Big Data คำนี้หลายคนคงจะเคยได้ยินกันมาแล้วและก็เริ่มมีบทบาทมาใช้ช่วงหลังนี้มากขึ้น มีข้อมูลเยอะๆแล้วดียังไง จะเสพข้อมูลทั้งหมดนั้นไหวหรือไม่ มีน้อยๆไม่ดีกว่าเหรอ การมี Big Data มันดีอย่างไรวันนี้เรามาลองดูกันครับ
ตั้งแต่ราวๆ200,000ปีที่แล้วที่สิ่งมีชีวิตชั้นสูงมีการวิวัฒนาการมาเรื่อยๆและเกิดเป็นมนุษย์อย่างจริงๆจังๆในที่สุด “มนุษย์” มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Homo Sapiens (โฮโมซาเปี้ยน) มาจากภาษาละตินที่แปลว่า คนฉลาด ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์แล้วถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความฉลาดมากที่สุด โดยต้นกำเนิดของมนุษย์มาจากทวีปแอฟริกาและก็ขยายถื่นฐานไปเรื่อยๆจนกระจายไปทั่วทุกทวีปทั่วโลก จนกระทั่งทุกวันนี้มีจำนวนราว 7พันล้านคนทั่วโลก บางประเทศก็มีอัตราการเกิดที่สูง บางประเทศอัตราการเกิดก็ต่ำ แต่รวมๆแล้วแต่ละปีที่ผ่านไปแนวโน้มก็จะยังเป็นไปในทางที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ว่าจะมากจะน้อย และด้วยจำนวนที่มากมายและสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกันของที่อยู่อาศัยนี้เอง ความรู้สึกนึกคิดแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันเลยสักนิด ทำให้เกิดเป็นพฤติกรรมต่างๆมากมายนับล้านล้านรูปแบบ
มนุษย์สิ่งมีชีวิตที่ได้ชื่อว่าฉลาดที่สุดและวิวัฒนาการมาจากลิง
คอมพิวเตอร์เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์เองเป็นผู้คิดค้นขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 (ค.ศ. 1940 – ค.ศ. 1945) ซึ่งในตอนแรกที่ประดิษฐ์ขึ้นนั้นขนาดของเครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องใหญ่พอๆกับห้องใหญ่ๆห้องหนึ่ง และยังต้องใช้พลังงานไฟฟ้าใส่ลงไปให้มันทำงานได้เทียบเท่ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันเป็นร้อยเครื่องรวมกัน หน้าที่หลักของคอมพิวเตอร์คือการคำนวณเรื่องที่จะต้องทำซ้ำๆหรือจัดการกับข้อมูลจำนวนมากๆเพราะมันสามารถทำได้ดีกว่ามนุษย์ หรือตีความอีกนัยหนึ่งก็คือมนุษย์ไม่สามารถคำนวณอะไรซ้ำๆยาวๆได้เหมือนที่คอมพิวเตอร์ทำ และนั่นก็คือเหตุผลที่เราสร้างมันขึ้นมา
คอมพิวเตอร์เครื่องแรกๆที่ขนาดเท่าห้องใหญ่ๆห้องหนึ่ง
ข้อมูลเป็นผลผลิตจากพฤติกรรม ความรู้สึกนึกคิด ความต้องการของมนุษย์ และตีความออกมาเป็นชุดข้อมูลที่สามารถเอาไปร่วมมือใช้กับคอมพิวเตอร์ได้ พอมันมีมากขึ้นๆและเอามารวมเข้าด้วยกันก็ทำให้เกิดความสลับซับซ้อนของข้อมูล ทำให้แม้แต่คอมพิวเตอร์เองก็เริ่มยากแก่การจัดการ ไม่ว่าจะเป็นแง่การประมวลผลหรือการจัดเก็บ แต่เมื่อมนุษย์ใช้สมองเรียนรู้ร่วมกับคอมพิวเตอร์ค้นหาความเชื่อมโยงต่างๆในทุกแง่มุม แล้วนำความเชื่อมโยงนั้นมากสร้างให้เกิดประโยชน์ ซึ่งส่วนมากก็เพื่อสร้างคุณค่าใหม่ๆให้เกิดแก่คนทั่วไปและนั่นก็นำมาซึ่งความได้เปรียบทางธุรกิจ ข้อมูลมากๆที่สร้างประโยชน์ให้กับมนุษย์ได้นี่ล่ะที่เราเรียกกันง่ายๆว่า "Big Data"
Big Data คือขุดข้อมูลที่ใหญ่มาก เชื่อมโยงกับหลายๆสิ่งและสามารถนำมาวิเคราะห์หาแนวโน้มทางธุรกิจได้
ขึ้นชื่อว่า Big Data แล้วล่ะก็จริงๆมันเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการได้แทบทุกประเภทไปจนถึงการเลือกตั้งหาเสียงของนักการเมืองเลย เพราะมันคือชุดข้อมูลของพฤติกรรมและองค์ประกอบอื่นทั้งหมดของลูกค้าที่ใช้สินค้าหรือบริการนั้นๆ เช่น สมมติห้างสรรพสินค้าหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตเก็บข้อมูลการจับจ่ายใช้สอยของคุณไว้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นซื้อสินค้าอะไร ชอบซื้อแบรนด์ไหน ซื้อวันไหน เวลาไหน ราคาเท่าไร ซื้อบ่อยแค่ไหน เวลามีโปรโมชั่นจะตัดสินใจซื้อหรือไม่ซื้ออย่างไร ฯลฯ และไม่ได้มีคุณเพียงคนเดียว แต่เป็นข้อมูลแบบนี้ของลูกค้าทุกคน ทุกวัน ทุกเวลา ที่เข้ามาใช้บริการในห้างสรรพสินค้าหรือซุปเปอร์มาร์เก็ต ข้อมูลมันจึงใหญ่มากและก็ข้อมูลเหล่านี้เองที่ห้างสรรพสินค้าหรือทางซุปเปอร์มาร์เก็ตนำเอามาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมหรือความต้องการทั้งๆที่เรารู้ตัวและไม่รู้ตัว เพื่อสร้างสินค้าหรือบริการใหม่ๆมาขายให้เราต่อไป ถ้าถามว่าเขาเอาข้อมูลแบบนี้ของเราไปได้อย่างไร ก็ในบัตรสมาชิกทั้งหลายนั่นเอง
ดูเพิ่มเติม
Honda Connect เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะใหม่
“BMW ConnectedDrive” เชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัด เพื่ออิสระในการใช้ชีวิต
บัตรสมาชิกทั้งหลายก็เป็นการเก็บข้อมูลเพื่อ Big Data อย่างหนึ่ง
ในแง่ของอุตสาหกรรมรถยนต์แล้ว สมัยก่อนมันแทบจะไม่เคยถูกนำมาใช้เลย เพราะแค่สร้างรถให้ดี ไม่พังง่าย ปลอดภัยก็เต็มกำลังของผู้ผลิตแล้ว แถมสมัยก่อนอินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ก็ยังไม่มีอีก แต่กับปัจจุบันไม่ใช่เช่นนั้น Big Data สามารถถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในอุตสาหกรรมรถยนต์ได้เช่นกัน จนมีการกล่าวกันว่าข้อมูลทั้งหลายของผู้ขับขี่ในวันนี้จะกำหนดการขับขี่ในวันข้างหน้า ก่อนจะไปถึงสิ่งที่บ่งบอกว่า Big Data ดีกับอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างไร ต้องเข้าใจก่อนว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ง่ายหากมี Connected Car หรือ Telematics เกิดขึ้นมาก่อนแล้วเพราะมันจะทำให้การเก็บข้อมูลของผู้ขับขี่ทำได้ง่ายขึ้น และด้านล่างนี้คือข้อดีของการนำ Big Data มาใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์
Connected Car เป็นหัวใจสำคัญในการเก็บข้อมูลเพื่อ Big Data
ตัวอย่างของไอเดียที่สามารถพัฒนาได้จาก Big Data กระจกข้างพังบ่อย ก็ทำให้มันเล็กลงกลายเป็นกล้องไป
เก็บข้อมูลจากรถหลายๆคันก็สามารถคำนวณหาเส้นทางรถติดและแก้ไขต่อไปในอนาคตได้
บางคนอาจจะคิดว่า ถึงแม้ไม่มี Big Data บริษัทรถยนต์ต่างๆก็อยู่ได้ ก็พัฒนารถยนต์ให้ดี ให้สวย ให้ปลอดภัย ทนทาน ก็พอแล้ว ซึ่งถ้าจะคิดว่าพอมันก็พอครับ แต่หากบริษัทคู่แข่งเอา Big Data ไปใช้ ได้ผลลัพธ์มาพัฒนาสิ่งต่างๆให้ดีขึ้นได้ บริษัทที่ไม่ใช้ก็คงเสียดายแน่ๆและอาจจะต้องยอมเสียส่วนแบ่งการตลาดไป บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผลิตรถยนต์ดีๆได้มาช้านานคงไม่ยอมแน่ๆ เพราะมีการแข่งขันกันระหว่างค่ายรถยนต์ต่างๆแบบนี้เองทำให้ Big Data ยิ่งทวีความสำคัญขึ้นไปอีก
ถ้าแบรนด์อื่นๆใช้แต่มีแบรนด์ที่ไม่ใช้ก็อาจเสียโอกาสทางธุรกิจ
เพื่อนๆชาว Chobrod คงจะพอเห็นภาพความสำคัญของ Big Data แล้วนะครับว่าสามารถสร้างประโยชน์อะไรให้แก่วงการอุตสาหกรรมรถยนต์ได้บ้าง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องมีระบบ Connected cars หรือระบบ Telematcis เข้ามาใช้ร่วมด้วยจะทำให้การเก็บข้อมูลของ Big Data ทำได้ง่ายขึ้น ผู้ผลิตจะได้นำทรัพยากรไปทุ่มให้กับส่วนที่เป็นการวิเคราะห์ผลของข้อมูลสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้เราได้ใช้ต่อไป ให้สมกับที่ว่ามนุษย์ แปลว่า “ผู้ฉลาด”
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
อ่านรีวิวรายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์ เชิญที่นี่