ที่สุดท้้ายที่เราจะนึกถึงว่ารถยนต์ควรจะไปอยู่ที่นั่น น่าจะเป็นก้นทะเลลึก เพราะว่ามันช่างห่างไกลฝั่งเหลือเกิน และรถยนต์แต่ละคันน้ำหนักก็ไม่ใช่น้อยๆ การขนย้ายเอารถยนต์ไปจมอยู่ก้นทะเลต้องใช้เงินจำนวนหนึ่งทีเดียวและถ้าไม่จำเป็นก็คงไม่ทำ แต่ก็ยังมีเหตุการณ์แปลกๆที่มนุษย์พบเจอรถยนต์จมอยู่ใต้ทะเลลึก ตามไปชมกันครับ
โลกของเรามีพื้นน้ำเป็นจำนวน 75% โดยประมาณและมนุษย์เกือบ100%ไม่ได้อาศัยอยู่ในน้ำ ดังนั้นเรื่องราวต่างๆที่เป็นอารยธรรมของมนุษย์มักจะเกิดขึ้นบนพื้นดินมากกว่าพื้นน้ำ แต่วันนี้เราจะมาดูว่าสิ่งที่อยู่ใต้พื้นน้ำมันมาเกี่ยวข้องกับเรื่องรถยนต์ได้อย่างไร
รถยนต์ที่พวกเราในยุคนี้เห็นกันจนชินตาย่อมมาพร้อมกับถนนหนทางที่มีรัฐบาลสร้างให้ทุกคนได้ใช้และโลดแล่น แต่สิ่งหนึ่งที่เราเองคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องที่แปลกมากๆที่รถบางคันกลับไปอยู่ใต้ท้องทะเลได้ ถ้าเป็นเรือหรือเครื่องบินยังพอเข้าใจแต่ถ้าเป็นรถยนต์ที่ไม่น่าจะไปอยู่ในมหาสมุทรได้มันไปอยู่ในนั้นได้อย่างไร วันนี้เราจะพาไปดูถึงรถยนต์คันไหนบ้างที่มีโอกาสไปจมอยู่ใต้ท้องทะเลพร้อมกับภาพที่มนุษย์เก็บมาได้
หลายสิบปีก่อน ในขณะที่สมัยนั้นยังไม่มีแม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือหรืออินเตอร์เน็ต โลกเราในตอนนั้นเกิดเหตุการณ์ต่างๆขึ้นมากมาย ทั้งความโกลาหลและความปั่นป่วนไม่ว่าจะทางสงครามหรือเศรษฐกิจที่ทิ้งร่องรอยแห่งซากปรักหักพังเอาไว้เป็นหน้าในประวัติศาสตร์ของโลก โดยเฉพาะยุทธโธปกรณ์ต่างๆรวมไปถึงรถที่ใช้ในการรบด้วย เป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ว่ารถที่ใช้ในการรบกลับไปจมอยู่ใต้ก้นมหาสมุทรดังรูปด้านล่างนี้ เป็นรถยน์ที่ใช้ในการสงครามของการต่อสู้ในสงครามโลกครั้งที่2 โดยที่มาที่ไปของมันน่าจะมาจากเรือขนรถถังและยานพาหนะที่กำลังออกเรือแล่นไปส่งยังประเทศร่วมรบต่างๆ แต่ถูกฝ่ายตรงข้ามเข้าตีและจมเรือขนยานพาหนะทำให้รถยนต์เหล่านี้จมลงไปพร้อมกับหน้าประวัติศาสตร์ ส่วนที่น่าเสียใจที่สุดไม่ใช่เรื่องรถเหล่านี้จมลงสู่ก้นบึ้งของทะเลแต่เป็นชีวิตของทหารที่มากับเรือและรถยนต์เหล่านี้ต่างๆหากที่ถูกจมลงไปพร้อมกับเรื่องราวต่างๆในสงครามครั้งนั้นด้วย ถ้าเราไม่เคยรู้มาก่อนว่าโลกนี้มีสงครามโลก ก็คงสงสัยว่ารถแบบนี้ไปอยู่ที่กลางก้นมหาสมุทรได้อย่างไร
รถยนต์ในทางทหารสมัยสงครามโลกครั้งที่สองที่ไปจมอยู่ใต้ท้องมหาสมุทรที่ห่างฝั่งไปหลายร้อยกิโลเมตร
เรื่องนี้เป็นเรื่องทางทหารและระบุที่มาที่ไปได้ มันเกิดขึ้นเมื่อตอนที่เรือรบ SS Thistlegorm ของอังกฤษจมลงในท้องทะเลตั้งแต่ปี 1941 หลังจากถูกโจมตี เรือลำนี้บรรทุกยานพาหนะทางทหารต่างๆมากมายที่กำลังเดินทางจากเมือง Glasgow ประเทศ Scotland ไปยัง Alexandria ในอียิปต์ หลังจากที่เรือรบลำนี้หยุดเติมเชื้อเพลิงที่เมือง Cape Town ประเทศแอฟริกาใต้ และมีแผนจะเดินทางผ่านทางคลอง Suez แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้แล่นเรือไปทางนั้นเนื่องจากมีอุบัติเหตุทางน้ำกัดขวางคลองเอาไว้ ทำให้ต้องหยุดเรือพักกันที่อียิปต์ และการหยุดเรือในครั้งนั้นก็นำมาซึ่งการทิ้งระเบิดจากฝ่ายเยอรมนีและเรือลำนี้ก็จมลงก้นบึ้งของทะเลไปพร้อมกับรถยนต์ของทหารอังกฤษที่ขนไปด้วยในตอนนั้น
เรือรบของอังกฤษโดนทิ้งระเบิดทำเอารถยนต์ที่ใช้การรบจมลงไปพร้มกับเรือ
รถยนต์ Volkswagen Beetle เป็นรถยนต์ที่สร้างชื่อเสียงในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์มากแบรนด์หนึ่ง นับตั้งแต่การผลิตมันออกมาสู่สายตาชาวโลกในปี 1938 ตลอดการใช้ชีวิตในวงการรถยนต์ของมัน บริษัทเจ้าของรถสัญชาติเยอรมนีได้ผลิตมันออกมากว่า 20ล้านคันแล้ว ไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องน่าประหลาดใจดีหรือไม่ที่เราไปพบบางคันใน 20ล้านคันนั้นจมอยู่ใต้ท้องทะเลลึก ในโมเดลแรกๆของ Volkswagen Beetle เป็นเครื่องยนต์ใช้กำลัง 25แรงม้า ทำความเร็วได้สูงสุด 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนเจ้า Beetle ที่จมอยู่ใต้ท้องทะเลนี้เจ้าของได้เอาเครื่องยนต์ของมันออกก่อนที่จะทิ้งมันลงก้นบึ้งของทะเล ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าเพราะเหตุใดจึงทำเช่นนั้น การจะทุ่มเงินหาต้นสายปลายเหตุก็คงไม่ใช่เรื่องที่จะมาทำกันง่ายๆ แต่เรื่องที่แปลกยิ่งกว่าคือคนที่เอามาทิ้ง รถคันนี้เป็นรถที่มีชื่อเสียงและโด่งดังมาถึงปัจจุบันการจะเอามันมาทิ้งยังนึกเหตุผลดีๆไม่ออกเลย
รถยนต์ Volkswagen Beetle ที่จมลงสู่ก้นมหาสมุทร
เป็นเรื่องที่น่าแปลกที่เราจะเจอรถยนต์ใต้ท้องทะเลแต่ที่แปลกกว่านั้นคือสภาพรถยนต์บางคันที่อยู่ใต้ท้องทะเลก็ทำเอาเราอึ้งไปได้เช่นกัน อย่างรถยนต์คันนี้ที่กระจังหน้าไม่เหลือแล้ว ทำให้มองจากภาพไม่ออกเลยว่าเป็นรถยนต์อะไร สภาพไม่มีแม้กระทั่งล้อรถยนต์ (แล้วมันไปอยู่ใต้ทะเลได้อย่างไร) แต่สีของมันยังคงสดแม้จะผ่านมานานหลายปี แสดงให้เห็นว่าการทำสีของรถยนต์แบรนด์นี้ไม่ธรรมดา อย่างไรก็ตามส่วนอื่นๆที่ขึ้นสนิมก็คงเป็นเรื่องปกติของเหล็กที่ลงไปค้างอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน
สภาพรถยนต์ที่เยินแต่สียังสดใสใต้ทะเล
เพิ่มเติม
อีกคันหนึ่งเป็นสภาพที่แย่กว่า นั่นคือถูกถอดชิ้นและบุบบี้ในระดับหนึ่งแล้วก่อนมันจะมานอนนิ่งๆใต้ท้องทะเล นั่นหมายความว่าคงมีคนจงใจจะนำมันมาทิ้ง แต่การทิ้งรถสภาพนี้ทิ้งบนบกน่าจะง่ายกว่าเอามาทิ้งกลางทะเลแน่ๆ รถคันไม่ใช่เล็กๆ หรืออาจจะมีความเป็นไปได้ว่าเจ้าของรถไม่อยากจะดูแลรักษารถแล้ว ไม่อยากจ่ายภาษีรถยนต์ ไม่ได้ใช้รถคันนี้แล้วก็เลยคิดอยากจะทิ้งมันขึ้นมาและไม่อยากให้ใครรู้ก็เลยเอามาทิ้งพร้อมกับความลับที่ไม่มีใครรู้ได้ว่าอยากจะปิดบังอะไร มองจากภาพแล้วน่าจะเป็นรถยนต์คลาสสิคสักรุ่นหนึ่ง
สภาพรถยนต์ที่เยินแล้วแม้อยู่บนบกก็คงไม่สามารถเคลื่อนที่ได้
อันดับที่2 รถที่เป็นคดี
ในรัฐ Oklahoma ของประเทศสหรัฐอเมริกา ตำรวจใช้อุปกรณ์ตรวจจับสิ่งผิดปกติใต้ท้องทะเลเป็นกิจวัตร แต่ก็ดันไปพบเจอกับรถยนต์คันหนึ่งซึ่งสูญหายไปราวครึ่งศตวรรษแล้ว และพบโครงกระดูกในรถยนต์คันนั้นด้วย รถยนต์คันนั้นคือรถยนต์ Chevrolet ตั้งแต่ช่วงปี 1950 หลังจากนั้นก็มีการสำรวจให้ลึกลงไปยิ่งขึ้นเพื่อที่จะระบุชื่อคนผู้เป็นเจ้าของโครงกระดูกนี้เพราะมันอาจจะไปตรงกับคดีใดคดีหนึ่งเกี่ยวกับบุคคลสูญหายที่ยังหาตัวไม่พบ ซึ่งต้องนำไปตรวจสอบต่อไปเพื่อให้รู้ว่าใช่คนเดียวกับที่เป็นคดีสูญหายเมื่อหลายสิบปีก่อนรึเปล่า
รถที่อาจมาจากคดีที่ยังไขไม่ได้และเป็นความลับจมอยู่ใต้ท้องทะเล
อันดับที่1 รถโรงเรียน
เป็นเรื่องปกติสำหรับการนั่งรถไปโรงเรียนแม้กับในต่างประเทศก็เช่นกัน แต่ที่แปลกคือมันลงไปอยู่ใต้ท้องทะเลได้อย่างไร ใต้ท้องทะเลน่าจะเป็นสถานที่สุดท้ายที่เราจะนึกถึงหากต้องการหารถโรงเรียน รถคันนี้อยู่ใต้ก้อนทะเลในช่วงไม่กี่ปีหลังมานี้ กระจกหน้าต่างถูกทำลายหมด รวมไปถึงตัวรถยนต์ก็ขึ้นสนิม เบาะนั่งต่างๆก็ถูกนำออกไปหมด จากข้อมูลที่ค้นพบคาดว่ารถโรงเรียนคันนี้อยู่ใต้ท้องทะเลเพราะอุบัติเหตุ และคนที่พบสภาพรถโรงเรียนแบบนี้ก็ได้แต่หวังว่านักเรียนพร้อมกับคนขับของรถคงปลอดภัยกันทุกคน การเห็นรถโรงเรียนมาอยู่ใต้ท้องทะเลนับเป็นอีกเรื่องที่แปลกสุดๆ(ถ้าในแม่น้ำยังพอเข้าใจ)
รถโรงเรียนที่จมอยู่ใต้ท้องทะเล
ใต้ท้องทะเลล้วนมีสิ่งลึกลับ แม้กระทั่งเรื่องลึกลับบนบกบางเรื่องก็ยังไปจมอยู่ใต้ทะเล แต่จากพื้นฐานสิ่งที่ควรจะเป็นแล้วไม่ว่าอย่างไรรถควรอยู่บนบก ส่วนใต้ท้องทะเลก็ไม่ควรจะต้องเจออะไรแบบนี้ หวังว่าเพื่อนๆทุกคนจะขับรถกันอย่างระมัดระวังนะครับเพราะว่าเรื่องแปลกๆที่ไม่คิดว่าจะมียังเกิดขึ้นได้ในท้องทะเล เราเองอยู่บนถนนก็ยิ่งต้องระวังให้มากนะครับ
เพิ่มเติม
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้