กฎหมายรถยนต์ที่ไทย ถ้าเกิดอุบัติเหตุ จะตัดสินใจอย่างไร?

อุบัติเหตุขับรถยนต์ไปชนคันหน้า

• กรณีอุบัติเหตุขับรถยนต์ไปชนก้นรถคันหน้า

หากขับรถยนต์แล้วเกิดเบรกไม่ทัน หรือเผลอเหยียบคันเร่งจนชนก้นรถคันหน้า ถือว่าเข้าข่ายเป็นฝ่ายผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 40 โดยตามหลักในการขับรถยนต์ที่ถูกต้อง ต้องขับรถให้ห่างคันหน้าพอสมควรในระยะที่จะเบรกได้ปลอดภัย ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วหลายคนมักจะไม่ได้เว้นระยะห่าง เมื่อมีรถหยุดฉุกเฉินก็จะเกิดเบรกไม่ทัน จนชนคันด้านหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจได้ค่ะ

• กรณีเมาแล้วขับรถยนต์ จนเกิดความประมาทไปชนรถยนต์ของผู้อื่น

กรณีนี้มีให้เห็นบ่อยครั้งในข่าวชีวิตประจำวัน เราจะพบว่ามีหลายครั้งที่เกิดอุบัติเหตุรถชนกัน จะมีรถยนต์เกิดความเสียหาย รวมไปถึงมีการเสียชีวิตเกิดขึ้น อุบัติเหตุนี้มักเกิดจากความประมาท ที่คนเมาจะเป็นฝ่ายผิด ทางที่ดี ถ้าหากดื่มสุราหลังจากมีงานสังสรรค์กับเพื่อน หรือมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราต้องดื่มแอลกอฮอร์มา แนะนำว่านั่งรถแท็กซี่ หรือรถขนส่งสาธารณะจะดีที่สุดค่ะ

ดูเพิ่มเติม
>> 10 ข่าวเด่นประจำสัปดาห์วันที่ 4 ก.พ. 2019 - 10 ก.พ. 2019
>> กุมภานี้แจกหนัก กับ 5 โปรโมชั่นสุดคุ้มกับ MG

ขับรถยนต์ฝ่าไฟแดง ทำให้ผู้อื่นเสียหายถือว่าเราเป็นฝ่ายผิด

• กรณีฝ่าฝืนกฎหมาย ขับรถยนต์ฝ่าไฟแดง แล้วไปชนผู้อื่น

กรณีนี้เกิดจากความเร่งรีบ สัพเพร่า หรือไม่ทันมองไฟแดง จนมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ซึ่งตามกฎหมาย ถ้าหากเราฝ่าฝืนจะเข้าข่ายเป็นฝ่ายผิด โดยประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 420 ได้ระบุไว้ว่า ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อผู้อื่นโดยผิดกฎหมาย ให้คนอื่นเสียหาย ต้องใช้ค่าเสียหาย ยกตัวอย่างเช่น หากขับฝ่าไฟแดงแล้วไปชนคนอื่นที่มาจากไฟเขียว คนฝ่าไฟแดงก็จะเข้าข่ายเป็นฝ่ายผิด

• กรณีเกิดอุบัติเหตุสุดวิสัย ที่บางครั้งคนขับรถยนต์ไม่ผิด

กรณีนี้ เราต้องสติอย่างมากหากมีเหตุการณ์เกิดขึ้น โดยคำว่าสุดวิสัยนี้ ยกตัวอย่างกรณีเช่น ขณะเรากำลังขับรถยนต์แล้วเกิดมีคนวิ่งตัดหน้ารถ สุดท้ายคนที่ตัดหน้ารถเสียชีวิต โดยกรณีแบบนี้ถือว่าคนขับรถยนต์ไม่เป็นฝ่ายผิด หรือ ขณะขับรถยนต์มีมอเตอร์ไซต์เลี้ยวตัดหน้ากระทันหัน จะถือว่าไม่เป็นฝ่ายผิด แต่ทั้งนี้เหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้ทุกกรณีโดยจะดูแต่ละเหตุการณ์อย่างละเอียดซึ่งจะเหตุการณ์จะแตกต่างกันออกไป

อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิด ทางที่ดีควรขับรถอย่างไม่ประมาท

การเกิดอุบัติเหตุในแต่ละครั้งไม่ว่าจะมีการชนหนัก หรือชนเบา ส่วนใหญ่เราก็มักจะพบว่ารถยนต์คันหลังจะมักเป็นฝ่ายผิดเกือบจะแทบทุกครั้ง หรือไม่ก็อาจตกเป็นแพะรับบาปว่าเป็นฝ่ายผิดทั้งที่เราเป็นคันหลังที่ไม่ได้เป็นต้นเหตุด้วยซ้ำ ถ้าหากแนะนำทางที่ดีที่สุด คือทุกครั้งที่เราขับรถยนต์จะต้องขับอย่างไม่ประมาท และระมัดระวังให้มากที่สุด เพราะในเมืองไทยนั้น กฎหมาย พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ในมาตรา 40 ได้กำหนดไว้ว่า ขับขี่จะต้องเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าในระยะที่เหมาะสม ซึ่งระยะที่เหมาะสมก็ไม่ได้บอกกำหนดออกมาเป็นตัวเลขระยะห่างที่ชัดเจน เนื่องจากระยะห่างที่เหมาะสมจะแปรผันไปตามความเร็วของรถรวมไปถึงสภาพถนนและการจราจร จึงไม่สามารถบอกได้เท่าไรถึงจะปลอดภัย เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาแล้ว กฎหมายจึงมักจะคิด และพิจารณาว่าเหตุที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เนื่องจากรถยนต์คันหลังไม่มีการเว้นระยะห่างอย่างเหมาะสม ทำให้ไม่สามารถหยุดรถได้ทันจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ จึงมักสรุปว่าคันหลังผิดเต็มๆ ทุกกกรณีค่ะ

เมื่อเกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้น จะต้องตัดสินใจอย่างมีสติ อย่าตกใจจนเกินไป

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุต่างๆ เป็นสิ่งที่เราไม่ต้องการให้เกิดขึ้น ทางที่ดีถ้าหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเรา เราต้องตัดสินใจอย่างมีสติ และดูสถานการณ์ด้านหน้าว่าร้ายแรงแค่ไหน หากมีผู้ได้รับบาดเจ็บควรโทรเรียกรถพยาบาลก่อน จากนั้นโทรเรียกประกันเพื่อรับผิดชอบค่าเสียหาย ทั้งนี้ สิ่งที่ดีที่สุดคือ การขับรถยนต์อย่างระมัดระวัง และควรขับรถไม่ประมาทโดยเด็ดขาดค่ะ

ดูเพิ่มเติม
>> ไทยล้ำหน้า ผุดโครงการ “รีไซเคิลซากรถยนต์” ต้นแบบให้ชาติในอาเซียน
>> HINO คาด “ตลาดรถบรรทุก”เมืองไทยแข่งดุเดือดแน่

คราวหน้า ทาง Chobrod ยังมีข่าวที่น่าสนใจมาอัพเดทให้เพื่อนๆ กันต่อ ฝากติดตามตลาดรถกันด้วยนะ

ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้