หนึ่งในปัญหาที่เหล่าคนใช้รถมักจะต้องประสบพบเจอ ก็คงจะหนีไม่พ้นการเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ให้กับตนเอง แต่ครั้นจะเลือกว่าแบบไหนดีก็กลัวว่าจะไม่คุ้มค่า แถมเสียเงินเล่นอีกต่างหาก เพราะฉะนั้น ลองอ่านบทความนี้ แล้วคุณจะพบคำตอบ
ก่อนที่คุณจะเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ก็คงจะมีคำถามไม่ใช่น้อยว่าประกันภัยรถยนต์นั้นมีกี่ประเภทคุ้มครองอย่างไรค่าเบี้ยประกันสูงหรือไม่และคุ้มครองอะไรบ้างซึ่งถ้าให้เลือกได้ก็คงอยากได้ประกันที่คุ้มครองแบบครบครัน แต่เบี้ยประกันไม่สูงกัน แต่เชื่อหรือไม่ว่าท้ายที่สุดแล้วเราก็ต้องเลือกเบี้ยประกันที่ไหวต่อกำลังจ่าย แถมคุ้มครองตามความเหมาะสมเป็นหลัก
ประกันภัยรถยนต์และการคุ้มครอง
ทั้งนี้ เราจะมาไขคำตอบพร้อมแนะนำว่า คุณเหมาะกับประกันภัยรถยนต์แบบใด และแต่ละประเภทคุ้มครองอย่างไรบ้าง ที่สำคัญรวมถึงสิ่งที่ควรรู้แบบครอบคลุม ดังนี้
สำหรับประเภทของประกันภัยนั้น โดยทั่วไปแล้วจะมีให้เลือกทั้งหมด 5 ประเภท (บางบริษัทอาจจะมีแค่ 3, 4 ประเภท) ได้แก่ ประกันภัยชั้น 1, ประกันภัยชั้น 2, ประกันภัยชั้น 3, ประกันภัยชั้น 2+ และ ประกันภัยชั้น 3+ ซึ่งประเภท 2+ และ 3+ นั้น เรียกว่าประกันภัยประเภท 5 หรือแบบพิเศษ ที่เพิ่มรายละเอียดจากประกันชั้นปกติ ซึ่งในที่นี้ เราะกล่าวรวมทั้งหมด 5 ประเภท ดังนี้
ลักษณะของประกันภัยแต่ละประเภท
ลักษณะของประกัน
นับเป็นประเภทที่ได้รับความนิยมสูงสุดเลยก็ว่าได้ เพราะคุ้มครองมากกว่าและครอบคลุมหลายกรณี ตั้งแต่ความเสียหายกับรถ อุบัติเหตุ บุคคลภายนอก รถหาย ฯลฯ ซึ่งคนที่มักซื้อประกันชั้นนี้ โดยส่วนมากแล้วจะเป็นคนที่ซื้อรถใหม่ป้ายแดง เป็นมือใหม่หัดขับ และใช้รถที่มีราคาสูง เช่น Super Car
ความคุ้มครอง
1. คุ้มครองความเสียหายต่อผู้ขับขี่ และผู้โดยสารภายในรถ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าประกันตัวผู้ขับขี่
2. คุ้มครองต่อบุคคลภายนอก ทั้งชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน และอนามัยของบุคคลภายนอก ซึ่งทางบริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบให้ทั้งหมดตามที่ระบุในกรมธรรม์
3. คุ้มครองรถในทุกกรณี เช่น ไฟไหม้ รถหาย การชนแบบไม่มีคู่กรณี ภัยธรรมชาติ ที่สำคัญทางประกันก็ยังมีอู่ซ่อมที่รองรับเอาไว้ในกรณีที่มีการซ่อมแซมเกิดขึ้นด้วย
ลักษณะของประกัน
สำหรับประกันภัยชั้น 2 หรือประเภท 2 นั้น ในปัจจุบันจะไม่ค่อยนิยมเท่าใดนัก ซึ่งคนที่นิยมเลือกประกันชั้นนี้มักจะเป็นคนที่มีความเสี่ยงน้อย เป็นคนที่ขับรถด้วยความระมัดระวัง โดยที่ต้องการให้ประกันภัยคุ้มครองในส่วนของคู่กรณีเป็นหลัก
ความคุ้มครอง
1. คุ้มครองความเสียหายต่อผู้ขับขี่ และผู้โดยสารภายในรถ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าประกันตัวผู้ขับขี่
2. คุ้มครองรถยนต์ในกรณีที่เกิดการสูญหาย ไฟไหม้ หรืออุปกรณ์ที่ตกแต่งไว้ภายในรถ แต่ไม่คุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
3. คุ้มครองในกรณีที่รถยนต์ของคู่กรณีเสียหาย
อ่านเพิ่มเติม
>> ไขข้อสงสัย ประกันภัยรถยนต์แต่ละชั้นคุ้มครองต่างกันอย่างไร
>> ประกันภัยรถยนต์และเคล็ดลับที่แชร์กันทั่วโลก
การคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์
ลักษณะของประกัน
นับเป็นประกันที่มีเบี้ยน้อยที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้น ประกันประเภทนี้จึงค่อนข้างได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่มีงบจำกัด ไม่ใช่รถใหม่ป้ายแดง แต่ต้องการคุ้มครองคู่กรณีเป็นหลัก
ความคุ้มครอง
1. คุ้มครองความเสียหายต่อผู้ขับขี่ และผู้โดยสารภายในรถ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าประกันตัวผู้ขับขี่
2. คุ้มครองชีวิตที่เป็นส่วนเกินจาก พรบ. รถยนต์ และทรัพย์สินของบุคคลภายนอกหรือคู่กรณี
ลักษณะของประกัน
หากกล่าวโดยภาพรวมแล้ว ประกันภัยประเภท 2+ นั้น จะได้รับความนิยมค่อนข้างสูง เพราะมีการคุ้มครองใกล้เคียงกับประเภท 1 แต่จะน้อยกว่า ซึ่งจะเป็นการคุ้มครองที่มีลักษณะเพิ่มเติมจากประเภท 2 เรียกว่าเป็นประกันที่อยู่ระหว่างกลางประเภท 1 และ 2 นั่นเอง
ความคุ้มครอง
1. คุ้มครองความเสียหายต่อผู้ขับขี่ และผู้โดยสารภายในรถ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าประกันตัวผู้ขับขี่
2. คุ้มครองรถยนต์ในกรณีที่เกิดการสูญหาย ไฟไหม้ หรือภัยธรรมชาติ
3. คุ้มครองรถยนต์ของคู่กรณีที่เกิดความเสียหาย
4. คุ้มครองรถยนต์ของผู้เอาประกันภัย ในกรณีที่เกิดการชนแบบมีคู่กรณีเท่านั้น
ลักษณะของประกัน
สำหรับประกันภัยประเภทนี้ จะเป็นประกันภัยที่เพิ่มเติมจากประเภท 3 โดยจะมีการคุ้มครองที่คล้ายคลึงกัน แต่เพิ่มความคุ้มครองรถยนต์ของผู้เอาประกันในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ที่สามารถระบุคู่กรณีได้
ความคุ้มครอง
1. คุ้มครองความเสียหายต่อผู้ขับขี่ และผู้โดยสารภายในรถ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าประกันตัวผู้ขับขี่
2. คุ้มครองรถยนต์ของคู่กรณีที่เกิดความเสียหาย
3. คุ้มครองรถยนต์ของผู้เอาประกันภัย ในกรณีที่เกิดการชนแบบมีคู่กรณีเท่านั้น
การเคลมประกันและการคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์
สำหรับใครที่กำลังตั้งคำถามอยู่ว่า ตนเองนั้นเหมาะกับการซื้อประกันภัยรถยนต์แบบไหนถึงจะคุ้มค่า ทางเราขอแนะนำโดยให้คุณลองพิจารณาดังนี้
เบื้องต้น คุณต้องรู้ก่อนว่าคุณใช้รถอะไรอยู่ เพราะรถยนต์แต่ละประเภทก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะค่าซ่อมบำรุงและอุปกรณ์ที่ต้องเปลี่ยน หากคุณใช้รถยุโรป รถสปอร์ต หรือรถที่ใช้อะไหล่ค่อนข้างแพง แนะนำว่าให้เลือกประกันภัยชั้น 1 จะดีกว่า เพราะหากคุณใช้รถ Super Car แล้ววันหนึ่งเกิดมีต้นไม้หล่นทับ คุณจะได้ไม่ตกใจกับค่าซ่อมที่แพงเอาการ แต่ให้ประกันภัยจัดการซ่อมให้แทน
ลำดับต่อมา ให้ลองสังเกตพฤติกรรมการขับรถของตนเองให้ดีเสียก่อนว่าเป็นคนขับรถแบบใด เร็วแค่ไหน และเดินทางบ่อยหรือไม่ เช่น หากคุณเป็นคนที่ใช้รถแบบขับไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง และใช้เฉพาะในกรุงเทพเท่านั้น ชนิดที่ขับไปกลับที่ทำงานและบ้านเป็นหลัก ก็อาจจะเลือกเป็นประกันชั้น 2+ , 2 แทนก็ได้ เพราะการคุ้มครองจะถูกลดลงมาจากชั้น 1 ในบางกรณีเท่านั้น
ลำดับสุดท้าย ก็คือการสำรวจและวิเคราะห์กำลังจ่ายของตัวเองเป็นหลัก เพราะหากคุณมีกำลังจ่ายไม่มากพอ และยังต้องผ่อนรถอยู่ การเลือกประกันภัยที่มีเบี้ยประกันสูงก็จะส่งผลต่อการใช้ชีวิตของคุณอยู่ไม่น้อย เช่น หากคุณมีเงินเดือน 25,000 บาท ผ่อนรถเดือนละ 9,000 บาท หากเลือกประกันชั้น 1 ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันตกปีละ 15,000 เฉลี่ยเดือนนึงก็ 1,250 บาท คุณจะเหลือเงินใช้จ่ายในเดือนนั้นแค่ 14,750 บาท เท่านั้น แต่หากลองลดมาเป็นประกันภัยชั้น 2+ ที่มีค่าเบี้ย 8,400 บาทต่อปี คุณก็จะมีรายจ่ายที่เป็นค่าเบี้ยประกันต่อเดือนประมาณ 700 บาท เฉลี่ยแล้วคุณจะเหลือเงินใช้จ่ายประมาณ 15,300 บาท แน่นอนว่า เงินที่เหลือจากการลดความคุ้มครองของประกันลงมา จะช่วยให้มีเงินไปใช้จ่ายอย่างอื่นมากขึ้น เช่น ค่าน้ำมัน
การสำรวจตัวเองและแนวทางการเลือกซื้อประกันภัย
อ่านเพิ่มเติม
>> ซื้อประกันภัยรถยนต์รู้หรือไม่ “ซ่อมห้าง” และ “ซ่อมอู่” คืออะไร
>> หายสงสัยสักทีกับเหตุผลที่ว่า ทำไมต้องต่อประกันภัยชั้น 1
สำหรับการเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์นั้น หลายคนก็คงจะมีข้อสงสัยอยู่บ้าง เช่น เลือกของบริษัทอะไรดี เลือกประกันภัยชั้นไหน การคุ้มครองของแต่ละบริษัทเป็นอย่างไร ซึ่งเราจะมาสรุปแบบง่าย ๆ ที่ช่วยให้คุณคลายความสงสัยได้
ก่อนอื่น ต้องบอกก่อนว่าในประเทศไทยนั้นมีบริษัทประกันภัยรถยนต์ให้เลือกมากมาย เพราะฉะนั้น การเลือกซื้อประกันจากบริษัทต่าง ๆ นั้น ให้คุณลองวิเคราะห์จากข้อมูลเบื้องต้น เช่น การซ่อมห้างหรือซ่อมอู่ที่ต้องการใช้บริการเข้าร่วมกับบริษัทประกันใดบ้าง ความน่าเชื่อถือของบริษัทประกันภัย โดยจะต้องได้รับการรับรองจาก คปภ. เท่านั้น ที่สำคัญ ให้เลือกจากตัวแทนหรือผู้ให้บริการที่เป็นมิตร สามารถตอบความสงสัยได้ครบถ้วน มีรีวิวจากการใช้งานที่ดี เพราะหากเกิดอะไรขึ้นมาบริษัทประกันจะต้องดูแลอย่างเต็มกำลัง
การเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ตามประเภทที่ต้องการ
สำหรับบริษัทที่ประกอบการด้านประกันภัยรถยนต์นั้นมีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งเราจะนำบริษัทที่ได้รับการยอมรับ และมีคนใช้งานมากที่สุดมาแนะนำ ดังนี้
หากคุณเป็นคนที่ใช้ประกันภัยรถยนต์มาแล้วในระดับหนึ่ง แสดงว่าต้องรู้จักพฤติกรรมของตนเอง รวมถึงกำลังจ่ายแล้วไม่มากก็น้อย ทีนี้หากประกันกำลังจะหมด และต้องการต่อประกันภัย แต่ก็ยังลังเลอยู่ว่าจะเปลี่ยนบริษัทหรือจะใช้บริการเจ้าเดิมดี ขอให้คุณลองตั้งคำถามและสอบถามกับตัวแทนด้วยคำถามเบื้องต้น ดังนี้
และที่สำคัญคือ ให้ลองวิเคราะห์จากการบริการของประกันภัยนั้น ๆ ว่าเป็นอย่างไร เวลามีปัญหามาช้าหรือไม่ และอย่าลืมลองเทียบเบี้ยประกันภัยและความคุ้มครองกับบริษัทอื่นด้วย ว่าในกรณีที่คุ้มครองเท่ากันนั้น บริษัทไหนมีค่าเบี้ยประกันน้อยกว่า เพื่อที่จะเป็นตัวเลือกและแนวทางในการตัดสินใจได้
การเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ช่วยคุ้มครองได้หลากหลาย
สำหรับการเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์นั้น ถือเป็นการซื้อประกันภัยเพิ่มเติมด้วยความสมัครใจ นอกเหนือจาก พรบ. รถยนต์ ที่กฎหมายบังคับใช้โดยทั่วกัน เพราะฉะนั้น การเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ทุกแบบ ต้องตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียด และศึกษาให้รอบคอบก่อน เพื่อผลประโยชน์ของตัวคุณเอง
อ่านเพิ่มเติม
>> ใหม่!! อัปเดตรถเก๋งมือสองจาก Honda ในครึ่งปีหลัง 2019
>> ทริคเสริมฮวงจุ้ยรถยนต์ฉบับคนญี่ปุ่น เป็นคนไทยก็ทำได้ง่าย ๆ
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ช่องทางตลาดรถ Unseencar.com