เป็นเวลาที่ผ่านมาประมาณ 10 ปี ที่รถยนต์แฮทช์แบค Toyota Yaris ได้เผยโฉมออกสู่ตลาดในประเทศไทยและทำให้คนไทยได้รู้จักมากขึ้น โดยหลายๆ คนรู้ดีว่า Toyota Yaris หรือ โตโยต้า ยาริส เป็นกลุ่มรถยนต์ขนาดเล็กที่ลักษณะคล้ายๆ กับ Honda Jazz (ฮอนด้า แจ๊ส) ซึ่งตอบโจทย์คนไทยในการขับขี่ในเมืองหลวงที่ต้องใช้ความคล่องตัว ปราดเปรียว ซึ่ง Toyota Yaris นั้นตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ Toyota Yaris หรือ โตโยต้า ยาริส ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันล่าสุดขณะนี้ นั้นได้รับการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายออกสู่ตลาดทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยมาแล้ว 3 เจนเนอเรชั่น ด้วยกัน (Generation 3) อย่างไรก็ตาม หากเพื่อนๆ ลองสังเกต Toyota Yaris หรือ โตโยต้า ยาริส ที่วิ่งขับขี่ใช้งานบนท้องถนน จะมีทั้ง ยาริสรุ่นเก่าและ ยาริสรุ่นปัจจุบัน อยู่จำนวนไม่น้อย โดยข้อแตกต่างของ Toyota Yaris 2007 และ Toyota Yaris 2017 ตัวที่ได้รับการพัฒนาปรับโฉมล่าสุด นั้นมีความเหมือน หรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เราลองไปติดตามดูพร้อมๆ กันครับ
Toyota Yaris Sedan
ดูเพิ่มเติม
>> เปรียบเทียบอีโคคาร์น่าซื้อ Toyota Yaris VS Suzuki Swift คันไหนใช่ที่สุด
>> พาดู 5 รถแต่งสุดเท่ในงาน Bangkok International Auto Salon 2018
Yaris 2007 vs Yaris 2017 หนึ่งทศวรรษ การวิวัฒนาการของรถแฮทช์แบครุ่นแรก
Toyota Yaris 2007 แฮทช์แบคบุกเมืองไทย
โดยเริ่มเข้ามาเมืองไทย ทำให้คนไทยได้รู้จักมากขึ้นในฐานะรถแฮทช์แบคยุคแรกๆ ซึ่งในปี 2007 หรือพุทธศักราช 2550 ในขณะนั้น Toyota Yaris 2007 มีผลิตออกมาจำหน่ายด้วยกันอยู่ 5 รุ่นหลักๆ ดังนี้
รุ่น J (Manual / Automatic) เป็นรุ่นต่ำสุด เพิ่มเข้ามาใน พ.ศ. 2551 หลังการเปิดตัว 3 ปี อุปกรณ์มาตรฐานทั้งหมดเท่าตัว E แต่จะได้ล้อกระทะเหล็กแบบมีฝาครอบขนาด 15 นิ้ว ยาวขนาด 185/60R15 และจะตัดอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยออกทั้งหมด ทั้ง ABS, EBD และถุงลมนิรภัย คงเหลือไว้เพียงความปลอดภัยภาคบังคับ เช่น โครงสร้าง GOA และเข็มขัดนิรภัย โดยรุ่น J Manual เป็นเกียร์ธรรมดาของรุ่นต่ำสุด และรุ่น J Automatic เป็นเกียร์อัตโนมัติของรุ่นต่ำสุด โดยไม่มีความแตกต่างในออปชั่นอื่น และจัดว่าเป็นรุ่นต่ำสุดเหมือนกัน
รุ่น E (Manual/Automatic/Automatic Limited) เป็นรุ่นกลาง อุปกรณ์มาตรฐานที่เพิ่มจากตัว J คือระบบความปลอดภัยดังกล่าว และล้ออัลลอย 15 นิ้ว ยาวขนาด 185/60R15 (โดย E Manual ถือเป็นรุ่นสูงกว่า J Automatic) และเฉพาะรุ่น E Automatic Limited จะได้สเกิร์ตรอบคัน, สปอยเลอร์, พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง (ซึ่งไม่มีในรุ่น G ทั้งตัวธรรมดาและ Limited)
รุ่น G (Automatic/Automatic Limited)
เป็นรุ่นท็อป ประเภทเทคโนโลยี ได้เพิ่มจากรุ่น E คือ ไฟตัดหมอกหน้า-หลัง (รุ่น J และรุ่น E มีเพียงเฉพาะด้านหลัง), คิ้วยางกันกระแทกรอบคัน, เบาะหนัง, ลำโพง 6 ตำแหน่ง (รุ่น J และรุ่น E มี 4 ตำแหน่ง), ที่ปัดน้ำฝนจังหวะปัดหยุดตั้งค่าได้, ถาดใต้เบาะผู้โดยสารหน้า, แผงปิดสัมภาระท้ายรถ, เบาะหลังแยกพับ (รุ่น J และรุ่น E พับรวมก้อนเดียว), กระจกข้างปรับ-พับไฟฟ้า (รุ่น J และรุ่นE เป็นปรับไฟฟ้า-พับมือ), กุญแจรีโมท และสัญญาณกันขโมย และเฉพาะรุ่น G Automatic Limited จะได้ระบบ Keyless Entry, Push Start และกุญแจ Immobilizer (ซึ่งไม่มีในรุ่น S ทั้งธรรมดาและ Limited)
รุ่น S (Automatic/Automatic Limited)
เป็นรุ่นท็อป ประเภทสปอร์ต โดยจะเพิ่ม สเกิร์ต สปอยเลอร์ พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง แต่จะตัดเบาะหนังออกไปเป็นเบาะผ้า ตัดระบบ Smart Entry, Push Start, กุญแจ Immobilizer และเฉพาะรุ่น S Automatic Limited จะได้ไฟซีนอน และล้ออัลลอย 16 นิ้ว ยางขนาด 195/50R16
รุ่นพิเศษ TRD SPORTIVO ซึ่งจะได้ ล้ออัลลอย 16 นิ้ว ลายพิเศษ TRD SPORTIVO/สติ๊กเกอร์ข้างรถลาย TRD SPORTIVO/ชุดแต่งสเกิร์ต TRD SPORTIVO รอบคัน
ด้านการผลิตระบบเกียร์ Toyota Yaris 2007 ในยุคนั้นมี 2 แบบ คือ เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และในส่วนของเครื่องยนต์ เป็นการใช้เครื่อง Toyota 1NZ-FE VVT-i 4 สูบ 1.5 L. 109 แรงม้า (80 กิโลวัตต์) ที่ 6,000 RPM แรงบิดที่ 141 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 RPM ประหยัดน้ำมันประมาณ 12.3 กิโลเมตรต่อลิตรในเมือง และ 15.3 กิโลเมตรต่อลิตรสำหรับการวิ่งไปต่างจังหวัด ชนบท หรือระยะทางไกลๆ เป็นต้น
Toyota Yaris 2017 ไมเนอร์เชนจ์ใหม่
Toyota Yaris 2017 สปอร์ตขึ้น-หรูหราอีกระดับ
ขณะที่ปัจจุบัน สำหรับ Toyota Yaris 2017 ได้รับการพัฒนาเปลี่ยนไปมาก ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูสปอร์ตขึ้น หรูขึ้น ตลอดจน การออกแบบดีไซน์ให้กลายปเนรถอีโคคาร์ที่มีสมรรถสูงขั้น วิ่งทางไกลได้ยอดเยี่ยมและประหยัดย้ำมันได้ดียิ่งขึ้น ตลอดจน การเพิ่มประเภทรถ Toyota Yaris Sedan เข้ามาอีกเป็นทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ซึ่งหลายๆ คนคงทราบกันดีว่า Toyota Yaris 2017 โฉมไมเนอร์เชนจ์ใหม่ มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่นย่อยเช่นเดิม ประกอบด้วย J ECO, J, E และ G ทุกรุ่นถูกติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ CVT โดยไม่มีเกียร์ธรรมดาให้เลือก
นอกจากนี้ ยาริส 2017 ยังมีการปรับไมเนอร์เชนจ์ครั้งใหญ่ ที่เปลี่ยนหน้าตาไปจากเดิม (เกือบจะ) สิ้นเชิง เพื่อให้เข้ากับ Yaris Ativ 2017 ที่เปิดตัวไปก่อนหน้าไม่นาน ทำให้โตโยต้าสามารถป้อนรถอีโคคาร์ลงสู่ตลาดได้ถึง 2 รุ่น ทั้งตัวถังซีดานและแฮทช์แบค เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่มองหารถราคาประหยัดไว้ใช้งาน
ด้านขุมพลัง Toyota Yaris 2017 ได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร ให้สมรรถนะเพียงพอทั้งการขับขี่ในเมืองและนอกเมือง ช่วงล่างแน่นหนึบขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การเก็บเสียงที่ทำได้ดีไม่แพ้รถรุ่นใหญ่ กับความกว้างขวางของห้องโดยสาร จึงทำให้รถคันนี้ค่อนข้างครบเครื่องในราคาที่จับต้องได้ง่าย และกลายเป็นรถที่น่าถวิลหาอีกรุ่นหนึ่งเลยทีเดียวครับ
กล่าวโดยสรุป Toyota Yaris 2017 ไมเนอร์เชนจ์ใหม่ ถูกปรับปรุงไม่เพียงแต่รูปลักษณ์หน้าตาเท่านั้น แต่ยังพัฒนาสมรรถนะการขับขี่ให้อยู่ในระดับต้นๆ ของอีโคคาร์ในปัจจุบัน
ดูเพิ่มเติม
>> รีวิว: Toyota Yaris 2017 สไตล์ยุโรป
>> นอกจากรถแล้ว ในงาน Bangkok International Auto Salon 2018 มีสิ่งที่น่าสนใจอะไรอีกบ้าง
ราคาจำหน่าย Toyota Yaris 2017 ไมเนอร์เชนจ์ใหม่ มีดังนี้ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดตามข่าวสารที่ เว็บไซต์ ของ Toyota)
- 1.2 G ราคา 619,000 บาท
- 1.2 E ราคา 569,000 บาท
- 1.2 J ราคา 539,000 บาท
- 1.2 J ECO ราคา 489,000 บาท
Chobrodขอฝากความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไว้เพียงเท่านี้และอย่าลืมแชร์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องรถยนต์ของคุณให้เราด้วยโดยการให้ Comment ด้านล่างนี้ได้เลย
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
ค้นหาข้อมูลรายละเอียดสามารถเข้าดูวีวิวรถ เชิญที่นี่