ยางระเบิด ปัญหาร้ายแรงที่สุดขณะขับรถ

ประสบการณ์ใช้รถ | 3 พ.ค 2560
แชร์ 0

ปัญหาร้ายแรงที่สุดขณะขับรถ นั้นคือ ยางระเบิด สาเหตุใดที่ทำให้เกิดอาการยางระเบิด และหากกรณียางรถระเบิด เกิดขึ้นมาจริงๆ ควรทำยังไง

ยางระเบิด
 
ทุกวันนี้การขับขี่บนท้องถนน มักมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นบ่อยๆ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความประมาท ซึ่งหากไม่เกิดขึ้นเพราะตัวเราเอง ก็อาจเป็นเพราะคนอื่น โดยที่เราไม่สามารถควบคุมได้ และบางครั้งมันก็อาจจะเกิดขึ้นจากการใช้งานแบบไม่ทันตั้งตัว อย่างเช่น ยางแตก ยางระเบิด
เรามาดูกันก่อนว่า สาเหตุใดที่ทำให้เกิดอาการยางระเบิด นะครับ

สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการยางระเบิด มีดังนี้

1. ยางหมดอายุการใช้งาน เช่น แก้มยางมีรอยแตกลายงา บวม ฉีกขาด ดอกยางหมดสภาพ เป็นต้น
2. ยางเก่าเก็บ
3. ขับรถโดยใช้ความเร็วเกินพิกัดยางที่กำหนดไว้
4. บรรทุกน้ำหนักเกินค่ากำหนด
5. สูบลมยางไม่ถูกต้อง
6. เปลี่ยนยางใหม่แต่ใช้จุ๊บเติมลมอันเก่า
7. ยางร้อนจัดเนื่องมาจากเบรกติดที่ล้อใดล้อหนึ่ง กรณีนี้อาจทำให้เกิดไฟไหม้รถได้
8. ผู้ขับขี่ซื้อยางเปอร์เซ็นต์มาใส่
 9. เลือกใช้ยางไม่ถูกขนาด เช่น เอายางรถเก๋งมาใส่รถปิกอัป เป็นต้น
 10. แก้มยาง
 
และอาการเตือนก่อนที่ยางจะระเบิดจะมีอะไรบ้าง 

ในขณะที่คุณขับรถอยู่นั้น ถ้าปรากฏว่าพวงมาลัยสั่นสะเทือนผิดปกติและบังคับรถได้ยากโดยเฉพาะในขณะเลี้ยวทั้งๆ ที่ไม่มีปัญหาเรื่องถ่วงล้อและศูนย์ล้อหน้าก็เป็นปกติ ลูกหมากไม่หลวม ขณะขับมาตอนแรกๆ พวงมาลัยไม่สั่น อาการนี้เป็นสิ่งบอกเหตุว่ายางรถยนต์เริ่มบวมพร้อมจะระเบิดแล้ว ควรชะลอความเร็วและจอดรถในบริเวณที่ปลอดภัย ลงจากรถ แล้วรีบตรวจสภาพยางทันที ซึ่งโดยส่วนมากจะพบว่ายางร้อนจัดและบวมเนื่องจากยางเสื่อมสภาพ 

เมื่อคุณทราบแล้วว่าอาการยางรถยนต์ระเบิดนั้น เกิดขึ้นจากสาเหตุใดแล้ว อย่าลืมไปเช็คดูยางรถยนต์ เพื่อความปลอดภัยของคุณเองและเพื่อนร่วมทางด้วยนะครับ 

หากกรณียางรถระเบิด เกิดขึ้นมาจริงๆ เราจะทำอย่างไร
 
ยางระเบิด
ยางรถระเบิด

กรณีที่ 1 เมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถยางระเบิดในขณะขับรถ

1. มือทั้งสองต้องจับอยู่ที่พวงมาลัยอย่างมั่นคง
2. ถอนคันเร่งออก
3. ควบคุมสติให้ดีอย่าตกใจมองกระจกหลังเพื่อให้ทราบว่ามีรถใดตามมาบ้าง
 

วิธีเอาตัวรอดเมื่อยางรถระเบิดขณะขับขี่

4. แตะเบรกอย่างแผ่วเบาและถี่ๆ อย่าแตะแรงเป็นอันขาด เพราะว่า จะทำให้รถหมุน
5. ห้ามเหยียบคลัตช์โดยเด็ดขาดเพราะถ้าเหยียบคลัตช์รถจะไม่เกาะถนนรถจะลอยตัวและจะทำให้บังคับรถได้ยากยิ่งขึ้น
   อาจเสียหลักเพราะการเหยียบคลัตช์เป็นการตัดแรงบิดของเครื่องยนต์ ให้ขาดจากเพลา
6. ห้ามดึงเบรกมืออย่างเด็ดขาด จะทำให้รถหมุน
7. เมื่อความเร็วรถลดลงพอประมาณแล้วให้ยกเลี้ยวสัญญาณเข้าข้างทางซ้ายมือ
8. เมื่อความเร็วลดลงระดับควบคุมได้ ให้เปลี่ยนเกียร์ต่ำลงและหยุดรถ
 
ยางระเบิด
รถตกน้ำ
 
กรณีที่ 2 เมื่อรถตกน้ำ
ในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุแล้วตกลงไปในแม่น้ำ ลำคลองใดๆ ก็ตาม รถจะไม่ตกลงไปในน้ำแล้วจมทันที แต่จะค่อยๆ จมลงทีละน้อยๆ จนกว่าจะถึง พื้นล่างและในขณะนั้น ควรตั้งสติให้ดี และ ปฏิบัติตามนี้
1. ปลด SAFETY BELT ออกทุกๆคน รวมทั้งผู้โดยสารด้วย
2. อย่าออกแรงใดๆ เพื่อสงวนการใช้อากาศหายใจซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนจำกัด
3. ให้ยกส่วนศีรษะให้สูงเหนือระดับน้ำที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในรถ
4. ปลดล็อกประตูรถทุกบาน
5. หมุนกระจกให้น้ำไหลเข้าในรถเพื่อปรับความดัน! ในรถและนอกรถให้เท่ากันมิฉะนั้นท่านจะเปิด ประตูรถไม่ออก
    เพราะน้ำจากภายนอกตัวรถจะดันประตูไว้
6. เมื่อความดันใกล้เคียงกันแล้วให้ผลักบานประตูออกให้กว้างสุด แล้วท่านก็ออกจากห้องโดยสารของ รถได้
7. จากนั้นท่านอาจจะปล่อยตัวให้ลอยขึ้นเหนือน้ำตามธรรมชาติ หรือจะว่ายน้ำขึ้นมาก็ได้ ในกรณีนี้หาก น้ำลึกมากๆอาจจะมองไม่เห็นว่าทิศใดเหนือน้ำ ทิศใดใต้น้ำเพราะว่ามืดไปหมดไม่ควรใช้วิธีว่ายน้ำ เพราะอาจจะว่ายไปในทิศทางที่ไม่ขึ้นเหนือน้ำ สำหรับกรณีเช่นนี้ ควรปล่อยตัวให้ลอ ขึ้นตามธรรมชาติ หรือ ลองเป่าปากดูว่า ฟองอากาศลอยไปในทิศทางใด ให้ว่ายน้ำไปในทิศทางที่ฟองอากาศลอยไป ก็จะไม่มีอาการหลงน้ำ นอกจากนั้น ก่อนออกจากรถ หากท่านมีผู้โดยสารที่เป็นเด็กๆ อาจจะหนีบเด็กๆนั้นออกมากับท่านได้อีกหนึ่งคน

สุดท้ายนี้ ขอย้ำเตือนเลยว่า สติ สำคัญที่สุดในกรณีที่เกิด ยางแตก ยางระเบิด และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้น คุณสามารถทำได้ด้วยการ ตรวจเช็กยางรถยนต์อยู่เสมอ คอยสังเกต คอยดูว่ายางมีปัญหา หรือมีอาการผิดปกติอะไรหรือไม่ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสี่ยงกับอันตรายแบบนี้นะครับ 

ขอบคุณข้อมูล Tiretruckintertrade

ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่  
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดีและน่าเชื่อถือ เชิญที่นี่
Tiretruckintertrade