต้นตามด้วยรหัสซึ่งเป็นการบ่งบอกว่ารถคันนี้เป็นรถของคณะผู้แทนทางการทูตโดยรหัสที่ปรากฏบนแผ่นป้านทะเบียนนั้น จะเป็นการบ่งบอกถึงประเทศนั่นเอง
โดยป้ายทะเบียนนี้ จะมีจุดสังเกตคือ การใช้ตัวอักษรเพื่อบอกว่าเป็นรถยนต์ของฝ่ายใด ดังนี้
แบบที่ 9 : ป้ายทะเบียนที่เป็นกราฟิกรูปภาพ
โดยป้ายทะเบียนนี้เป็นป้ายทะเบียนที่คนใช้รถยนต์ส่วนบุคลแบบไม่เกิน 7 ที่นั่งนิยม เพราะหมายถึงป้ายทะเบียนที่ประมูลมา แถมความโดดเด่นก็คือ ตัวเลขและตัวอักษรที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ หรือที่เรียกกันว่าเลขสวย หรือเลขมงคล
สำหรับการเลือกป้ายทะเบียนรถยนต์ในเมืองไทยนั้น โดยปกติแล้วจะเลือกได้ก็ต่อเมื่อป้ายทะเบียนรถคันนั้นเป็นป้ายที่มาจากการประมูล (ป้ายทะเบียนที่เป็นกราฟิกรูปภาพ) แน่นอนว่า เราจะมาเผยทริคง่าย ๆ สำหรับการเลือกป้ายทะเบียนรถยนต์ให้ถูกใจ พร้อมวิธีการคิด ดังนี้
สำหรับการเลือกทะเบียนรถมงคลนั้น แน่นอนว่า เราจะทราบป้ายทะเบียนที่มีการประมูลรถก่อนทุกครั้ง เพราะฉะนั้น ลองมาดูวิธีการคิดในขั้นต้นก่อน ได้แก่
สำหรับแนวคิดของเรื่อง “คู่เลข” นั้น นับเป็นการเลือกป้ายทะเบียนรถยนต์ที่นิยม เมื่อนำมาผสมกับการคำนวณผลรวมจากป้ายทะเบียนรถยนต์แล้ว รับรองว่าถูกโฉลกมากยิ่งขึ้น โดยความหมายของคู่เลขนั้น จะมีอยู่ทั้งหมด 2 แนวคิด คือแนวคิดด้านพลังลบ หรือก็คือตัวเลขในแผ่นป้ายทะเบียนที่อยู่ติดกันแล้วไม่ดี และแนวคิดด้านพลังบวก หรือก็คือตัวเลขในแผ่นป้ายทะเบียนที่อยู่ติดกันแล้วดี สมพงษ์ ช่วยเสริมดวงชะตา ดังนี้
สำหรับคู่เลขดังกล่าวนั้น จะเห็นได้ว่า จะมีบางคู่เลขที่มีทั้งความหมายด้านพลังด้านบวกและลบ เช่น 35, 53, 63 ซึ่งคู่เลขดังกล่าวนั้น จะมีความหมายไม่เอนเองไปทิศทางใดทางหนึ่งมากนัก เช่น เลข 35 หากเป็นพลังด้านบวก ก็จะเกี่ยวข้องกับการเพิ่มบารมี และเป็นเลขที่คนใช้รถมักขับขี่ด้วยความเร็วให้ช่วยแคล้วคลาด ในขณะที่พลังด้านลบ จะหมายถึงรถเป็นรอยง่าย หากมองแล้วจะเห็นได้ว่า เลข 35 จะช่วยให้เหล่านักซิ่งแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุ แต่ก็จะถูกทดแทนด้วยการมีรอยของรถ เป็นต้น แน่นอนว่า ในกลุ่มเลขอันตรายที่นับว่าเป็นเลขต้องห้ามคือ ห้ามมีเลข 1, 3, 7 และ 0 อยู่ในทะเบียนเดียวกันอย่างเด็ดขาด เพราะเป็นเลขที่มีพลังด้านลบชนิดที่เป็นกาลกิณีอย่างถึงที่สุด
สำหรับวิธีการคำนวณผลรวมในป้ายทะเบียนรถยนต์นั้น ให้นำตัวเลข 4 ตัวหลัง ของป้ายทะเบียนรถยนต์มาบวกกัน โดยเราจะยกตัวอย่างเป็นป้ายทะเบียนรถ 6พย 7799 โดยมีวิธีการคำนวณ ดังนี้
สำหรับความหมายของผลรวมทั้งหมดนั้น มีความหมายตั้งแต่หมายเลข 1-9 ดังนี้
อย่างไรก็ตามป้ายทะเบียนแต่ละประเภทนั้น เป็นการบ่งบอกถึงการใช้งานของรถแต่ละประเภท เพราะฉะนั้น ถ้าคุณใช้รถแบบไหนก็ควรใช้ทะเบียนให้ถูกประเภท เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคม ที่สำคัญ ลองสำรวจป้ายทะเบียนรถยนต์ดูว่าถูกโฉลกกับตนเองหรือไม่ และหากจะไปประมูลรถ ก็ลองแกล้ง ๆ สำรวจและดูผลรวมเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนไปประมูลป้ายรถจริง
อ่านเพิ่มเติม
>> เสริมฮวงจุ้ยรถยนต์กับ 5 สิ่งที่ไม่ควรมีอย่างเด็ดขาด
>> ที่มาของแบรนด์รถดังที่คุณอาจไม่เคยได้รู้มาก่อน
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ช่องทางตลาดรถ Chobrod.com