ถึงเวลาก็ต้องเปลี่ยน ถึงระยะก็เช็ค มาตรวจสอบกันกับรายการบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะเวลาใช้งาน

ในเวลา 1 ปีต้องตรวจเช็คอะไรบ้างในรถยนต์

เช็คสภาพรถยนต์เมื่อถึงระยะที่กำหนด

ในระยะเวลา 1 ปี หรือประมาณ 20,000 กิโลเมตรนั้น มีบางส่วนของอุปกรณ์ที่แม้ยังไม่ได้เสื่อมสภาพมากนัก แต่ก็ควรได้รับการตรวจสอบและบำรุงตามรายการดังต่อไปนี้

• เช็คระยะช่องว่างของวาล์ว เช็คระยะช่องว่างระหว่างกระเดื่องวาล์วกับก้านวาล์ว ถ้าระยะห่างมากเกินไปจะมีเสียงดังรบกวน ถ้าระยะน้อยเกินไปส่วนผสมจะอัดตัวไม่แน่นพอทำให้เครื่องยนต์อ่อน ตั้งให้ถูกต้องตามกำหนดของเครื่องยนต์ โดยใช้แผ่นเกจวัด หรือที่เรียกว่าฟิลเลอร์เกจ
• สายหัวเทียน ดีงสายหัวเทียนออกทีละสูบ โดยเปรียบเทียบความแตกต่างของแต่ละสูบว่าเครื่องสะดุดมากน้อยแค่ไหน ถ้าดึงสายไหนออกแล้วสั่นมากขึ้นให้ใส่กลับที่เดิม ถ้าสายไหนดึงออกแล้วไม่พบความแตกต่าง สันนิษฐานไว้ก่อนว่าสายเส้นนั้น หรือหัวเทียนในสูบนั้นเสื่อม
• หม้อน้ำ ตรวจสอบสภาพหม้อน้ำเบื้องต้น ให้บีบท่อยางยางน้ำ ถ้าพบว่าแข็งกว่าปกติ นั่นหมายความว่าถึงเวลาที่จะต้องทำความสะอาดแล้ว โดยการทำความสะอาดหม้อน้ำสามารถทำด้วยตัวเองได้ง่าย ๆหรือจะใช้บริการตามอู่ก็ได้ค่ะ
• ไส้กรองอากาศ เปลี่ยนไส้กรองอากาศทุก 10,000 – 30,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับการใช้งานเป็นหลัก ถ้าขับรถในบริเวณที่มีฝุ่นเยอะ ขับบนถนนลูกลังบ่อยๆก็ควรเปลี่ยนเร็วหน่อย ส่วนการทำความสะอาดไส้กรอง วิ่งสัก 3,000-4,000 กิโลถอดมาเป่าลมสักทีหนึ่งก็ได้ ยิ่งกรองอากาศสะอาดมากเท่าไร ยิ่งเป็นผลดีต่อเครื่องยนต์มากเท่านั้น

ตรวจเช็คที่ปัดน้ำฝนให้ดีว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือเปล่า

• ใบปัดน้ำฝน ถ้าหากใช้ใบปัดน้ำฝนที่เสื่อมสภาพแล้วต่อไปอาจส่งผลให้กระจกหน้ารถเป็นรอย และหากขับในช่วงที่มีฝนตกหนักอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมาได้
• ผ้าเบรก สามารถเปลี่ยนได้ในหลายกรณีเช่นเปลี่ยนเมื่อผ้าเบรคมีความหนาน้อยกว่า 4 มม. (30%) และก้ามเบรคมีผ้าเบรกน้อยกว่า 1 มม.หรือเปลี่ยนเมื่อผ้าเบรคมีคราบน้ำมัน หรือจาระบีมากผิดปกติ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะการขับขี่ และการใช้งานเบรค ของแต่ละคน ด้วย หากบรรทุกของหนักและใช้ความเร็วสูง อายุผ้าเบรกอาจจะสั้นกว่ามาจรฐานสามารถเปลี่ยนได้ก่อนถึงระยะที่กำหนด
• น้ำมันเครื่อง การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องช่วยยืดอายุการใช้งานของรถ ปกตินิยมเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อรถวิ่งถึงระยะ 8,000 – 10,000 ก.ม. หรือทุกๆ 6 เดือน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่องจากปิโตรเลียม กึ่งสังเคราะห์ หรือ สังเคราะห์ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของรถด้วย ถ้ารถใช้งานบ่อยก็อาจเปลี่ยนทุกๆ 5,000 ก.ม. หรือทุก 3 เดือน ดังนั้น จึงควรจะพิจารณาระยะทางที่ขับขี่ ควบคู่ไปกับระยะเวลาที่เปลี่ยนถ่ายด้วย
• เช็คฝาครอบจานจ่ายและหัวโรเตอร์ อุปกรณ์ฝาครอบจานจ่ายต้องไม่มีความชื้นเข้า ไม่แตกร้าว หัวโรเตอร์มีสภาพไม่เป็นสนิมมีรอยแตก ไม่มีไฟรั่ว เพื่อให้ไฟแรงสูงไม่สามารถส่งไปถึงเขี้ยวหัวเทียนได้
• วาล์ว พีซีวี โดยทดสอบรอบเครื่องยนต์ ในขณะที่เครื่องยนต์เดินเบา สังเกตรอบเครื่องยนต์หรือต่อมาตรอัตรารอบเข้ากับเครื่องยนต์ แล้วถอดวาล์ว PCV ออกจากเครื่องยนต์ในขณะที่ท่อยังคงต่ออยู่ อุดช่องเปิดของวาล์วแล้วสังเกตการเปลี่ยนแปลงรอบเดินเบาของเครื่องยนต์ ถ้ารอบเดินเบาลดลงเพียงเล็กน้อยและการลดลงมีค่าน้อยกว่า 50 rpm แสดงว่าวาล์ว PCV หรือท่อมีการอุดตัน

ดูเพิ่มเติม
>> วัดน้ำมันเครื่อง เรื่องง่ายๆ ที่มือใหม่หัดขับมักละเลย
>> ไม่ง้อช่าง !! กับขั้นตอนการดูแลรักษาเครื่องยนต์เบื้องต้นง่ายๆ ด้วยตนเอง..ที่ใครๆ ก็ทำได้

ในเวลา 2 ปีต้องตรวจเช็คอะไรบ้างในรถยนต์

ช่วงระยะ 40,000 กิโลเมตร หรือประมาณ 2 ปี มีอุปกรณ์สำคัญๆ ที่ต้องปรับเปลี่ยนในช่วงนี้พอสมควร บางอย่างก็ถึงความเสื่อม บางอย่างก็ถึงกำหนดตามระยะ มีอะไรที่ต้องตรวจสอบบ้าง ลองมาเช็คกันดูค่ะ

ตรวจเช็คน้ำยาหล่อเย็น

• น้ำยาหล่อเย็น น้ำยาหล่อเย็นช่วยป้องกันการแข็งตัวของน้ำในหม้อน้ำ และระบายความร้อนไม่ให้เกิดความร้อนขึ้นสูงจนโอเวอร์ฮีท ขณะที่สีสันของ น้ำยาหล่อเย็น ทำให้สังเกตจุดน้ำรั่วซึมได้ง่ายควรเปลี่ยนน้ำยาหล่อเย็นที่ได้คุณภาพเพื่อลดการเกิดสนิม และการกัดกร่อน ซึ่งเป็นต้นตอของการอุดตันและรั่วซึมของหม้อน้ำ
• สายพานหน้าเครื่อง ถ้ามีรอยแตกลายงา เนื้อยางแตกเป็นบั้งๆ หรือปรากฏเส้นใยบริเวณหลังสายพาน ฃเริ่มแยกตัวออกจากกัน ต้องเปลี่ยนใหม่ อย่าฝืนใช้ต่อไป เพราะถ้าขาด ระบบที่เกี่ยวข้องกับสายพานเส้นนั้น จะใช้งานไม่ได้ทันที
• น้ำมันเกียร์อัตโนมัติ ทำหน้าที่ในการลดการสึกหรอและความร้อนระหว่างการทำงานของชุดเกียร์ ซึ่งปกติน้ำมันเกียร์ควรจะเปลี่ยนถ่ายโดยช่างผู้เชี่ยวชาญในศูนย์บริการรถยนต์ยี่ห้อที่คุณใช้อยู่ หากไม่เปลี่ยนอาจเกิดคราบเขม่าสะสมจากการใช้งานจำนวนมาก และทำให้การหล่อลื่นด้อยประสิทธิภาพ
• หัวเทียน ทำหน้าที่จุดระเบิดในกระบอกสูบ หากเสื่อมประสิทธิภาพลง จะทำให้การจุดระเบิดในกระบอกสูบทำได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้ เครื่องยนต์อืด กำลังแรงตก เครื่องยนต์สั่น ดังนั้น เมื่อหัวเทียนเสื่อมควรที่จะเปลี่ยนเลยทันที

ในเวลา 3 ปีขึ้นไปต้องตรวจเช็คอะไรบ้างในรถยนต์

ในระยะ 60,000 กิโลเมตร หรือประมาณ 3 ปี อุปกรณ์บางอย่างก็ถึงกำหนดที่จะต้องเปลี่ยนใหม่แล้ว ด้วยอายถการใช้งานที่ผ่านการใช้งานมาหลายปี ดังนั้นหากต้องการยืดอายุการใช้งานรถของเราให้ยาวนานขึ้น ควรพิจารณาตรวจสอบเพื่อซ่อมแซมและเลือกเปลี่ยนตามรายการต่อไปนี้

แบตเตอรี่ มีอายุการใช้งานทั่วไปเฉลี่ย 4 ปี

• แบตเตอรี่ การเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์นั้น ขึ้นอยู่กับสภาพสิ่งแวดล้อม ภูมิอากาศ หรือวิธีการขับรถของเรา โดยทั่วไปแล้ว แบตเตอรี่รถยนต์จะสามารถใช้งานได้โดยเฉลี่ยถึง 4 ปี หากใช้แบตเตอรี่เกินระยะเวลา หรือใช้จนแบตเตอรี่เสื่อมอายุการใช้งาน อาจจะทำให้รถของคุณมีปัญหาได้ในที่สุด เพราะแบตเตอรี่ เป็นส่วนสำคัญมากถ้าใช้การไม่ได้ หมายความว่ารถเราจะสตาร์ทไม่ติดและขับเคลื่อนไม่ได้ หากรถคุณรถไม่ค่อยได้เจอสภาพภูมิกาศ หรือการใช้งานที่หักโหมมากนัก ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ทุกๆ 4 ปี
• สายพานไทม์มิ่ง จะถูกกำหนดมาจากผู้ผลิตรถยนต์ โดยเครื่องยนต์ดีเซล ส่วนใหญ่กำหนดให้เปลี่ยนที่ 1.5 แสนกิโลเมตร ขณะที่เครื่องยนต์เบนซินที่ 1 แสนกิโลเมตร แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ  ไม่ว่าจะเป็นนิสัยการขับขี่ การตั้งที่ตึงหรือหย่อนจนเกินไป ที่ทำให้สายพานไทม์มิ่ง หมดอายุไขก่อนเวลาอันควร ควรตรวจสอบ สภาพความแข็ง-รอยแตก-หรือฉีกขาดชำรุด หากพบ ให้รีบเปลี่ยนทันที
• กรองน้ำมันเชื้อเพลิง รถยนต์เมื่อใช้ไปประมาณ 6-7 ปี มักจะเกิดสนิมและคราบตะกอนในถังน้ำมันเชื้อเพลิง สนิมพวกนี้ เกิดจากไอน้ำและความชื้นที่สะสมอยู่ในถัง เมื่อถูกดูดเข้าไปในปั๊มเชื้อเพลิงและหัวฉีด จะทำให้เกิดปัญหาการอุดตันของสิ่งสกปรกบริเวณปั๊มหัวฉีด และเครื่องยนต์ได้ ดังนั้นตัวกรองน้ำมันเชื้อเพลิงจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก เราจึงควรเปลี่ยนตามระยะเวลาที่กำหนดอยู่เสมอ

รถหนึ่งคันเมื่อซื้อมาแล้วก็อยากให้มีอายุการใช้งานที่ยืนยาวกันใช่มั้ยล่ะคะ เพราะฉะนั้นหมั่นดูแลตรวจสอบนถของคุณอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้รถคู่ใจอยู่เป็นเพื่อนร่วมทางของคุณได้อย่างยาวนานต่อไป

ดูเพิ่มเติม
>> 10 อะไหล่รถยนต์ที่คุณจะต้องเปลี่ยนบ่อยที่สุด !
>> พลาดไม่ได้กับเรื่องอของอะไหล่ที่ใช้งานไป 1 ถึง 3 ปีเเล้วอะไรที่ต้องเปลี่ยน???

ติดตามข่าวสารรถยนต์ คลิกที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้