อุตสาหกรรมรถยนต์ในปัจจุบันถูกมองว่าเป็นหนึ่งในต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดมลพิษ ที่นำสู่ปัญหาโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก อีกทั้งราคาน้ำมันโลกที่มีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้บริโภคเริ่มหันมาสนใจรถยนต์ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น รวมทั้งหลายค่ายรถยนต์ก็ได้มีการวิจัยและพัฒนารถยนต์ประหยัดพลังงาน ซึ่งจากรายงานในสหรัฐฯ รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามียอดจำหน่ายกว่าแสนคัน
รถยนต์พลังงานไฟฟ้าถือเป็นเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันสามารถชิงส่วนแบ่งของรถยนต์ที่ใช้น้ำมันได้บางส่วน และในอนาคตอาจมาแทนที่เทคโนโลยียานยนต์ ซึ่งการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าตอนนี้มี 4 ประเภท ที่เน้นใช้แบตเตอรี่ในการเก็บพลังงาน บทบทความนี้จะพาคุณไปรู้จักรถพลังงานไฟฟ้าทั้ง 4 ประเภทนี้กัน
1. Hybrid Electric Vehicle (HEV)
Hybrid Electric Vehicle หรือที่เราเรียกว่ารถพลังงานไฟฟ้าไฮบริด เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เรามักจะได้ยินบ่อยๆ รถพลังงานไฟฟ้าไฮบริดนี้เป็นลูกผสมที่ใช้ทั้งระบบเครื่องยนต์และพลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน รถยนต์อาจขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์อย่างเดียว พลังงานไฟฟ้าอย่างเดียว หรือทั้งสองอย่างควบคู่กันก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นกับสถานการณ์และความเหมาะสม อย่างเช่น เมื่อเราสตาร์ทรถ รถจะตรวจสอบว่ามีกำลังไฟฟ้าที่อยู่ในแบตเตอรี่เพียงพอหรือไม่ ถ้ามีเพียงพอก็จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า แต่ถ้าไม่เพียงพอ ก็จะเปลี่ยนไปเป็นระบบเครื่องยนต์แทน หรือช่วงที่รถติด รถก็จะเปลี่ยนเป็นขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โดยดึงเอาพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่มาใช้ เมื่อกลับมาเร่งเครื่อง ก็จะกลับไปใช้เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อน
Toyota Prius รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบไฮบริด
จากการที่รถใช้พลังงานไฟฟ้านี่เอง ทำให้ประหยัดน้ำมันและช่วยลดมลพิษจากไอเสียของรถยนต์ที่ปล่อยออกมาสู่ท้องถนน รถยนต์ไฮบริดที่มีในท้องตลาด อย่างเช่น Toyota Prius, Toyota Camry hybrid, Honda Accord hybrid, Honda Jazz Hybrid
2. Plug in Hybrid Vehicle (PHEV)
Plug in Hybrid Vehicle หรือที่เรียกว่า รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด เป็นรถยนต์ที่พัฒนาต่อยอดมาจากรถยนต์ไฮบริด แต่รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่เป็นหน่วยขับเคลื่อนหลักของรถยนต์ และเครื่องยนต์เบนซินกลายเป็นตัวช่วยของมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น อีกทั้งสามารถอัดประจุไฟฟ้าจากภายนอกมาเก็บที่แบตเตอรี่ได้ ทำให้รถยนต์ปลั๊กอินสามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าในระยะทางที่ไกลขึ้น สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวเป็นระยะทางมากขึ้นถึง 20-80 กม. ทำให้การใช้น้ำมันลดลงเมื่อเทียบกับรถไฮบริดทั่วไปอย่างชัดเจน
Mercedes-Benz รถยนต์แบบปลั๊กอิน
สามารถใช้กระแสไฟฟ้าตามบ้านที่เป็นแหล่งพลังงานราคาถูกชาร์จแบตเตอรี่ รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดส่วนมากจะเป็นค่ายยุโรป อย่าง Mercedes-Benz และ BMW และในเอเชียก็มี Honda ที่เตรียมส่งรถยนต์ไฮบริดสู่ตลาด
3. Battery Electric Vehicle (BEV)
Battery Electric Vehicle หรือรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เรารู้จักกัน รถยนต์ประเภทนี้ที่ขับเคลื่อนด้วยรถมอเตอร์เพียงอย่างเดียว ไม่มีเครื่องยนต์ ซึ่งจะใช้พลังงานที่อยู่ในแบตเตอรี่มาใช้เท่านั้น นั้นหมายความว่ารถประเภทนี้ไม่ต้องเติมน้ำมัน เพียงแค่ชาร์ตแบตเตอรี่ให้เต็มก็สามารถขับเคลื่อนได้แล้ว นอกจากนี้น้ำหนักโดยรวมจะเบากว่ารถยนต์แบบเก่า เนื่องจากไม่ต้องแบกน้ำหนักที่เกิดจากน้ำหนักมอเตอร์และแบตเตอรี่ นั่นก็เท่ากับว่ารถสามารถขับเคลื่อนโดยแบกน้ำหนักผู้โดยสารและสัมภาระได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบเก่า
Nissan Leaf รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
ด้วยรถยนต์ประเภทนี้เป็นรถยนต์ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว ดังนั้นรถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้จะไม่มีการปล่อยมลพิษ และแก๊สคาร์บอนไดออกไซต์ หมายความว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะไม่สร้างมลพิษ ตัวอย่างรถประเภทนี้ก็เช่น BMW i3 , Nissan Leaf, Mitsubishi i-MiEV
4. Fuel Cell Electric Vehicle (FCEV)
รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell ) หรือก็คือไฮโดรเจนนั่นเอง โดยหลักการทำงานคือ การเปลี่ยนไฮโดรเจนเหลวเป็นพลังงานไฟฟ้าไปเก็บที่ Fuel Cell ซึ่งเป็น Lithium battery เพื่อจ่ายพลังงานให้มอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งการเติมเชื้อเพลิงเพียงครั้งเดียว สามารถขับเคลื่อนได้ถึง 650 กิโลเมตรเลยทีเดียว และด้วยไม่มีเครื่องยนต์ ทำให้การทำงานในการขับเคลื่อนจึงไม่แรงแรงสั่นสะเทือน ไม่มีเสียงการทำงานของเครื่องยนต์
รถยนต์ Hyundai เซลล์เชื้อเพลิง
ด้วยใช้พลังงานเชื้อเพลิงสะอาด ดังนั้นรถประเภทนี้ไม่มีการปล่อยมลพิษและแก๊สคาร์บอนไดออกไซต์ มีเพียงการปล่อยน้ำออกมาเท่านั้น รถยนต์ประเภทนี้เริ่มเห็นในเมืองนอกอยู่บ้าง อย่างเช่น Hyundai, Honda
ทั้งหมดนี้คือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่กำลังจะค่อยๆเข้ามาแทนที่รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ แน่ในอนาคตเราอาจจะเห็นรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนลดน้อยลง กลายมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแทน ซึ่งมันทั้งประหยัด ลดมลพิษ อนาคตสดใสทีเดียวครับกับรถยนต์ไฟฟ้า