ติดฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์แบบไหนเหมาะกับแดดเมืองไทย

ประสบการณ์ใช้รถ | 21 ต.ค 2562
แชร์ 0

แนะนำฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ ที่เหมาะสมกับสภาพอากาศของประเทศไทย เพื่อปกป้องผู้ขับขี่จากความร้อนและแสงแดด และช่วยยืดอายุการใช้งานรถยนต์ ให้มีประสิทธิภาพ

เลือกฟิล์มกรองแสงรถยนต์
เลือกฟิลม์กรองแสงให้เหมาะกับอากาศประเทศไทย

ด้วยภาวะโลกร้อนหรือ (Global Warming) ที่ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกมีค่าที่สูงขึ้นจนเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติบางอย่าง เช่น ความผันแปรของการแผ่รังสีจากดวงอาทิตย์ ที่ส่งผลต่อการเพิ่มอุณหภูมิของชั้นบรรยากาศโลก ทำให้มนุษย์มีความต้องการเครื่องมือที่จะช่วยบรรเทาความร้อน มากขึ้น เครื่องปรับอากาศ หรือ อุปกรณ์ที่ช่วยบรรเทาความร้อนต่าง ๆ ไม่ให้แผ่กระจายเข้าสู่พื้นที่อาศัย

ภายในรถยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ต้องการได้รับการปกป้องจากอุณหภูมิความร้อนและแสงแดด เช่นเดียวกัน จึงมีนวัตกรรมฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ หรือ โพลีเอสเตอร์ มีคุณสมบัติเหนียว บางเรียบ ไร้รอยย่น ยืดหยุ่นน้อย มีความทนทานต่อสภาพอากาศ สามารถยยึดเกาะกับเนื้อกระจกได้อย่างเรียบสนิทโดยใช้กาวที่มีความบางใสเป็นตัวเชื่อม ในเนื้อฟิล์มกรองแสงจะมีวัสดุที่ใช้เพื่อป้องกันความร้อน ฉะนั้นฟิล์มกรองแสงจึงช่วยลดความร้อน ลดรังสีอินฟราเรด และรังสียูวีที่เข้ามากระทบได้เป็นอย่างดี

ทำไมรถยนต์ต้องติดฟิลม์กรองแสง?

ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวของฟิล์มกรองแสงจึงนิยมนำมาใช้ในรถยนต์เพื่อลดแสง ลดความร้อน ให้กับภายในรถยนต์ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ปัญหารถยนต์ที่จะตามมา การดูแลบำรุงรถยนต์ เพื่อยืดระยะเวลาการใช้งาน  โดยสรุปได้เป็นหัวข้อหลัก ๆ ดังนี้

1.การลดความร้อน ซึ่งฟิล์มกรองแสงที่ดีสามารถลดอุณหภูมิภายในรถลงได้กว่า 60%

2.ป้องกันผิวหนังและดวงตา โดยการติดฟิล์มกรองแสงสามารถลดรังสีอัลตร้าไวโอเลตหรือยูวีได้กว่า 99% ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งผิวหนังและต้อกระจก

3.ลดการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ฟิล์มกรองแสงที่ดีจะสามารถยึดกระจกไม่ให้แตกกระจายเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ปลอดภัยจากความคมของเศษกระจก หรือเศษจากกระจกนิรภัย กระเด็นเข้าตา

4.เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ การติดฟิล์มกรองแสงสามารถลดแสงจ้าจากดวงอาทิตย์, แสงไฟจากรถที่วิ่งสวนทาง ทำให้ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่ที่ดีขึ้น

5.สร้างความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย การติดฟิล์มกรองแสงที่มีความทึบแสงจะช่วยบดบังผู้ประสงค์ร้ายภายนอก และบดบังทรัพย์สินภายใน

6.การติดฟิล์มกรองแสงจะช่วยปกป้องรถคุณ ไม่ให้อุปกรณ์ภายในรถไม่ว่าจะเป็นแผงหน้าปัด, คอนโซน, พวงมาลัย ฯลฯ ซีดจางและแตกร้าวเร็ว

7.ประหยัดพลังงาน การติดฟิล์มกรองแสงที่ดีสามารถช่วยประหยัดพลังงานและลดภาวะโลกร้อนได้ โดยการป้องกันความร้อนที่เข้ามาในตัวรถ ทำให้ระบบปรับความเย็นในรถ ทำงานน้อยลงจึงเป็นการช่วยประหยัดพลังงาน รวมถึงค่าดูแลรักษาระบบปรับความเย็นอีกด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ภูมิอากาศของแต่ละที่ในโลกมีความแตกต่างกัน ในประเทศที่มีอุณภูมิเฉลี่ยที่ไม่สูงและแสงแดดที่ไม่จัด ก็อาจใช้เพียงฟิล์มติดรถยนต์มาตรฐานธรรมดา ๆ เพียงเท่านั้น แต่สำหรับในประเทศไทยที่เป็นเมืองร้อน มีแดดจัดตลอดทั้งปี ต้องติดฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์แบบไหน ถึงจะเหมาะสมกันบ้างสามารถป้องกันความร้อนจากแสงแดดได้เราจะมาแนะนำกัน

ฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท

1.ฟิล์มแบบย้อมสี

การเลือกฟิล์มติดรถยนต์แบบย้อมสี มีคุณสมบัติช่วยลดแสง ลดความร้อนจากแสงแดดที่ส่องมายังตัวรถยนต์ ฟิล์มติดรถยนต์แบบย้อมสี มีลักษณะเป็นสีรุ้ง เมื่อใช้เป็นระยะเวลานาน จะมีการเปลี่ยนสีเป็นสีม่วง ซึ่งการใช้งานขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล

ฟิลม์ย้อมสี
ฟิลม์ย้อมสี

2.ฟิล์มติดรถยนต์แบบมาตรฐาน ลดความร้อน

ฟิล์มติดรถยนต์แบบมาตรฐาน เป็นฟิล์มที่สามารถพบเห็นตามรถยนต์ทั่วไป เพราะส่วนใหญ่มีคุณสมบัติช่วยลดความร้อน และทำหน้าที่สะท้อนความร้อนได้เป็นอย่างดี  สามารถแบ่งออกได้ดังนี้

- ฟิล์มเคลือบโลหะ หรือ ฟิล์มปรอท

ฟิล์มประเภทนี้มีความใส แสงส่องผ่านมากถึง 60 % แถมยังทนความร้อนได้เป็นอย่างดี  เมื่อแสงมาตกกระทบไม่เกิดเงา และที่สำคัญมีราคาแพงมาก

ดูเพิ่มเติม
>> รถ Honda CR-V มือสองราคาดี ตอนนี้มีโฉม G4 ราคาต่ำกว่า 6 แสนก็มีแล้ว น่าใช้หรือไม่ มาดูสเปคกัน

>> ขายรถ Ford Ranger มือสองราคาดี สำหรับผู้ซื้อที่อยากได้กระบะ รวบรวมมาให้ครบทุกรุ่น
 

nano film
Nano Film

-ฟิล์มนิรภัย

เป็นเทคโนโลยีล่าสุดของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ในปัจจุบัน เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีการผลิตฟิล์มกรองแสง ได้พัฒนาขึ้นมาอย่างไม่หยุดยั้ง จากสมัยก่อนที่ต้องมีการย้อมสีฟิล์มเพื่อเพิ่มความเข้ม เพิ่มเฉดสี หรือเคลือบสารโลหะต่างๆ เช่น ทอง เงิน อลูมิเนียม เพื่อใช้ในการสะท้อนความร้อน หรือที่เรียกกันว่า ฟิล์มปรอท มาในปัจจุบัน มีการใช้สารอนุภาคนาโนในรูปแบบต่างๆ เช่น เซรามิค มาช่วยเสริมเข้าไปในเนื้อฟิล์มกรองแสง ทำให้ฟิล์มกรองแสงในปัจจุบันนั้น มีคุณสมบัติโดดเด่นหลากหลายประการ โดยเฉพาะการกันความร้อน เพราะอนุภาค นาโน มีคุณสมบัติในการตัดรังสีความร้อนได้โดยเฉพาะ โดยไม่ต้องอาศัยการสะท้อนของแสงเหมือนฟิล์มสมัยก่อน ผลที่ได้ทำให้ฟิล์มนาโนเซรามิค ที่มีการสะท้อนแสงน้อย ไม่เงา ไม่มีปรอท ทำให้เวลาขับรถไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน ความคมชัด จะดีกว่าฟิล์มกรองแสงทั่วๆไป และอนุภาคนาโนยังมีความทนทานต่อความร้อนสูง สามารถคงอนุภาคนาโนได้นาน ไม่เสื่อมสภาพ ทำให้ฟิล์มที่ทำจากนาโนเซรามิคนั้น มีความทนทานกว่าฟิล์มทั่วๆไป ที่สำคัญ สีฟิล์มจะไม่ซีดจาง และการป้องกันความร้อนก็จะป้องกันได้สม่ำเสมอ ตลอดอายุการใช้งาน

ฟิล์มเซรามิค
ฟิล์มเซรามิค

เส้นใยนาโนเซรามิกเป็นวัสดุที่ได้รับความสนใจอย่างมากในการนำไปประยุกต์ใช้งานที่ หลากหลายด้วยสมบัติที่ขึ้นกับพื้นที่ผิวที่เพิ่มขึ้นและขนาดที่เล็กลงของวัสดุ นอกจากนี้เส้นใยนาโนยังมี สมบัติพิเศษทั้งทางด้านฟิสิกส์ เคมี

เทคนิคการเลือกฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์

  • ขับรถเฉพาะช่วงกลางคืน / ขับกลางคืนบ่อย หรือมีปัญหาเรื่องสายตา เราแนะนำให้ติดเป็นฟิล์มใสลดความร้อน
  • หากต้องการความเป็นส่วนตัว ชอบฟิล์มสีทึบ และไม่มีปัญหาเรื่องสายตา สามารถเลือกฟิล์มสีทึบ จะเคลือบโลหะหรือเป็นฟิล์มเคลือบสารพิเศษก็ได้
  • หากต้องใช้อินเตอร์เน็ตจากมือถือ หรือต้องใช้ระบบ GPS ในการนำทาง ควรหลีกเลี่ยงการใช้ฟิล์มที่มีส่วนผสมของโลห
  • ถ้ากระจกรถของคุณมีสีค่อนข้างทึบจากโรงงานผู้ผลิต หรือต้องการที่จะโชว์วัสดุอุปกรณ์ในการแต่งภายในรถ เราแนะนำให้ใช้ฟิล์มใสลดความร้อน เป็นต้น

จากการเลือกซื้อฟิล์มกรองแสง พบว่า ส่วนหนึ่งของผู้ซื้อยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับฟิล์มกรองแสง โดยเฉพาะความเข้าใจระหว่างความทึบแสงกับความสามารถในการป้องกันความร้อน ความเข้าใจที่ว่า ฟิล์มที่มีสีเข้มหรือทึบ ช่วยลดความร้อนได้ดี ในความจริงแล้ว สีหรือความทึบของฟิล์มกรองแสงไม่ได้เป็นตัวช่วยลดความร้อน แต่กลับเป็นสารเคลือบตัวอื่นๆ ที่ทำหน้าที่หลักนี้ต่างหาก ลองมาดูว่าส่วนประกอบจากความร้อนที่เราได้รับมีอะไรบ้าง

โดยส่วนประกอบของความร้อนที่เราได้รับนั้นมีสัดส่วนและแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ ความสว่างของแสง(Visible Light) มีสัดส่วน 44% รังสีอินฟาเรด(รังสีใต้แดง – Infrared) มีอยู่ 53% รังสียูวี(รังสีเหนือม่วง, รังสีอุลตร้าไวโอเลต – Ultra violet หรือ UV) มีอยู่ 3% ดังนั้นฟิล์มกรองแสงที่สามารถลดความร้อนได้ดีควรจะลดรังสีทั้ง 3 ส่วนได้มากๆ ตัวอย่างเช่น หากท่านติดฟิล์มกรองแสงที่มีความทึบแสงมากๆ แต่ฟิล์มกรองแสงนั้นๆ เป็นประเภทฟิล์มย้อมสีหรือเป็นฟิล์มกรองแสงที่ไม่ได้มีส่วนผสมของโลหะหรือสารพิเศษใดๆ ท่านจะรู้สึกถึงความร้อนที่ผ่านชั้นผิวของฟิล์มกรองแสงเข้ามา นั่นก็คือฟิล์มกรองแสงนั้นๆสามารถลดได้แค่ช่วงความสว่างของแสงที่มีสัดส่วนอยู่ 44% แต่รังสีอินฟาเรดยังสามารถผ่านทะลุเข้ามาได้จนรู้สึกถึงความร้อน ในทางกลับกันหากท่านติดฟิล์มกรองแสงที่มีส่วนผสมพิเศษไม่ว่าจะเป็นส่วนผสมของโลหะหรืออื่นๆ แต่ฟิล์มกรองแสงนั้นๆ มีค่าความทึบแสงน้อย(แสงส่องผ่านเข้าไปได้เยอะ) ท่านก็จะรู้สึกถึงความร้อนจากความสว่างของแสงที่ส่องผ่านฟิล์มกรองแสงเข้ามา ส่วนรังสียูวีนั้นเป็นส่วนประกอบน้อยมากของความร้อน (3%) ซึ่งฟิล์มกรองแสงเกือบทั้งหมดสามารถลดรังสียูวีได้มากกว่า 95% อยู่แล้ว

สุดท้ายการเลือกฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้รถมากที่สุด แต่สำหรับสภาพอากาศในบ้านเราจากที่ให้ข้อมูลเบื้องต้นมาทั้งหมด ฟิล์มเคลือบโลหะ  , ฟิล์มปรอท และ ฟิล์มเซรามิค น่าจะเหมาะสมมากที่สุด เพราะสามารถกันความร้อนได้ถึง 90% หาซื้อง่ายมีหลากหลายราคาตามยี่ห้อและคุณภาพ

ฟิลม์กรองแสงรถยนต์แบบไหนเหมาะกับใช้ในไทย
ฟิล์มกรองแสงที่เหมาะสมกับเมืองไทย

อย่างไรก็ตามก่อนที่จะเลือกซื้อฟิล์มกรองแสงรถยนต์มาติดตั้งควรปรึกษาช่างผู้ชำนาญในเรื่องการติดฟิล์มกรองแสง และร้านรับติดฟิล์มที่มีคุณภาพ แม้จะต้องจ่ายค่าแรงที่สูงแต่ก็คุ้มค่าที่จะลงทุนเพื่อยืดอายุรถยนต์คันเก่งของเราให้ใช้งานได้ไปนาน ๆ

ดูเพิ่มเติม
>> ส่องสเปคและอัปเดตราคา ตลาดรถ Honda Civic โฉมล่าสุด ทั้งป้ายแดงและมือสอง
>>ข้อดีข้อเสียของ D-max มือสอง โฉมแรกไฟตั้งจะน่าใช้หรือไม่ อยากได้ต้องรู้

 

ติดตามข่าวสารรถยนต์ คลิกที่นี่
ต้องการซื้อ รถมือสองราคาดี เชิญเข้าดูที่ ตลาดรถรถมือสอง ตรงนี้

Palisr