เมื่อเข้าฤดูฝนคนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า “อย่าเพิ่ง
ล้างรถ เลยล้างไปฝนก็ตก รถก็กลับมาเปื้อนเปล่าๆ” แต่ที่จริงแล้วนี่คือความเชื่อที่ผิดเพราะในฤดูฝนการล้างรถถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญและขาดไม่ได้
วิธีดูแลรักษารถอย่างถูกวิธีในช่วงหน้าฝน
- ล้างรถอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังลุยฝนมา ให้ท่านใช้สายยางฉีดน้ำแรงๆไล่ฝุ่น โคลน และคราบน้ำฝนออกไปก่อน
- เมื่อขับรถลุยฝนมาแล้ว พยายามอย่าจอดรถตากแดด เพราะจะทำให้คราบน้ำฝนแห้งและเป็นคราบน้ำ ยิ่งถ้าเจอฝนกรดด้วยแล้ว คราบน้ำนั้นจะฝังเข้าไปถึงสีรถทำให้ทำความสะอาด ยาก
- ไม่ควรนำผ้าแห้งเช็ดรถหลังฝนตก เพราะในขณะที่คุณขับรถลุยฝนนั้น จะมีฝุ่น ทราย โคลนเกาะที่ผิวสี เมื่อเช็ดรถด้วยผ้าแห้งก็อาจเกิดริ้วรอยขึ้นได้ ฉะนั้นควรฉีดน้ำล้างจะดีที่สุด
- ไม่ควรจอดรถใต้ร่มไม้ ที่มียาง เกสรดอกไม้ หรือ ผล เพราะในฤดูฝนมักมีลมกรรโชกที่รุนแรง นอกจากต้นไม้จะหักหรือล้มมาโดนรถแล้ว อาจมีเศษกิ่งไม้ ใบไม้ ลูกไม้ปลิวมาติดรถ เมื่อปล่อยให้เศษใบไม้เหล่านี้แห้งคารถจะทำให้รถเป็นรอยและล้างจะยาก
-พยายามเคลือบสีรถด้วยแว็กซ์ อย่างน้อยเดือนละครั้ง การเคลือบสีรถไม่ทำให้รถบางลง แต่จะเป็นการทำให้รถหนาขึ้น สิ่งสกปรก เช่น คราบแมลง ยางมะตอย ยางไม้ที่จะทำ อันตรายรถก็น้อยลง รถที่ลงแว็กซ์เคลือบสีสม่ำเสมอ โอกาสที่จะเกิดคราบน้ำและคราบสกปรกฝังตัว มีน้อยลง
การล้างรถด้วยตัวเองอย่างถูกวิธี
การล้างรถด้วยตัวเอง ถือเป็นสิ่งที่หลายคนชอบทำอยู่แล้วในวันหยุด แต่บางท่านก็ยังสงสัยว่าการล้างรถที่ถูกวิธี ต้องทำอย่างไรบ้าง ที่ช่วยให้รถดูสะอาด และช่วยถนอมสีรถด้วย ขั้นตอนล้างรถมีดังนี้
- ฉีดน้ำไล่คราบสกปรก การฉีดน้ำไล่สิ่งสกปรก ควรฉีดน้ำจากด้านบนลงมาด้านล่างด้วยน้ำเย็น เพื่อให้เศษฝุ่น หรือสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนรถเราอ่อนตัวลง
- การผสมน้ำยาล้างรถกับน้ำอุ่น การผสมน้ำยาล้างรถควรผสมให้ได้อัตราส่วนที่พอเหมาะ ตามที่ระบุไว้ที่ขวดของน้ำยาล้างรถ ซึ่งแต่ละยี่ห้อนั้น จะมีอัตราส่วนที่ไม่เท่ากัน
- เริ่มการล้างจากหลังคารถไล่ลงมาทางด้านข้างรถ เมื่อเริ่มต้นล้างจากหลังคารถลงมาทางด้านข้างแล้ว บริเวณกระจกรถยนต์ และตามขอบต่างๆ ควรใช้ผ้าสำลี เช็ดทำความสะอาด ไม่แนะนำให้ใช้ฟองน้ำล้างรถ เพราะฟองน้ำล้างรถอาจจะมีเศษเม็ดทรายติดอยู่ตามตามรูพรุนของฟองน้ำ ซึ่งเศษพวกนี้ อาจจะทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้
- ควรซักผ้าบ่อยๆ โดยการล้างรถให้สะอาด แนะนำให้ใช้ผ้า 3 ผืน ในการล้าง โดยแบ่งตามส่วนต่างๆ ของรถยนต์ดังนี้ ผืนแรก ให้ล้างทำความสะอาดหลังคารถ ฝากระโปรงหน้า ฝาก ระโปรงหลัง รวมถึงกระจกรถยนต์ด้วย ส่วนผืนที่ 2 ใช้ล้างในส่วนตั้งแต่ขอบกระจกรถยนต์ด้านล่างลงมา และผืนสุดท้ายใช้ล้างล้อรถหรือส่วนที่สกปรกมากๆ
- ไม่ควรปล่อยให้น้ำยาล้างรถแห้ง เมื่อเราล้างทำความสะอาดตรงส่วนนั้นเสร็จแล้ว ควรจะล้างด้วยน้ำเปล่าทันที ก่อนที่จะไปล้างจุดอื่นต่อ ควรทำแบบนี้ทุกครั้งในส่วนที่เราล้าง เมื่อ ล้างเสร็จทุกจุดแล้ว ควรล้างด้วยน้ำเปล่าอีกครั้งทั้งคัน
- หากพบรอยเปื้อนหรือคราบ ในจุดนี้หากล้างทำความสะอาดแล้ว ยังพบรอยเปื้อนหรือคราบ ควรใช้น้ำยาขจัดรอยเปื้อนทันที ซึ่งน้ำยาที่ใช้ควรเป็นน้ำยาขัดรอยเปื้อนสำหรับรถโดย เฉพาะ
- เช็ดรถให้แห้งทันที หลังจากที่ล้างเสร็จทำความสะอาดหมดทุกขั้นตอนแล้ว ควรเช็ดทำความสะอาดให้แห้งโดยทันที เพื่อป้องการการเกิดคราบน้ำ และฝุ่นที่จะมาเกาะที่พื้นผิวของสี รถยนต์เรา
ข้อหลีกเลี่ยงที่ไม่ควรทำในการล้างรถ
- ไม่ควรล้างรถกลางแดด เพราะการล้างกลางแดด จะให้น้ำแห้งเร็ว จนทำให้เช็ดไม่ทันอาจจะทำให้เกิดคราบน้ำได้
- ไม่ควรล้างรถตอนเย็นหรือค่ำ ในล้างรถช่วงเย็นหรือมืด อาจจะทำให้เกิดสนิมขึ้นได้ในจุดที่เราเช็ดทำความสะอาดไม่แห้ง
- ไม่ควรล้างรถตอนเย็นหรือค่ำ ในล้างรถช่วงเย็นหรือมืด อาจจะทำให้เกิดสนิมขึ้นได้ในจุดที่เราเช็ดทำความสะอาดไม่แห้ง
- ไม่ควรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดรถแทนการล้างรถ เพราะเศษเม็ดทรายอาจจะติดที่ผ้า จะทำให้เกิดรอยขีดข่วนที่รถยนต์ของเราได้
- ไม่ควรใช้ผงซักฟอกหรือน้ำยาล้างจาน มาล้างรถยนต์ เพราะสารที่อยู่ในผงซักฟอกหรือน้ำยาล้างจาน อาจจะทำลายสีรถของเราได้
- ไม่ควรใช้ไม้ขนไก่หรือแปรงปัดฝุ่น เพราะจะทำให้ลากฝุ่นหรือเศษเม็ดทราย ไปมาอาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้เช่นกัน
ถึงหน้าฝนแบบนี้อย่าละเลยเรื่อง
ล้างรถ ให้สะอาดเป็นอันขาดนะครับ
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญ
ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดีและน่าเชื่อถือ เชิญ
ที่นี่