ใช้รถยังไงไม่ให้เกียร์พัง!! กับ 6 วิธีการขับและบำรุงรักษาเกียร์ออโต้

ประสบการณ์ใช้รถ | 7 ส.ค 2560
แชร์ 6

การจราจรที่แสนสาหัสติดขัดทุกช่วงเวลา ของถนนเมืองไทยทำให้รถในเมืองไทยส่วนใหญ่เรียกใช้บริการ “เกียร์ออโต้” ที่แทบจะมีอยู่ในทุกรุ่นี่จำหน่าย เพราะความสะดวกสบายที่จะช่วยเบาภาระจากการเหนื่อยล้าในการขับรถได้เป็นอย่างดี แต่เมื่อขับรถได้ง่ายขึ้น สะดวกสบายขึ้นแล้วก็ควรจะรู้วิธีการขับขี่และการบำรุงรักษาที่ถูกต้องเพื่อจะช่วยให้เกียร์ออโต้อยู่กับรถคุณไปนานๆ ไปล้มหายตายจากพังพินาศไปก่อนตัวเครื่อง

รู้หรือไม่ว่าค่าซ่อมเกียร์ ถ้าเกิดตัวเกียร์ออโต้ของรถคุณเสียหายมีปัญหาหนักๆ ขึ้นมา ราคาค่าซ่อมก็รุนแรง สะทกสะท้านกระเป๋าตังค์ของคุณไม่น้อยกว่าค่าซ่อมตัวเครื่อง ดีไม่ดีถ้าตัวเกียร์เสียหายเกินกว่าจะซ่อมก็ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งลูก ราคาเกียร์ของรถรุ่นใหม่ๆ ไม่แพงเท่าไร แค่แตะหลักแสน!! เท่านั้นครับ

เกียร์
เกียร์ทั้งลูกราคาไม่ใช่ถูกๆ นะครับ
 
เมื่อรู้ถึงภัยคุมคามที่อาจจะมาหาคุณได้ถ้าเกียร์เกียร์ของรถคุณมีปัญหาขึ้นมา ก็ควรที่จะให้ความสำคัญกับกาลักษณะการขับและการดูแลเกียร์ของรถคุณมากขึ้นสักหน่อยเพื่อเป็นการถนุถนอมให้เกียร์ติดรถของคุณอยู่กันไปยาวๆ เราไปดูกันดีกว่าว่ามีวิธีการขับรถและการดูแลรักษาแบบไหนบ้าง ที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานเกียร์ออโต้ของรถคุณให้อยู่คู่กับรถไปนานๆ


ระหว่างรถยนต์เกียร์ออโต้ AT และ เกียร์ธรรมดา MT อันไหนดี
คาดว่า รถยนต์ “เกียร์ธรรมดา” อาจสูญพันธุ์ภายใน 10 ปี


1. ถอยหลังอย่าเดินหน้า เดินหน้าอย่าถอยหลัง (ทันที)

มีหลายคุณที่ยังติดนิสัยการขับที่รุนแรง พอถอยรถมาแล้ว รถยังไม่ทันจอดนิ่งสนิท ก็รีบใส่เกียร์ D เดินหน้าทันที รู้ไหมว่าลักษณะการขับแบบนี้จะยิ่งทำให้เกียร์ทำงานหนัก การสวนทางของเฟืองเกียร์และแรงเฉื่อยจะยิ่งทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ ภายในมีอายุการใช้งานที่น้อยลง ส่งผลให้เกียร์อาจลาจากคุณไปก่อนเวลาอันควร

เปลี่ยนเกียร์
ไม่ต้องรีบเปลี่ยนเกียร์ถ้ารถยังไม่หยุดนิ่ง
 
2. จอดนิ่งนานๆ ใส่เกียร์ N เถอะ

อย่าติดนิสัยที่ไม่ชอบเปลี่ยนเกียร์ เพราะใช้เกียร์โต้มานานจนลืมไปแล้วว่าเข้าเกียร์ยังไง เมื่อเจอรถติดนานๆ ก็เปลี่ยนเกียร์ใส่เกียร์ N ดีกว่า เพราะเมื่อคุณใส่เกียร์ D ไว้นานๆ โดยที่รถไม่ได้วิ่งออกไป แรงจากเครื่องยนต์ก็จะส่งมายังเฟืองเกียร์อยู่เพื่อให้รถเตรียมพร้อมขับเคลื่อนรถไปข้างหน้า ยิ่งใส่เกียร์ D เหยียบเบรคไว้นานเท่าไร เฟืองเกียร์ก็จะยิ่งรับภาระนานขึ้นเท่านั้น และจะเรื่องความร้อนจากน้ำมันเกียร์ที่ยิ่งสูงขึ้นเมื่อเหยียบเบรครอรถวิ่งออกไป สิ่งที่ควรทำคือเมื่อรถจอดติดอยู่บนถนนนานๆ ก็ควรใส่เกียร์ N ได้แล้วอย่าแช่เกียร์ D และเหยียบเบรคไว้นานๆ นอกจากจะทำให้เกียร์พังไวขึ้นยังเปลืองน้ำมันมากกว่าใส่เกียร์ N เมื่อจอดติดอีกด้วย
 
3. ขับนิ่มๆ ตอนออกตัวอย่าเท้าหนัก

ผู้ใช้รถประเภทรอไฟเขียวแล้วเหยียบคันเร่งสุดเหยียด เร็วๆ ให้รถพุ่งออกไปอย่ากับเป็นนักแข่งทางเรียบ รู้ไหมว่ามันไม่ได้ดีต่อเกียร์และเครื่องยนต์ของรถคุณสักเท่าไร ลองนึกภาพตามเวลาคุณกระชากอะไรแรงๆ นั่นแหละเกียร์ของคุณก็จะรับภาระหนักแบบนั้น แตกต่างกับการค่อยๆ เหยียบคันเร่งออกตัวให้รอบเครื่องค่อยๆ ทำงานสัมพันธ์กับอัตราทดของเกียร์ไปจะช่วยให้เกียร์ไม่ต้องรับภาระหนักจากแรงบิดของเครื่องยนต์
 
ขับรถอย่างนุ่มนวล
ขับรถอย่างนุ่มนวลช่วยยืดอายุเกียร์รถคุณได้
 
4. รอบเครื่องให้สัมพันธ์กับเกียร์

เกียร์เดินหน้าในตำแหน่งอื่นๆ เป็นเกียร์สำหรับใช้ในรอบเครื่องต่ำ เผื่อผู้ใช้รถจะต้องมีจังหวะเร่งแซงหรือขับขึ้นเขาลงเนิน เกียร์เหล่านี้จะช่วยให้การใช้ขับขี่ง่ายขึ้น แต่ถ้าใช้ผิดวิธี นำเกียร์ต่ำไปคลิกดาวน์ช่วยเบรคแบบนี้ก็มีแต่จะยิ่งทำให้เกียร์จะเสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งน้ำมันเกียร์ก็อาจเสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่าที่ควรจะเป็นอีกด้วย ใช้เกียร์ให้เหมาะสมกับรอบเครื่องและจังหวะการใช้รถจะช่วยรักษาอายุของเกียร์ให้นานยิ่งขึ้น

เกียร์กับรอบเครื่องควรสัมพันธ์กัน
เกียร์กับรอบเครื่องควรสัมพันธ์กัน เกียร์จะได้ไม่รับภาระหนัก
 
5. เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามเวลา (ที่เหมาะแก่รถคุณ)

ที่บอกว่าเหมาะแก่รถของคุณ เพราะรถทุกคันมีลักษณะการใช้ที่แตกต่างกันคันหนึ่งนานๆ ขับที อีกคันต้องออกไปผจญกับรถติดๆ เหยียบเบรค เหยียบคันเร่งบ่อยๆ ทุกวันดังนั้นอย่าเชื่อแต่สมุดคู่มือของรถคุณอย่างเดียว ดูลักษณะการใช้งานรถของคุณเป็นหลัก ทั่วไปจะเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 20,000-30,000 กิโลเมตรแต่ว่าถ้ารถคันไหนที่ใช้งานหนักเป็นประจำทุกวัน แค่หมื่นโลก็ควรเปลี่ยนได้แล้ว ส่วนถ้ากรณีของรถที่ไม่ค่อยได้ใช้ ปีหนึ่งเปลี่ยนสักทีก็เหมาะสมเพราะแม้รถจะไม่ค่อยได้ใช้แต่อย่าลืมว่าสภาพของน้ำมันเกียร์ก็มีอายุการใช้งาน ผ่านไป 1 ปีน้ำมันเกียร์ก็คงไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานแล้วว่าไหม

การใช้รถ
สังเกตลักษณะการใช้รถของคุณจะเจอเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์
 
6. สังเกตรอยคราบน้ำมัน ตรงที่จอดรถ

ข้อนี้ไม่ได้เป็นแค่เรื่องเกียร์แต่จะช่วยเรื่องเครื่องยนต์ของรถคุณอีกด้วย ถ้าเกิดมีการรั่วของน้ำมันเกียร์ ภายในเกียร์อุปกรณ์ไม่มีน้ำมันมาช่วยหล่อลื่น สาเหตุอาจจะมาจากซีลรอยต่อระหว่างเครื่องกับเกียร์เรื่มเสื่อมสภาพ ก็จะต้องรีบทำการแก้ไขเปลี่ยนอะไหล่ชิ้นนั้นๆ ยิ่งถ้าฝืนขับใช้งานต่อไปอาจะทำให้เกียร์พังได้ง่ายๆ หมั่นสังเกตตรวจระดับปริมาณน้ำมันเกียร์ให้อยู่ในเกณฑ์มาตฐานเพียงพอต่อการนำไปใช้ในชิ้นส่วนต่างๆ ภายใน

คราบเกาะตัว
บางที่น้ำมันเกียร์ไม่รั่วหยดลงมาแตจะค่อยๆ ซึมจนค้างเป็นคราบเกาะตัวดังภาพ
 
รู้ไว้ใช่ว่ากับการดูแลและการขับขี่ที่เป็นมิตรกับเกียร์ของรถคุณ ถ้าใครยังมีพฤติกรรมเหล่านี้อยู่ควรรีบปรับใหม่ ถ้าไม่อยากให้เกียร์ “ไปไว” ก่อนเครื่องยนต์ รถไม่มีใช้แถมต้องเสียค่าซ่อมแพงๆ มันจะไม่คุ้มเอานะ


เกียร์ออโต้ แบบเลื่อนตรง กับ ขั้นบันได ต่างกันอย่างไร ?