Ford Everest คุณภาพคุ้มค่ากับราคาหลักล้านหรือไม่!?

ประสบการณ์ใช้รถ | 10 ม.ค 2562
แชร์ 0

หลายคนคงเคยเห็นสเปคของ Ford Everest รถ SUV เกรดพรีเมียมจาก Ford กับราคาหลักล้านกลางๆ มาบ้างแล้ว แต่ก็ยังคงมีความลังเลอยู่ว่าจะซื้อดีไหม วันนี้ Chobrod จะมาแจกแจงรายละเอียด และปัญหาของ Ford Everest เพื่อหาความคุ้มค่าของการซื้อเจ้ารถ SUV คันนี้กันค่ะ

Ford Everest รถยนต์อเนกประสงค์สไตล์ SUV พันธุ์แกร่งดุดัน เปิดตัวรุ่นปรับโฉมใหม่ไมเนอร์เชนจ์ 2018 - 2019 ที่โดดเด่นด้วยขุมพลังใหม่ ปรับชิ้นส่วนภายนอกบางจุดใหม่ เพิ่มระบบเทคโนโลยีใหม่จากรุ่นเดิมมากมาย โดย Ford Everest 2018 รุ่นไมเนอร์เชนจ์นี้ มาพร้อมกับ 4 รุ่นย่อยด้วยกัน ได้แก่ Ford Everest 2.0 Trend, Ford Everest 2.0 Titanium, Ford Everest 2.0 Titanium plus และ Ford Everest 2.0 Bi-Turbo Titanium  plus 4WD

Ford Everest กับรูปลักษณ์ที่ดุดันในแบบพรีเมียม

Ford Everest กับรูปลักษณ์ที่ดุดันในแบบพรีเมียม

สำหรับรูปลักษณ์ภายนอก จากการรีวิว Ford Everest เรียกได้ว่าโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่พรีเมียม ดุดัน และสวยสะดุดตาอย่างมาก แต่ในแต่ละรุ่นย่อยก็ได้อุปกรณ์ตกแต่งภายนอกที่แตกต่างกันโดย

Ford Everest 2.0 Trend (ราคา 1,299,000 บาท) ยังคงแนวทางการออกแบบที่เน้นความเป็น Contempory design โดยมีการปรับเปลี่ยนกระจังหน้าใหม่เป็นสีเทาดำดูมีเสน่ห์ความลงตัวในการใช้งาน พร้อมด้วยล้ออัลลอยขอบ 17 นิ้ว สีเทา ขนาด 265/65/R17   ไฟหน้าให้โคมไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ แต่เป็นหลอดไฟแบบฮาโลเจน ประตูท้ายเปิดด้วยมือธรรมดา

มาพร้อมกับระบบกุญแจ Keyless ซึ่งเป็นมาตรฐานในรถทุกรุ่น ทั้งกุญแจอัจฉริยะ และปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ภายในออกแบบด้วยสุดหุ้มเบาะนั่งหนังสีดำ ระบบปรับอากาศแยกอิสระ ซ้าย-ขวา ตามต้องการ ส่วนด้านความบันเทิงมีการติดตั้งระบบ Ford Sync 3 มาให้ ด้วยการทำงานผ่านหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อ Bluetooth และ Wifi    พร้อมลำโพง 9 ตัวในห้องโดยสาร พร้อมซับวูฟเฟอร์ และแอมพลิฟายเออร์ ขุมพลังรุ่นใหม่เป็นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า สูงสุดที่ 3,500 รอบต่อนาที และทำแรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,750 – 2,500 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด

ดูเพิ่มเติม
Ford Everest มือสอง คุ้มค่า น่าใช้จริงหรือไม่ !?​
รวบรวมปัญหา Ford Everest 2018 !​​

Ford Everest เหมาะกับการขับขี่ในทุกสภาพถนน

Ford Everest เหมาะกับการขับขี่ในทุกสภาพถนน

Ford Everest 2.0 Titanium (ราคา 1,439,000 บาท) มีภาพรวมรายละเอียดงานออกแบบคล้ายกับรุ่น Trend และได้เพิ่มออปชั่นสำคัญดังนี้ ไฟหน้าแบบ   HID สามารถปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติ, ไฟขับขี่เวลากลางวันแบบ LED, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, ไฟท้าย LED, ระบบเปิด-ปิดประตูท้ายไฟฟ้า พร้อมฟังชั่นทำงานแบบแฮนด์ฟรี, ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60/R18, ภายในมีการเพิ่มเติมฟังก์ชั่นเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ในส่วนของขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด เช่นเดียวกับรุ่น Trend

สำหรับระบบความปลอดภัยของทั้ง Ford Everest 2.0 Trend และ Ford Everest 2.0 Titanium มาพร้อมกล้องมองขณะถอยจอด, ระบบถุงลมนิรภัย 7 ใบ (คู่หน้า, ด้านข้าง, เข่า และม่านนิรภัย) และฟังก์ชั่นใหม่ทำงานร่วมกับระบบ SYNC 3 เมื่อ รถเกิดอุบัติเหตุจนถุงลมทำงานระบบจำทำการสั่งโทรขอความชวยเหลือไปยังเบอร์ 1669 โดยอัตโนมัติ หากคุณเชื่อมโทรศัพท์ไว้กับระบบ

Ford Everest กับรูปลักษณ์ที่ดุดันในแบบพรีเมียม

Ford Everest กับรูปลักษณ์ที่ดุดันในแบบพรีเมียม

Ford Everest 2.0 Titanium plus (ราคา 1,599,000 บาท) คือรุ่นรองท็อปที่มีออปชั่นเพิ่มมากขึ้นจาก 2 รุ่นแรก โดยเป็นรุ่นขับเคลื่อนสองล้อ มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร กำลัง 180 แรงม้าให้แรงบิด 420 นิวตันเมตร เหมือนกับ 2 รุ่นแรก โดยมีออปชั่นเพิ่มเติมจากรุ่น Titanium คือ ติดตั้งล้ออัลลอยขอบ 20 นิ้ว พร้อมยาง Good Year efficient Grip  ขนาด 265/50/R20 รวมถึงได้หลังคากระจก Panoramic Sunroof เป็นลูกเล่นเพิ่มเติม ภายในห้องโดยสารได้เบาะนั่งฝั่งผู้โดยสาร เป็นเบาะนั่งคู่หน้าไฟฟ้าปรับได้ 8 ทิศทาง, เบาะนั่งแถว 3 สามารถปรับพับด้วยไฟฟ้า ช่วยให้ง่าย และสะดวกในการใช้งานมากขึ้น รวมถึงติดตั้ง Navigator มาให้ด้วย  นอกเหนือจากนี้ยังติดตั้งระบบช่วยเหลือในการขับขี่มากมาย อาทิ ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมตรวจจับคนเดินเท้า  (AEB), ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะมากมาย อาทิ ระบบควบคุมความเร็วปรับรักษาระยะห่างอัตโนมัติ  (Adaptive Cruise Control),  ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping), ระบบเตือนการชนทางด้านหน้า, ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ  และระบบแจ้งเตือนความเหนื่อยล้าในการขับขี่  รวมถึงระบบช่วยจอดอัจฉริยะ  (Active Park Assisted) สำหรับเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยเพิ่มเติม ได้แก่ ระบบตรวจจับลมยาง, ระบบตรวจจับรถในจุดบอด   (Blind spot Monitoring)  และระบบตรวจจับรถในขณะออกจากซองจอดรถ (Rear Cross Traffic Alert)

ความทรงพลังของ Ford Everest คือสามารถพ่วงรถที่มีน้ำหนักมากได้สบายๆ

ความทรงพลังของ Ford Everest คือสามารถพ่วงรถที่มีน้ำหนักมากได้สบายๆ

ความทรงพลังของ Ford Everest คือสามารถพ่วงรถที่มีน้ำหนักมากได้สบายๆ

และรุ่นย่อยสุดท้าย Ford Everest 2.0 Bi-Turbo Titanium plus 4WD (ราคา 1,799,000 บาท)

รุ่นท๊อปที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ พร้อมลุยด้วยระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะใช้งานง่าย (Terrain Management System หรือ TMS) ช่วยให้ขับขี่ได้ง่าย รวมถึงยังติดตั้งระบบเฟืองท้าย (Electronic Locking Rear Differential) ที่ช่วยให้การกระจายกำลังไปยังล้อในระหว่างการขับเคลื่อน ในส่วนของเครื่องยนต์แม้จะเป็นเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตรเหมือนกัน แต่แตกต่างด้วยการจูนระบบอัดอากาศเป็นระบบเทอร์โบคู่ (Bi-turbo) ให้กำลังสูงสุด 213 แรงม้าที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,000 รอบต่อนาที พร้อมระบบขับเคลื่อนกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด (ซึ่งเป็นเครื่อง และชุดเกียร์เดียวกับ Ford Ranger Raptor) นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Decent Control) อีกด้วย

ระบบป้องกัน และความแข็งแรงของตัวรถถือว่าดีมาก

ระบบป้องกัน และความแข็งแรงของตัวรถถือว่าดีมาก

สำหรับปัญหาที่สามารถพบได้ใน Ford Everest ซึ่งมีทั้งปัญหาจุกจิกอย่างเสียงดังจากคอนโซลเก็บของ, ปุ่มแตรกดไม่ดัง, แอร์ไม่ค่อยเย็น, กระจกไฟฟ้าไม่ค่อยออโต้, เสียงดังใต้รถเวลารถวิ่งเร็ว หรือท่อน้ำทิ้งแอร์หลุดเป็นต้น แต่ส่วนหนึ่งที่พบเจอกันบ่อยๆ ก็คือปัญหาเกียร์กระตุก เวลาถอนคันเร่งซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวเพื่อหาจังหวะการขับขี่ของตนเองให้เข้ากับรถรุ่นนี้เองด้วย แม้ว่าจะมีปัญหาจุกจิกอยู่บ้าง แต่สำหรับผู้ใช้งานจริงก็ยืนยันเรื่องของระบบความปลอดภัยที่ทาง Ford Everest ใส่มาแบบจัดเต็ม ถึงแม้ว่าจะต้องแลกมาด้วยน้ำหนักตัวรถที่มาก และอาจกินน้ำมันมากกว่า รถ SUV รุ่นอื่นเล็กน้อยเท่านั้น

Ford Everest 2018 มาพร้อมกับ 4 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้น 1,299,000 - 1,799,000 บาท

Ford Everest 2018 มาพร้อมกับ 4 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้น 1,299,000 - 1,799,000 บาท

จากรายละเอียดของแต่ละรุ่นย่อยของ Ford Everest รวมไปถึงปัญหาที่พบเจอแล้วก็ต้องบอกได้เลยว่าคุ้มค่ากับราคาล้านกลางๆ แต่ในส่วนของรุ่น Top อย่าง Ford Everest 2.0 Bi-Turbo Titanium plus 4WD ที่แม้จะได้เครื่องยนต์ที่ดีกว่า และอุปกรณ์ช่วยขับขี่อัจฉริยะเพิ่มขึ้นมาแต่ก็ต้องเปรียบเทียบกับการใช้งานของแต่ละคนดู ส่วนตัวมองว่ารุ่นนี้อาจจะราคาแรงไปสักนิดเมื่อเทียบกับรุ่นย่อยอื่นๆ แต่ก็อย่างที่บอกไปค่ะเพราะรุ่นนี้ก็ได้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออีกด้วย แต่ภาพรวมของ Ford Everest ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคาอย่างมากเลยทีเดียวค่ะ บทความเรื่องรถต่อไปจะเป็นเรื่องอะไรอย่าพลาดติดตามกันที่ ตลาดรถ Chobrod.com นะคะ

ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่  
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้

แท็ก Ford Everest