ไฟ Daytime Running Lights คืออะไร ทำไมต้องมี ?

ประสบการณ์ใช้รถ | 5 ก.ย 2560
แชร์ 13

เทคโนโลยีที่เริ่มเข้ามาอยู่บนรถรุ่นใหม่ๆ หลายๆ รุ่นของเมืองไทยแล้วคือ ไฟหน้าแบบไฟ Daytime Running Lights แต่รู้ไหมว่าสิ่งนี้มีไว้ทำไม ไฟหน้าเฉยๆ เดิมๆ ก็สว่างอยู่แล้วจะมีทำไมให้เปลืองไฟอีก วันนี้เราจะพาไปดูประโยชน์และการทำงานของไฟ Daytime Running Lights กัน

ก่อนอื่นต้องบอกที่มาที่ไปของไฟประเภทนี้ ที่เริ่มต้นมาจากฝั่งประเทศแถวยุโรป แถบสแกนดิเนเวียที่ตอนกลางวัน สภาพอากาศแทบจะไม่ต่างกับพลบค่ำบ้านเรา อีกทั้งยังมีหมอกปกคลุกหนา จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีไฟ Daytime Running Lights เพื่อทำให้สามารถเห็นรถคันอื่นๆ ที่ขับสวนมาในระยะไกลได้ง่ายขึ้น เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการนำเทคโนโลยีแบบนี้ไปใช้กับรถทั่วโลก

ไฟ Daytime Running Lights
ไฟ Daytime Running Lights แทบจะมาเป็นอุปกรณ์พื้นฐานบนรถรุ่นใหม่ๆ

Daytime Running Lights นั้นช่วยให้ผู้ขับขี่คนอื่นสามารถเห็นรถของคุณได้ง่ายขึ้น ดูสว่างขึ้น ภายใต้การทำงานที่เชื่อมโยงกับระบบไฟหน้า ไฟหรี่และไฟเลี้ยว ซึ่งไฟ Daytime Running Lights นี้จะติดทันทีเมื่อรถของคุณถูกสตาร์ท

โดยเงื่อนไขการทำงานของไฟ Daytime Running Lights ( DRLs )จะมีดังนี้

 - จะต้องสว่างมากพอที่จะทำให้ตัวรถมองเห็นได้ชัดเจนในเวลากลางวัน และต้องลดระดับความสว่างลงในเวลาคืน

 - ไฟ DRLs จะดับลงอัตโนมัติในเวลาที่ผู้ขับขี่เปิดไฟหน้า หรืออาจเพียงลดระดับความว่างลงเท่านั้น

 - ในกรณีที่ไฟ DRLs อยู่ใกล้กับไฟเลี้ยว เมื่อคุณเปิดไฟเลี้ยวไฟ DRLs ต้องลงความสว่างลง เพื่อให้เห็นไฟเลี้ยวได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

 - ไฟ DRLs ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ภายใต้โคมเดียวกันกับไฟหน้าเสมอไป อาจจะเคยเห็นกันบ้างที่เทคโนโลยีนี้เริ่มมีในรถยุโรป และมีเจ้าของรถบางคนที่อยากให้รถมีไฟ DRLs ก็หาไฟ LED มาติดแยกเอง แต่ระบบการทำงานก็ไม่สามารถเทียบเท่าเหมือนที่ติดมากับรถจากโรงงานตั้งแต่แรก

ไฟ Daytime ใน Nissan Sylphy
ไฟ Daytime ใน Nissan Sylphy

เมื่อรู้การทำงานคร่าวๆ ของ ไฟ DRLs ซึ่งในปี 2006 European Commission ได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยเกี่ยวกับประโยชน์ของไฟ Daytime Running Lights อ้างว่าไฟนี้ช่วยลดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุของรถยนต์ แต่ก็มีผู้คัดค้านในไฟประเภทนี้เช่นกัน โดยกล่าวหาว่า ตัวไฟนี้ถ้ายิ่งทำงานร่วมกับไฟหน้า จะยิ่งทำให้ไฟสว่างจ้าเกินไป รบกวนการขับขี่ของผู้อื่น

อีกทั้งยังทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากกว่าโดยใช้เหตุ เพราะไฟหน้าติดอยู่ตลอดเวลาซึ่งที่จริงแล้ว ก็ไม่น่าจะเปลืองมากเท่าไรเพราะใช้ไฟแบบ LED ซึ่งก็ไม่ได้กินไฟอะไรมากมายนัก แต่สิ่งที่ได้มาคือช่วยลดอุบัติเหตุไปได้มาก มันก็คุ้มกับน้ำมันที่เสียเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย

ต่อมาข้อคัดค้านในเรื่องแสงจ้าเกินไปก็ถูกปรับปรุงแก้ไขพัฒนา จนมาอยู่ในระดับที่ไม่ไปรบกวนทัศนวิสัยการขับขี่ของผู้อื่น แต่ยังคงรักษาระดับไฟให้มองเห็นตัวรถได้ง่ายอยู่

ไฟ Daytime Running Lights ( DRLs ) ทำให้เปลืองนำ้มันมากขึ้น จริงหรือ?

จริงๆ แล้วไฟ DRLs ก็ไม่ได้ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันอะไรมากขึ้นสักเท่าไร แต่เมื่อมีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ ที่ต้องใช้ไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้ขับขี่ก็มักจะกังวลว่าไดชาร์ท ระบบไฟจะทำงานนักกว่าเดิม ใช้น้ำมันมากกว่าเดิม เพื่อปั่นไฟมาหล่อเลี้ยงเจ้าไฟ DRLs นี้แต่ที่จริงแล้ว ไฟนี้เป็นหลอดไฟประเภท LED ซึ่งใช้พลังงานเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้นที่มาจากไฟหน้าปกติ ดังนั้นรถของคุณจึงแทบไม่เห็นความแตกต่างของเชื้อเพลิงที่มากขึ้นเลยด้วยซ้ำเมื่อไฟ DRLs ทำงาน

ไฟ Daytime ไม่ได้ทำให้รถกินน้ำมันมากอย่างที่ใครๆ คิด
ไฟ Daytime ไม่ได้ทำให้รถกินน้ำมันมากอย่างที่ใครๆ คิด

เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยนี้แม้จะมาจากฝั่งยุโรป แม้จะดูเหมือนว่าไม่จำเป็นสำหรับบ้านเมืองเรา แต่ที่จริงแล้ว ไฟ Daytime Running Lights ก็มีประโยชน์สำหรับท้องถนนบ้านเราเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่นเมื่อตอนที่ขับรถลงอุโมงมืดๆ แสงจากไฟช่วยทำให้คนอื่นเห็นตัวรถได้ง่ายขึ้น แม้ไม่เปิดไฟหน้าช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้

Daytime Running Lights นอกจะมีประโยชน์ในการขับขี่ ยังช่วยให้รถดูสวยงามขึ้นกว่าเดิม ดูแพง!! มากยิ่งขึ้นไม่น้อยหน้ารถหรู ราคาแพง ขับเทียบจอดข้างๆ ไม่มีเขิล เมื่อรู้การทำงาน และประโยชน์ของไฟตัวนี้แล้ว ถ้าเลือกซื้อรถมือสองก็อย่าลืมเลือกคันที่มีไฟ Daytime Running Lights ด้วยก็มีประโยชน์ไม่น้อย

ข้อมูลจาก ::  www.theaa.com

ดูเพิ่มเติม: