หมายถึงรถคันหน้ามีการลดความเร็วกระทันหัน หรือข้างหน้ามีอุบัติเหตุ เมื่อพบสัญญาณเช่นนี้ ควรชะลอความเร็วลง และไม่ควรแซงขึ้นไปโดยเด็ดขาด
ช่วงนี้หลายต่อหลายคนอยากจะออกเดินทางท่องเที่ยวกันบ่อย โดยเฉพาะการเดินทางท่องเที่ยวโดยรถยนต์ ขับรถไปเรื่อยๆดูวิวสองข้างทางไปเพลินๆ มันช่างมีความสุขเหลือเกิน แต่การเดินทางโดยรถยนต์นั้นมันมีอีกหลายอย่างที่ต้องศึกษา คงจะเคยสังเกตเห็นนะครับว่า รถหลายๆคันนั้น มักใช้สัญญานไฟเลี้ยวหรือกระพริบไฟสูงแบบแปลกๆ นอกเหนือไปทางการขอทาง เพราะบางครั้ง นั่นอาจหมายถึงสัญญาณเตือนต่างๆ ที่รถคันหน้าพยายามจะบอกเราว่าแซงได้ หรือไม่ได้ วันนี้ Unseencar จะพามาทำความเข้าใจกับสัญญาณต่างๆ กันครับ ว่ามีอะไรบ้าง!
1. หากรถคันหน้าเปิดไฟ ซ้ายที-ขวาทีสลับกันไป หมายถึงรถคันหน้ามีการลดความเร็วกระทันหัน หรือข้างหน้ามีอุบัติเหตุ เมื่อพบสัญญาณเช่นนี้ ควรชะลอความเร็วลง และไม่ควรแซงขึ้นไปโดยเด็ดขาด
2. หากรถคันหน้าเปิดไฟเลี้ยวซ้ายแล้วชะลอความเร็ว สัญญาณนี้หมายถึง ทางสะดวกสามารถแซงขึ้นหน้าได้ ซึ่งสัญญาณมักพบเห็นบนถนนแบบ 2 เลน สวนกัน เนื่องจากต้องใช้ความระมัดระวังในการแซง
3. หากรถที่อยู่เลนซ้ายเปิดไฟเลี้ยวขวา หมายถึงสัญญาณไฟขอทางเพื่อที่จะแซงรถคันหน้า ซึ่งท่านจะให้หรือไม่ให้ ควรดูที่ความเร็วและระยะทางความห่าง แต่หากคุณเจอรถบรรทุก 10 ล้อเปิดไฟนี้ก็ควรชะลอทันที เพราะโดยมากพี่ท่านจะพรวดออกมา แบบไม่ทันได้ตั้งตัว
4. ขับสวนกัน แล้วรถฝั่งตรงข้ามกระพริบไฟ 2 ที หรือปิด-เปิดไฟหน้า ตอนกลางคืน อันนี้ให้สันนิษฐานได้เลยว่าข้างหน้าเรามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ควรลดความเร็วจากเดิมที่ใช้อยู่ทันที ซึ่งโดยประมาณสัญญาณนี้จะถูกทำ ขึ้นในระยะไม่เกิน 500เมตร จากจุดเกิดเหตุ อย่างมากไม่เกิน 1กิโลเมตร
5.กระพริบไฟหน้าพร้อมเปิดไฟเลี้ยวทางด้านขวา สัญญาณดังกล่าว เป็นการบ่งชี้ถึงด่านตำรวจ ซึ่งหากไฟเลี้ยวถูกเปิดทางด้านขวา แสดงว่ามี ด่านตรวจอยู่ทางด้านเรา ก็เตรียมตัวเตรียมใจคุยกับพี่ตำรวจ เตรียมโดนค่าปรับได้เลยถ้าขับมาเร็ว
6. ในยามกลับรถ รถที่ขับมาในทางกะพริบให้เรา 1 ที พร้อมกับชะลอความเร็วลง หมายความว่าทางสะดวกกลับรถได้เลย ถ้าเขากะพริบ 2 ทีหรือมากกว่า หรืออาจบีบแตรร่วมด้วยแสดงว่า ไม่อนุญาตให้กลับ เพราะอาจมาด้วยความเร็วสูง
อ่านข่าวสารยานยนต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่!