ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ แต่ละประเภท

ประสบการณ์ใช้รถ | 6 ม.ค 2566
แชร์ 5

ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ ประกันภาคสมัครใจ คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร และความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ แต่ละประเภทมีอะไรบ้าง ทำไมจึงต้องทำประกันภัยรถยนต์

เมื่อถอยรถใหม่มาใช้ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ประกันภัยรถยนต์ ที่จะมีทั้งประเภท ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ หรือ พ.ร.บ. (Compulsory Third Party Insurance) และ ประกัน ภาค สมัคร ใจ (Voluntary Motor Insurance) ซึ่งประกันภัยรถยนต์ทั้ง 2 ประเภท จะมีความแตกต่างกัน ดังนี้

ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์

ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ คืออะไร ?

ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ หรือที่เรียกกันว่า “ประกันภัย พ.ร.บ.” คือ ประกันภัยรถยนต์ที่เจ้าของรถทุกคนต้องทำ ตามความคุ้มครองพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 โดยจะให้ความคุ้มครองประชาชนทุกคนที่ประสบภัยจากรถ หากร่างกายได้รับความเสียหาย

ถ้าไม่ทำ พ.ร.บ. จะถือว่าผิดกฎหมาย มีโทษปรับสูงสุด 10,000 บาท นอกจากนี้ ยังไม่สามารถต่อภาษีรถยนต์ประจำปีได้ เมื่อเกิดอุบัติเหตุจะไม่ได้รับความคุ้มครอง และต้องจ่ายค่าเสียหาย รวมถึงค่ารักษาพยาบาลเองทุกบาท 

ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์

ความคุ้มครองประกันรถยนต์ ภาคบังคับ

1. กรณีบาดเจ็บ จะได้รับการชดใช้เป็นค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอันจำเป็นเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท ต่อคน

2. กรณีผู้ประสบภัยได้รับความเสียหายต่อร่างกาย (ทุพพลภาพ) อย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้บริษัทจะจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้น จำนวน 35,000 บาท ต่อคน 

  • ตาบอด 
  • หูหนวก 
  • เป็นใบ้หรือเสียความสามารถในการพูด หรือลิ้นขาด 
  • สูญเสียอวัยวะสืบพันธุ์ 
  • เสียแขน ขา มือ เท้า นิ้ว 
  • เสียอวัยวะอื่นใด 
  • จิตพิการอย่างติดตัว 
  • ทุพพลภาพอย่างถาวร 

3. กรณีบาดเจ็บจะได้รับการชดใช้ค่ารักษาพยาบาลตาม ข้อ 1. และต่อมาทุพพลภาพตาม ข้อ 2. รวมกันแล้วจะไม่เกิน 65,000 บาท ต่อคน

4. กรณีเสียชีวิตจะได้รับการชดใช้เป็นค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นเกี่ยวกับการจัดการศพ จำนวน 35,000 บาท ต่อคน

5. กรณีเสียชีวิตภายหลังการรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงตามข้อ 1 รวมกันไม่เกิน 65,000 บาท ต่อคน  

ประกันภาคสมัครใจ คือ

ประกันภาคสมัครใจ คืออะไร ?

ประกันภาคสมัครใจ คือ ประกันภัยรถยนต์ที่เจ้าของรถสามารถเลือกซื้อได้ตามความพึงพอใจ โดยเป็นการตกลงกันระหว่างผู้ซื้อ (ผู้เอาประกันภัย) และผู้ขาย (บริษัทประกันภัย) เกิดขึ้นตามความสมัครใจ ไม่มีการบังคับตามกฎหมาย ซึ่งจะแบ่งประเภทกรมธรรม์ ออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ 

ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1

  • คุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก รวมถึงผู้โดยสารในรถยนต์คันเอาประกันภัย
  • คุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
  • คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์
  • คุ้มครองการสูญหายและไฟไหม้ของตัวรถยนต์

กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 2

  • คุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก รวมถึงผู้โดยสารในรถยนต์คันเอาประกันภัย
  • คุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
  • คุ้มครองการสูญหายและไฟไหม้ของตัวรถยนต์

ประกัน ภาค สมัคร ใจ

ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 3

  • คุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก รวมถึงผู้โดยสารในรถยนต์คันเอาประกันภัย
  • คุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก

กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 4 

  • คุ้มครองต่อบุคคลภายนอกเท่านั้น

กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 5

  • ประกัน 2 พลัส (2+) : ให้ความคุ้มครองเหมือนประกันภัยชั้น 2 แต่เพิ่มความรับผิดต่อความเสียหายต่อตัวรถยนต์คันเอาประกันภัยกรณีที่ชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น และต้องมีคู่กรณี 
    • คุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก และผู้โดยสารในรถ
    • คุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก และผู้โดยสารในรถ
    • คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์คันเอาประกันภัย กรณีชนกับยานพาหนะทางบก
    • คุ้มครองการสูญหายและไฟไหม้ของตัวรถยนต์คันเอาประกันภัย
  • ประกัน 3 พลัส (3+) : ให้ความคุ้มครองเหมือนประกันภัยชั้น 3 แต่เพิ่มความรับผิดต่อความเสียหายต่อตัวรถยนต์คันเอาประกันภัยกรณีที่ชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น และต้องมีคู่กรณี 
    • คุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก และผู้โดยสารในรถ
    • คุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
    • คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์คันเอาประกันภัย กรณีชนกับยานพาหนะทางบก

ความคุ้มครองประกันรถยนต์

ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์

1. ความคุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก : ให้ความคุ้มครองต่อการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอก และการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตของผู้โดยสารในรถคันเอาประกันภัย ซึ่งจํานวนเงินขั้นต่ำที่บริษัทต้องรับประกันภัย จะอยู่ที่ 100,000 บาทต่อคน และ 10,000 บาทต่อครั้ง

2. ความคุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก : ให้ความคุ้มครองต่อความเสียหายที่เกิดกับทรัพย์สินของบุคคลภายนอก โดยมีจํานวนเงินขั้นต่ำที่บริษัทต้องรับประกันภัยจํานวน 200,000 บาทต่อครั้ง

3. ความคุ้มครองความรับผิดต่อความเสียหายของตัวรถยนต์ : ให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงอุปกรณ์ เครื่องตกแต่ง และส่วนควบที่ติดประจำอยู่กับตัวรถยนต์ แต่ไม่รวมความเสียหายที่เกิดจากไฟไหม้ โดยมีจํานวนเงินขั้นต่ำที่บริษัทต้องรับประกันภัยจํานวน 50,000 บาท (รถจักรยานยนต์ 5,000 บาท) 

4. ความคุ้มครองความรับผิดต่อความสูญหาย และไฟไหม้ของตัวรถยนต์ : ให้ความคุ้มครองความเสียหายของรถยนต์ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของรถยนต์ รวมทั้งอุปกรณ์ เครื่องตกแต่ง และส่วนควบที่ติดประจำอยู่กับตัวรถยนต์ กรณีที่ถูกไฟไหม้ หรือสูญหายไป

5. ความคุ้มครองเพิ่มเติม แบ่งออกเป็น 3 ความคุ้มครองหลัก ดังนี้

  • การประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล : บริษัทจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ต่อความสูญเสียอันเกิดจากความบาดเจ็บของผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร ซึ่งอยู่ในรถ กำลังขับขี่ หรือกำลังขึ้น/ลงจากรถยนต์ โดยอุบัติเหตุ
  • การประกันภัยค่ารักษาพยาบาล : บริษัทจะชดใช้ค่ารักษาพยาบาล ค่าบริการทางการแพทย์ ค่าผ่าตัด และค่าบริการอื่น ๆ ตามที่จ่ายจริง ซึ่งเกิดขึ้นภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันเกิดอุบัติเหตุ ให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ที่ได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย เนื่องจากอุบัติเหตุในขณะอยู่ในรถ กำลังขึ้น หรือกำลังลงจากรถยนต์ (แต่ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัย)
  • การประกันตัวผู้ขับขี่ : บริษัทจะประกันตัวผู้เอาประกันภัย หรือบุคคลใดซึ่งขับรถยนต์ โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัย ในกรณีรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้เกิดอุบัติเหตุ เป็นเหตุให้บุคคลดังกล่าวถูกควบคุมตัวในคดีอาญา

ขอบคุณข้อมูลจาก เว็บไซต์ คปภ. สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)

สมัคร ใจ

อ่านเพิ่มเติม >>