เทคโนโลยีที่เริ่มเข้ามาอยู่บนรถรุ่นใหม่ๆ หลายๆ รุ่นของเมืองไทยแล้วคือ ไฟหน้าแบบไฟ Daytime Running Lights แต่รู้ไหมว่าสิ่งนี้มีไว้ทำไม ไฟหน้าเฉยๆ เดิมๆ ก็สว่างอยู่แล้วจะมีทำไมให้เปลืองไฟอีก วันนี้เราจะพาไปดูประโยชน์และการทำงานของไฟ Daytime Running Lights กัน
ก่อนอื่นต้องบอกที่มาที่ไปของไฟประเภทนี้ ที่เริ่มต้นมาจากฝั่งประเทศแถวยุโรป แถบสแกนดิเนเวียที่ตอนกลางวัน สภาพอากาศแทบจะไม่ต่างกับพลบค่ำบ้านเรา อีกทั้งยังมีหมอกปกคลุกหนา จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีไฟ Daytime Running Lights เพื่อทำให้สามารถเห็นรถคันอื่นๆ ที่ขับสวนมาในระยะไกลได้ง่ายขึ้น เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการนำเทคโนโลยีแบบนี้ไปใช้กับรถทั่วโลก
ไฟ Daytime Running Lights แทบจะมาเป็นอุปกรณ์พื้นฐานบนรถรุ่นใหม่ๆ
Daytime Running Lights นั้นช่วยให้ผู้ขับขี่คนอื่นสามารถเห็นรถของคุณได้ง่ายขึ้น ดูสว่างขึ้น ภายใต้การทำงานที่เชื่อมโยงกับระบบไฟหน้า ไฟหรี่และไฟเลี้ยว ซึ่งไฟ Daytime Running Lights นี้จะติดทันทีเมื่อรถของคุณถูกสตาร์ท
โดยเงื่อนไขการทำงานของไฟ Daytime Running Lights ( DRLs )จะมีดังนี้
- จะต้องสว่างมากพอที่จะทำให้ตัวรถมองเห็นได้ชัดเจนในเวลากลางวัน และต้องลดระดับความสว่างลงในเวลาคืน
- ไฟ DRLs จะดับลงอัตโนมัติในเวลาที่ผู้ขับขี่เปิดไฟหน้า หรืออาจเพียงลดระดับความว่างลงเท่านั้น
- ในกรณีที่ไฟ DRLs อยู่ใกล้กับไฟเลี้ยว เมื่อคุณเปิดไฟเลี้ยวไฟ DRLs ต้องลงความสว่างลง เพื่อให้เห็นไฟเลี้ยวได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
- ไฟ DRLs ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ภายใต้โคมเดียวกันกับไฟหน้าเสมอไป อาจจะเคยเห็นกันบ้างที่เทคโนโลยีนี้เริ่มมีในรถยุโรป และมีเจ้าของรถบางคนที่อยากให้รถมีไฟ DRLs ก็หาไฟ LED มาติดแยกเอง แต่ระบบการทำงานก็ไม่สามารถเทียบเท่าเหมือนที่ติดมากับรถจากโรงงานตั้งแต่แรก
ไฟ Daytime ใน Nissan Sylphy
เมื่อรู้การทำงานคร่าวๆ ของ ไฟ DRLs ซึ่งในปี 2006 European Commission ได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยเกี่ยวกับประโยชน์ของไฟ Daytime Running Lights อ้างว่าไฟนี้ช่วยลดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุของรถยนต์ แต่ก็มีผู้คัดค้านในไฟประเภทนี้เช่นกัน โดยกล่าวหาว่า ตัวไฟนี้ถ้ายิ่งทำงานร่วมกับไฟหน้า จะยิ่งทำให้ไฟสว่างจ้าเกินไป รบกวนการขับขี่ของผู้อื่น
อีกทั้งยังทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากกว่าโดยใช้เหตุ เพราะไฟหน้าติดอยู่ตลอดเวลาซึ่งที่จริงแล้ว ก็ไม่น่าจะเปลืองมากเท่าไรเพราะใช้ไฟแบบ LED ซึ่งก็ไม่ได้กินไฟอะไรมากมายนัก แต่สิ่งที่ได้มาคือช่วยลดอุบัติเหตุไปได้มาก มันก็คุ้มกับน้ำมันที่เสียเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย
ต่อมาข้อคัดค้านในเรื่องแสงจ้าเกินไปก็ถูกปรับปรุงแก้ไขพัฒนา จนมาอยู่ในระดับที่ไม่ไปรบกวนทัศนวิสัยการขับขี่ของผู้อื่น แต่ยังคงรักษาระดับไฟให้มองเห็นตัวรถได้ง่ายอยู่
ไฟ Daytime Running Lights ( DRLs ) ทำให้เปลืองนำ้มันมากขึ้น จริงหรือ?
จริงๆ แล้วไฟ DRLs ก็ไม่ได้ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันอะไรมากขึ้นสักเท่าไร แต่เมื่อมีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ ที่ต้องใช้ไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้ขับขี่ก็มักจะกังวลว่าไดชาร์ท ระบบไฟจะทำงานนักกว่าเดิม ใช้น้ำมันมากกว่าเดิม เพื่อปั่นไฟมาหล่อเลี้ยงเจ้าไฟ DRLs นี้แต่ที่จริงแล้ว ไฟนี้เป็นหลอดไฟประเภท LED ซึ่งใช้พลังงานเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้นที่มาจากไฟหน้าปกติ ดังนั้นรถของคุณจึงแทบไม่เห็นความแตกต่างของเชื้อเพลิงที่มากขึ้นเลยด้วยซ้ำเมื่อไฟ DRLs ทำงาน
ไฟ Daytime ไม่ได้ทำให้รถกินน้ำมันมากอย่างที่ใครๆ คิด
เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยนี้แม้จะมาจากฝั่งยุโรป แม้จะดูเหมือนว่าไม่จำเป็นสำหรับบ้านเมืองเรา แต่ที่จริงแล้ว ไฟ Daytime Running Lights ก็มีประโยชน์สำหรับท้องถนนบ้านเราเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่นเมื่อตอนที่ขับรถลงอุโมงมืดๆ แสงจากไฟช่วยทำให้คนอื่นเห็นตัวรถได้ง่ายขึ้น แม้ไม่เปิดไฟหน้าช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้
Daytime Running Lights นอกจะมีประโยชน์ในการขับขี่ ยังช่วยให้รถดูสวยงามขึ้นกว่าเดิม ดูแพง!! มากยิ่งขึ้นไม่น้อยหน้ารถหรู ราคาแพง ขับเทียบจอดข้างๆ ไม่มีเขิล เมื่อรู้การทำงาน และประโยชน์ของไฟตัวนี้แล้ว ถ้าเลือกซื้อรถมือสองก็อย่าลืมเลือกคันที่มีไฟ Daytime Running Lights ด้วยก็มีประโยชน์ไม่น้อย
ข้อมูลจาก :: www.theaa.com
ดูเพิ่มเติม: