เทคนิคขับรถลุยน้ำท่วม ขับยังไงไม่ให้พัง!!

ประสบการณ์ใช้รถ | 25 พ.ค 2560
แชร์ 8

เข้าน้ำฝนเต็มตัวแล้วก็ถึงฤกษ์งามยามดี ที่จะขอนำเสนอเกร็ดความรู้ที่ทุกคนน่าจะได้นำไปใช้โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ที่ต้องเจอกับ “น้ำรอระบาย” ทุกปี มาดูเทคนิคการขับรถเมื่อต้องเจอกับน้ำท่วมกันว่าจะขับอย่างไรให้รถไม่พัง

ประเมินสถานะการ์ณ ระดับน้ำแค่ไหนที่เรียกสูงจนต้องเรียกว่าขับรถลุยน้ำท่วม ถ้าแค่น้ำเจิ่งๆ ระดับไม่เกินข้อเท้าแบบนั้นยังไม่สูงเท่าไร แต่ยังไงก็ไม่ควรขับรถเร็ว
 
ระดับที่สูงจนเรียกว่าต้องขับลุยน้ำท่วมก็คือ ระดับน้ำสูงระดับเกือบครึ่งหน้าแข้งขึ้นไป แบบนี้ก็ต้องใช้เทคนิคการขับกันสักหน่อยแล้ว
 

- ปิดแอร์ทันที
ถ้าเปิดแอร์กับระดับน้ำสูงขนาดนั้น พัดลมแอร์จะพัดให้น้ำเข้าเครื่องยนต์ได้ ยังรวมไปถึงใบพัดไปเกี่ยวเอาเศษขยะถุงพลาสติดหรือของแข็งเข้ามาในห้องเครื่อง เกิดความเสียหายได้ที่ไม่อยากจะนึกภาพ

 

-ขับช้าๆ
ไม่ว่าจะเกียร์ออโต้ หรือเกียร์ธรรมดาให้ใช้เกียร์ต่ำ อย่าเหยียบเร่งรอบเครื่องสูง ใช้รอบเครื่องและระดับความเร็วให้สม่ำเสมอ ไม่กระชาก ตลอดระยะทางที่ต้องผ่านเส้นทางน้ำท่วมนั้น
 
อีกข้อหนึ่งที่มีหลายคนเข้าใจผิดว่า น้ำท่วมแล้วน้ำจะเข้าไปในท่อไอเสีย คอยเร่งรอบเครื่องสูงตลอดเวลาเพื่อดันไล่น้ำออกมานั้น เป็นความคิดที่ผิด! น้ำยังไงก็ไม่สามารถเข้าไปในเครื่องผ่านทางท่อไอเสียได้เพราะจะมีแรงดันของไอเสียเครื่องยนต์คอยดันออกมา 
 

 

​- เช็คเบรค
เมื่อลุยน้ำผ่านมาได้แล้ว อย่าเร่งความเร็วทันที ระบบเบรคเพิ่งผ่านการโดนน้ำมาย่อมส่งผลต่อการทำงานยังไม่สามารถทำงานได้ปกติถ้าเร่งความเร็วจะเบรคไม่อยู่ เกิดอันตรายได้
 
ค่อยๆ เพิ่มความเร็วแล้วคอยย้ำเบรคให้ความร้อนของเบรคไล่น้ำออกไป แล้วเบรคจะทำงานได้ปกติ
 
แค่นี้ก็สามารถขับลุยผ่านน้ำท่วมได้ก็แค่นำเทคนิคนี้ไปใช้ แต่อย่าลืม เมื่อกลับถึงบ้านวันรุ่งขึ้น เช็คน้ำมันเกียร์ น้ำมันเครื่องว่ามีน้ำเข้าไปหรือไม่ สังเกตที่สีน้ำมันจะมีความผิดปกติทางที่ดีควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันใหม่เพื่อไม่ให้ส่งผลเสียตามมากับเครื่องยนต์
 
แต่ทางที่ดีถ้ารู้ว่าฝนตกหนักก็เลี่ยงเส้นทางไปใช้เส้นทางอื่นที่คาดว่าน้ำจะไม่ท่วมดีกว่า ยอมเสียเวลาหน่อยแต่ดีกว่าต้องมานั่งลุ้นทุกครั้งว่าจะขับผ่านน้ำท่วมไปได้หรือเครื่องยนต์จะมาดับกลางทางก่อนเพราะน้ำเข้าเครื่องยนต์ เสียเงินซ่อมหนักๆ มันไม่คุ้มหรอก เดี๋ยวจะพังทั้งรถ พังทั้งคนกันพอดี