เกมนับเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์เรามานานและได้รับความสนใจมากอีกด้วย ด้วยเหตุนี้เองทางผู้พัฒนารถยนต์จึงอยากนำเรื่องเกมเข้ามาดึงดูดความสนใจของผู้คนทั่วไปให้หันมาสนใจรถยนต์มากยิ่งขึ้น โดยค่ายที่เริ่มพัฒนาแล้วคือ Nissan
ความบันเทิงกับมนุษย์เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ คุณว่าจริงไหม ถ้าอยากจะพิสูจน์เพียงลองไม่ดูหนังไม่ฟังเพลงไม่ดูละครไม่เล่นเกม หรืองดเสพย์สิ่งให้ความบันเทิงทุกชนิดดูสัก1สัปดาห์ คำตอบก็คงออกมาเป็นว่าไม่อาจจะทนอยู่ได้ หรือถึงจะอยู่ได้แต่ก็ไม่รู้จะมีชีวิตไปเพื่ออะไร ดังนั้นความบันเทิงจึงอยู่คุ่กับมนุษยชาติตั้งแต่อดีตตราบปัจจุบัน และนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่แทบทุกบ้านมีโทรทัศน์มาตั้งแต่ยุคที่แม้แต่อินเตอร์เน็ตก็ยังไม่บูม พอมาถึงวันที่ประชาชนต่างๆสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น สมาร์ทโฟนก็แทบจะเข้ามาเป็นอุปกรณ์ที่แทนที่โทรทัศน์ไปเลย เพราะมันสามารถเป็นได้หลายอย่างในแง่ความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง หรือฟังเพลง เล่นเกม แต่ประเภทของความบันเทิงที่มนุษย์ให้ความสนใจและหมดเงินไปกับมันมากที่สุด คือประเภท "เกม"
จากสถิติคนทั่วไปมักใช้เกมเป็นเครื่องให้ความบันเทิงมากที่สุด
เรื่องของอุตสาหกรรมเกมที่เราไม่เคยรู้
นอกจากอุตสาหกรรมรถยนต์ที่นับเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ระดับท็อปของโลกแล้ว อุตสาหกรรมเกมก็แทบจะไม่น้อยหน้า ในหมวดหมู่ความบันเทิงแล้ว อุตสาหกรรมเกมถ้านับทั่วทั้งโลกมีมูลค่ามากถึงประมาณ 3.2ล้านล้านบาทต่อปี (ข้อมูลจากปี2016) แล้ว3.2ล้านล้านบาทนี้มันมากหรือน้อย ถ้าจะให้รู้ว่ามากหรือน้อยลองเทียบกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั่วทั้งโลก อุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่เรารู้จักหนังหลายๆเรื่องนั้น มีมูลค่าประมาณ 2.1ล้านล้านบาทต่อปี และอุตสาหกรรมเพลงมีมูลค่า 6.3แสนล้านบาท นั่นคือแม้จะเอามูลค่ารวมของอุตสาหกรรมภาพยนตร์และอุตสาหกรรมเพลงมารวมกันแล้วก็ยังไม่เท่าอุตสาหกรรมเกมเลย นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่บริษัทรถยนต์เริ่มมองเห็นอะไรบางอย่างและพยายามจะนำเรื่องเกมเข้ามามีส่วนในการดึงผู้คนให้หันมาสนใจแบรนด์ของตัวเองมากขึ้น เปลี่ยนใจมาซื้อรถยนต์ของแบรนด์ตนมากขึ้น หนึ่งในแบรนด์รถยนต์นั้นคือบริษัท Nissan
Nissan กำลังหาช่องทางนำเกมมาผนวกกับรถยนต์
หยิบเกมมาเป็นเครื่องดึงดูดลูกค้า
ด้วยเหตุที่เกมเป็นสิ่งประดิษฐ์หนึ่งที่เข้าถึงมนุษย์ทุกคนได้ทุกเพศทุกวัย Nissanจึงหยิบยกข้อดีนี้ขึ้นมาและพยายามจะลองเปลี่ยนยานพาหนะของพวกเขาให้เข้าใกล้การเล่นเกมมากขึ้น โดยหวังว่าจะทำให้ผู้ขับขี่มีความบันเทิงในขณะขับรถยนต์มากยิ่งขึ้น โดยแนวคิดของNissanคือการเปลี่ยนกระจกบังลมหน้าให้สามารถมองเห็นโลกเสมือนหรือที่เรียกกันว่า Virtual World ได้ ทาง Nissan ได้แสดงให้ดูกันจริงๆจังๆไปแล้วและเรียกมันว่าเทคโนโลยี “Invisible-to-visible” (I2V) ภาพรวมคร่าวๆของเทคโนโลยีนี้ราวกับร่ายมนต์คาถาเพราะเป็นการดึงข้อมูลจากเซนเซอร์ต่างๆของรถยนต์เพื่อใช้ในการสร้างภาพขึ้นมาวางทับกับสิ่งของจริงๆบนท้องถนน หรือมันก็คือ Augmented Reality (AR) ในสเกลที่ใหญ่ขึ้นนั่นเอง I2V นี้ทำงานบนระบบที่เรียกว่า Omni-Sensing ที่เปรียบเสมือน Hub ที่รวบรวมข้อมูลจากเซนเซอร์ต่างๆภายในรถยนต์ และแดสงผลแบบ Augmented Reality บนกระจกบังลมหน้าให้สอดคล้องกับวัสดุจริงๆบนถนน (คล้ายกับตัวการ์ตูนต่างๆที่เป็น Augmented Reality ในระบบกล้องของสมาร์ทโฟน) เห็นมันดูล้ำๆแบบนี้ในความจริงแล้วระบบนี้เป็นการพัฒนาแพลทฟอร์มจาก Unity Technologies บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจเกม
ภาพจำลองการนำภาพของเกมมาแสดงบนกระจกบังลมหน้าในรถยนต์ Nissan
ดูเพิ่มเติม
>> รวมคอมเมนท์ข้อดี – ข้อเสียของ Nissan GT-R 2019
>> 8 เทคโนโลยี ยนตรกรรมแห่งโลกอนาคตที่ทุกคนเฝ้ารอคอย
แล้ว I2V นี้มันดีอย่างไร
ถึงแม้จะบอกว่ามันเหมือนเกม แต่ถ้าให้แต่ความสนุกคงไม่ต้องขับรถกันพอดี Nissan จึงเคลมมาด้วยว่ามันไม่ได้ใช้เล่นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ประโยชน์อย่างอื่นของมันก็ตัวอย่างเช่น กรณีที่มีฝนตก I2V จะสามารถรับรู้ได้จากเซนเซอร์ต่างๆ จากนั้นจะสร้างภาพต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเรื่องฝนตก เช่น ฝนตกหนัก ผู้ขับขี่ควรจะต้องใช้ความระมัดระวังกับการขับขี่มากขึ้น ดังนั้นจะมีผู้ช่วยเสมือนออกมาให้คำแนะนำในการขับขี่ หรือบอกว่าควรจะทำอย่างไรกับสภาพถนนแบบนี้ เป็นการฝึกฝนให้ผู้ขับมีทักษะการขับขี่ในสภาพอากาศฝนตกที่เก่งขึ้นด้วย
การแนะนำการขับรถในสภาพถนนที่ฝนตกนับเป็นคุณค่าอย่างหนึ่งของ I2V
ในความเป็นจริงระบบนี้ก็ยังรู้สึกไม่ชัดเจนสำหรับลูกค้าทั่วไปว่ามันจะใช้งานได้จริงๆไหม เพราะตอนที่ทาง Nissan แสดงให้ดูนั้นไม่ได้ใช้รถยนต์จริงๆที่สร้างระบบเสร็จแล้วแต่เป็นรถยนต์ที่เป็นแบบจำลองและใส่แว่นที่เป็น Augmented Reality ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และด้วยความเป็นแบบจำลองทำให้สถานการณ์ต่างๆตอนแสดงให้ดูนั้นถูกระบุมาบ้างแล้ว เช่นการค้นหาที่จอดรถในห้างสรรพสินค้าที่รถยนต์หนาแน่น หรือการไล่ตามรถยนต์คันหน้าซึ่งขับด้วยความเร็ว ราวกับว่าเรากำลังอยู่ในเกมการแข่งขัน ซึ่งในความเป็นจริงตอนขับรถจริงๆในทางกฎหมายก็ยังไม่แน่ว่าจะอนุญาตให้ใส่แว่นหรือหมวก Augmented Reality เพื่อให้เห็นภาพเกมต่างๆ และสิ่งนี้ก็ยังไม่มีการประกาศออกมาเป็นทางการจาก Nissan ว่าจะมีทางออกกับเรื่องนี้อย่างไร แต่สมมติว่าสามารถใส่แว่น AR แล้วสามารถใช้งาน I2V ได้จริงจะทำให้รสชาติการขับรถยนต์บันเทิงขึ้นอีกมาก เนื่องจากสามารถพัฒนาซอฟแวร์ในเรื่องเกมให้เอามาใช้จริงกับชีวิตประจำวันได้ หรืออาจจะสร้างเป็นการเก็บคะแนนจากเกมแล้วนำไปแลกของรางวัลได้อีกด้วย
ภาพจำลองที่ Nissan เปิดตัว I2V ต่อสาธารณชน
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นและอนาคต
ต่อให้ระบบนี้สามารถนำมาใช้จริงได้บนท้องถนนในอนาคต มองเผินๆแล้วระบบ I2V นี้ก็ดูน่าสนุกดีและสร้างความบันเทิงรวมไปถึงสาระต่างๆให้กับผู้ขับขี่ได้ไม่น้อย แต่ในทางกลับกัน Augmented Reality นี้ทำให้ผู้ขับนั้นเสียสมาธิในการขับรถแน่ๆ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงปัญหาจะตามมาอีกมาก ดังนั้นระบบนี้จึงเหมาะกับรถยนต์ Autonomous Driving หรือรถยนต์ไร้คนขับ ที่มนุษย์ไม่ต้องขับรถยนต์เองแต่ใช้สมาธิกับระบบ I2V นี้ได้อย่างเต็มที่ไปตลอดการเดินทาง
ผู้พัฒนารถยนต์พยายามสรรหาอะไรใหม่ๆมาอยู่ในรถยนต์และเพิ่มคุณค่าให้แก่ผู้ขับ แน่นอนว่าในความจริงสิ่งที่สรรสร้างขึ้นมานั้นอาจจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ผู้คนอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ยังไม่มีใครตอบได้ แต่การพัฒนาออกมาก่อนก็สามารถทดสอบตลาดได้ Augmented Reality นั้นมีมานานแล้วในสมาร์ทโฟน การนำมันมาใช้ร่วมกับรถยนต์จนกลายเป็นระบบ I2V นี้ก็ถือว่าเป็นแนวคิดที่ดีประการหนึ่ง ที่เหลือจะสามารถทำให้คนอื่นๆ ค่ายอื่นๆนำมาต่อยอดออกมาเป็นระบบที่คนอาจจะชอบมากๆในอนาคตก็ได้ แต่ก็มาติดในเรื่องกฎหมาย ก็คงต้องรอดูกันว่ากฎหมายจะว่ากันอย่างไรหากมีการนำมาใช้จริงในรถยนต์
ตัวอย่าง Augmented Reality จากการใช้ Tablet ในปัจจุบัน
Chobrodขอฝากความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไว้เพียงเท่านี้เเละคราวหน้าเรื่องอะไรติดตามตลาดรถไปพร้อมกันเลยนะครับ
ดูเพิ่มเติม
>> Five Fact : Nissan GT-R 2019 กับ 5 เรื่องที่คุณอาจไม่รู้ว่ารถคันนี้มัน “เจ๋ง !” แค่ไหน
>> เปิดตำนาน “ก็อดซิลล่า” Nissan GT-R ลมหายใจของความแรง
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่