ยิ่งนับวัน การสอบใบขับขี่รถยนต์ ที่กรมการขนส่งทางบก ยิ่งมีความยากลำบากมากขึ้นเมื่อเทียบกับสมัยก่อนย้อนไป 5-10 ปีที่แล้ว ซึ่งทั้งนี้ เรา ซึ่งเป็นคนไทยด้วยกันย่อมจะเข้าใจหัวอกของบุคคลที่ยังขับรถไม่เป็น และต้องไปสอบใบขับขี่ เพื่อให้ได้ใบอนุญาตขับขี่รถมาใช้งาน
ทว่า จะดีกว่าไหม หากในอนาคต คุณไม่จำเป็นที่จะต้องขับรถยนต์เป็นก็ได้.. แต่ก็สามารถเป็นเจ้าของรถและสามารถนั่งรถยนต์ของคุณเดินทางไปทำงาน หรือออกคำสั่งให้รถขับขี่ไปทำธุระ ให้ขับพาไปท่องเที่ยวหรือพาขับไปช็อปปิ้งตามสถานที่ต่างๆ ฯลฯ ได้ดั่งใจที่คุณปรารถนา โดยที่มือของคุณไม่ต้องสัมผัสพวงมาลัย หรือเท้าของคุณก็ไม่ต้องเหยียบเบรกเลยสักนิด..?
เชื่อเถอะครับว่า ความคิดที่ว่า “เราไม่ต้องขับรถ แต่ให้รถขับแทนเรา แล้วพาเราไปในทุกที่ๆ เราต้องการ” มันจะไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป เพราะปัจจุบันนี้ มีเทคโนโลยียานยนต์ล้ำสมัยที่ถูกเรียกกันว่า “Connected car รถยนต์อัจฉริยะ” หรือที่หลายคนรู้จักและเรียกมันว่า “เทคโนโลยี 5G” โดย Connected car รถยนต์อัจฉริยะ เป็นนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคตซึ่งได้ถือกำเนิดและได้รับการพัฒนาขึ้นมาแล้ว ในงาน Mobile World Congress 2017 ที่บาร์เซโลนา ประเทศสเปน สร้างความฮือฮาและตื่นเต้นให้กับแวดวงนวัตกรรมยานยนต์ทั่วโลกเป็นอย่างมาก เพราะหลายคนมองว่า เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่คาดการณ์ว่า คงใช้เวลาในการคิดค้นพัฒนาอีกหลายปี แต่มันกลับกลายเป็นย่นย่อและใกล้ความจริงเข้ามาทุกขณะ
Connected car รถยนต์อัจฉริยะ
“Connected car รถยนต์อัจฉริยะ” หรือ เทคโนโลยีรถยนต์ขับเอง หรือ รถยนต์ไร้คนขับนี้ กำลังใกล้สู่ความเป็นจริงและเป็นเรื่องใกล้ตัวมนุษย์มากขึ้น เนื่องจากว่า มีค่ายรถยนต์หลายค่าย ซึ่งได้เริ่มทดสอบเป็นจริงเป็นจัง โดยที่เห็นชัดเจนเลยก็คือ หน่วยงานด้านยานยนต์ (Department of Motor Vehicles:DMV) ของ California ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ออกกฎหมายฉบับใหม่ เพื่ออนุญาตให้นำรถยนต์ไร้คนขับมาวิ่งได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และเช่นเดียวกับ กฎหมายของรัฐ Michigan เมื่อปลายปีที่แล้ว (ปี 2017)
รูปเเบบรถยนต์ไร้คนขับในอนาคต
สำหรับกระบวนการ การทดลองสมรรถภาพ “Connected car รถยนต์อัจฉริยะ" โดยบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ และบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลก นั้น ขอยกตัวอย่างที่กล่าวมา คือ DMV นั้น ได้ถูกกำหนดให้ต้องมีคนขับรถนั่งอยู่ที่เบาะหน้ารถ เพื่อควบคุมการทำงานของรถยนต์หากเกิดเหตุผิดปกติ และบริษัทผู้ผลิตจำเป็นจะต้องส่งบันทึกการเดินทางโดยละเอียดไปยังหน่วยงานยานยนต์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยโฆษกประจำ DMV กล่าวว่า
“นี่ถือเป็นการก้าวไปอีกขั้น สำหรับการทดสอบรถยนต์ไร้คนขับ และการนำรถยนต์ไร้คนขับดังกล่าวไปใช้งานสาธารณะ ทั้งนี้ผู้ผลิตจะต้องมีความพร้อมในการทดสอบรถยนต์ไร้คนขับนี้ โดยให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลอุบัติเหตุที่เกิดจากรถไร้คนขับ”
ดูเพิ่มเติม:
>> แท็กซี่ไร้คนขับ "Silent revolution on the road"
>> มาดูรถไร้คนขับของ Waymo ที่ทิ้งยักษ์ใหญ่แบบไม่เห็นฝุ่น
หากอนาคต เราสามารถ สั่งการและควบคุม ยานยนต์ผ่าน มันจะเป็นอย่างไรนะ!?
และเมื่อพูดถึงเรื่อง Connected car รถยนต์อัจฉริยะ เทคโนโลยีไร้คนขับ หรือ รถขับเองได้ นั้น ความเคลื่อนไหวสำหรับค่ายรถยักษ์ใหญ่ ก็มีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวกันอย่างคึกคักและอย่างต่อเนื่อง
ยกตัวอย่าง กระบวนการทดสอบนวัตกรรมรูปแบบรถไร้คนขับของค่าย BMW ในรถรุ่น Mini BMW ที่คาดว่า ในอนาคตอีกไม่ถึง 100 ปี ข้างหน้า ยานยนต์จะได้รับการพัฒนาไปถึงขีดสุด โดยจินตนาการว่า ยานยนต์จะมีลักษณะ ดังต่อไปนี้
ภาพสุดยอดนวัตกรรมยานยนต์ ในจินตนาการของ อีกประมาณ 100 ปีข้างหน้า
1. ประตูเลื่อนเปิด-ปิดอัตโนมัติ
ซึ่งนอกจากไม่ต้องขับรถเองให้เมื่อยแล้ว การจะขึ้นรถลงรถก็ยังเป็นเรื่องง่าย เพราะประตูเป็นแบบเลื่อนเปิด-ปิดเองอัตโนมัติ
2. รถยนต์สามารถยิง Hologram ต้อนรับได้ด้วย
โดยนอกจากรถยนต์ของเราจะควบคุมและขับเองได้แล้วยังทักทายเจ้าของรถได้อีก แถมไม่ใช่ทิศใดทิศหนึ่ง แต่มันสามารถวิ่งรอบประตูรถได้เลยทีเดียว คราวนี้เราคงมีความสุขกับการนั่งชิลๆ อยู่ในรถอย่างน่าเพลิดเพลินเป็นที่สุด
3. มีกล้องส่องทางไกลติดอยู่กึ่งกลางรถเพื่อทำหน้าที่แทนคอนโซลควบคุมรถ
ข้อนี้สำคัญเพราะเกี่ยวกับความปลอดภัยมากๆ ซึ่งรถไร้คนขับนี้จะมีกล้องส่องทางไกลที่ควบคุมโดยสมองกลเพื่อการตรวจจับการเคลื่อนไหวของคนรอบๆ รถให้ปลอดภัยที่สุด เพื่อทดแทนแผงควบคุมรถในส่วนต่างๆ เมื่อเป็นแบบนี้ก็จะทำให้เราสามารถโดยสารได้อย่างสะดวกสบายและลดความกังวลได้มากเลยทีเดียว
4. หากต้องการขับขี่เองจะมีปุ่มกดเพื่อให้รถยนต์แนะนำเส้นทาง
หากวันไหนเบื่อๆ อยากขับรถเองบ้าง เจ้ารถไร้คนขับ ก็จะมีการเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดให้ โดยคำนวณจากเวลาในการเดินทาง สุดยอดจริงๆ !!
รูปเเบบรถยนต์ไร้คนขับในอนาคต
เห็นไหมละครับ!? ว่า ต่อจากนี้ไป Connected car รถยนต์อัจฉริยะ เทคโนโลยีไร้คนขับ หรือ รถขับเองได้ นั้น จะไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน หรือมีอยู่แค่ในฉากภาพยนตร์อีกต่อไป และเราก็เชื่อแน่ๆ ว่า ในอนาคตหากรถไร้คนขับทำได้สำเร็จจะต้องเป็นที่นิยมมากเลยทีเดียว ทว่า ในโลกแห่งความเป็นจริง ณ วันนี้ เราทุกคนก็คงอาจจะต้องร้องเพลงรอไปก่อนอีกสักพักหนึ่ง แต่รอมาหลายสิบปีแล้ว ถ้านวัตกรรมดังกล่าวจะเป็นจริงขึ้นมาได้จริงๆ 100 เปอร์เซ็นต์ จะให้รออีกไม่กี่ปี ก็คงจะไม่เป็นอะไรมากหรอก.. จริงไหมครับ?