Chobrod พาไปส่องความเป็นมาของ Nissan Skyline Gt-r ต้นตำหรับความแรงของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น ที่ยืนสู้บนถนน 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงกับค่ายถรถยนต์จากยุโรปหรืออเมริกาได้อย่างสบายๆ แต่ละช่วงปีของการพัฒนารถยนต์รหัสนี้ของ Nissan ถือว่ามีทั้งความชื่นมื่น และความเศร้าตรมทีเดียว
ตรงเส้นขอบฟ้านั่น คุณมองเห็นอะไร? หลายคนอาจจะมีคำตอบในใจ แต่สำหรับคอรถยนต์แล้ว Chobrod เชื่อว่า หากเอ่ยถึงคำว่า "เส้นขอบฟ้า" สิ่งที่วิ่งเข้ามาในความคิด คงหนีไม่พ้นกับ "ก็อดซิลล่า" จากดินแดนปลาดิบ สัตว์ร้ายที่แปะยี่ห้อว่า Nissan Skyline GT-R ขุมกำลังความแรง ดิบ ภายใต้รูปลักษณ์รถยนต์ซูเปอร์คาร์ ที่ครองใจใครต่อหลายคน
ชื่อเสียงของ GT-R ถือกำเนิดขึ้นมาครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1969 ภายใต้รหัส C10 แต่เป็นรุ่นที่พัฒนาเป็นรถที่พร้อมลงสนามแข่ง ทุกรุ่นของ GT-R จะเป็นรูปทรงสปอร์ต 2 ประตู เครื่องยนต์วางหน้า ขับเคลื่อนด้วยล้อหลังอันเป็นเอกลักษณ์ ใครที่ขับ ย่อมหมายถึงว่าคุณกำลังควบคุมเครื่องจักรพลังงานสูงไปบนเส้นทาง ตำนานความเร็วที่แตะระดับ 300 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้สบายๆ มันทำให้ Nissan Skyline GT-R ต่อกรกับยักษ์ใหญ่ซูเปอร์คาร์สัญชาติยุโรป และอเมริกาได้อย่างไม่น้อยหน้าใคร
เปิดตำรับความแรง Nissan Skyline GT-R
Chobrod ขอพาไปเปิดตำนาน "ก็อดซิลล่า" คันนี้กันหน่อย ว่ามันมีต้นทางมาอย่างไร และอยู่ยงคงกระพันเป็นที่หมายปองของคนยุคนี้ได้อย่างไม่เคอะเขิน
Nissan Skyline GT-R ถูกเปิดโฉมครั้งแรกบนโลกใบนี้เมื่อปี 1969 กับชื่อว่า Nissan Skyline 2000 GT-R C10 กับเครื่องยนต์หกสูบ 1998 CC. แรงม้าที่ 160 ตัว ความเร็วทะยานจากจุดหยุดนิ่งถึง 100 กม./ชม.ในเวลา 8.2 วินาที ครานั้น Nissan ผลิตขึ้นมาเพื่อให้มันเป็นตัวแรงของค่ายในสนามแข่งรถ ทั้งในแบบทางเรียบ และทางแรลลี่ ความแรงของ Nissan Skyline 2000 GT-R C10 ในยุคนั้นการันตีได้จาก 50 ถ้วยรางวัลที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพความแรง เมื่อแปลมาสู่ท้องถนน วัยรุ่นแดนปลาดิบต่างถูกอกถูกใจกันอย่างมาก และพากันครอบครองจนนำไปสู่การแข่งขันกันบนท้องถนน และก่อกำเนิดที่มาของคำว่า Midnight Racing ที่เป็นศูนย์รวมความบ้าระห่ำความเร็วบนท้องถนนญี่ปุ่นจวบจนทุกวันนี้
โฉมหน้าของ Nissan Skyline 2000 GT-R C10 ตัวแรกที่อวดสายตาชาวโลก
Nissan Skyline 2000 Gt-r 1973 คล้อยหลังจากรุ่นเดิมไปได้แค่ 4 ปี Nissan เขย่าวงการรถยนต์อีกครั้งด้วยการปล่อยตัว Nissan Skyline 2000 GT-R 1973 เครื่องยนต์บล็อกเดิม แต่เพิ่มงคาร์บูเรเตอร์สามตัวเข้ามาเติมความแรง และปรับรูปโฉมให้สปอร์ตมากยิ่งขึ้นชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ คอรถยนต์จะเรียกขานเจ้ารุ่นนี้ว่า Gt-r ไฟโดนัด คือสัญลักษณ์ไฟท้ายดวงกลมโต และเป็นต้นแบบมาจนถึงรุ่นปัจจุบันด้วย แต่แล้วเจ้า Nissan Skyline 2000 Gt-r 1973 ไม่อาจยืนระยะในตลาดรถยนต์ขณะนั้นได้เพราะปัญหาน้ำมันตลาดโลกที่สูงทะลุเพดาน แต่นั่นก็ทำให้เห็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดสำหรับ Nissan GT-R
*** ดูรถ Nissan GT-R มือสอง รุ่นอื่นๆ
ลุคความสปอร์ตเริ่มมาเด่นชัดขึ้นกับเจนนี้ Nissan Skyline 2000 GT-R 1973
Nissan Skyline 2000 Gt 1977 อีกเจนเนอเรชั่นของ Nissan ที่คลอดออกมาสู่สายตาชาวโลก และมันทำให้ Nissan Skyline 2000 Gt 1977 ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า "ไม่หล่อ" แม้จะมีการเพิ่มเติมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบมาใส่ไว้ในเครื่องยนต์ แต่นักเลงรถสปอร์ตมองว่ามันไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพความแรงดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนเลย เพราะมันรีดแรงม้าออกมาได้แค่เพียง 130 ตัวเท่านั้น และแม้ว่าจะติดตั้งเทอร์โบเข้ามาก็ไม่ได้ช่วยให้มัน "แรง" ขึ้น อีกทั้งการแบกน้ำหนักกว่า 1 ตัน ก็ส่งผลให้เกิดความอืดอาด และทำให้เกิดความผิดหวังอย่างมากต่อสาวก Nissan GT-R ในห้วงเวลานั้นทันที
ดูเพิ่มเติม
>> ว่าด้วยเรื่องของ NISSAN GT-R50 กับ Italdesign รูปสวยแต่ราคาแสนโหด
>> NISSAN GT-R ในเวอร์ชั่นมือสองยังมีคนสนใจอยู่ไหม?
Nissan Skyline 2000 GT 1977 ถูกวิจารณ์ว่า "ไม่หล่อ"
Nissan ใช้เวลาเลียแผลใจจากรุ่นก่อนนานถึง 6 ปี แต่ความพยายามไม่เคยทำให้สิ่งใดต้องหยุดยั่ง การเปิดตัว Nissan Skyline Rs Turbo 1983 หรือรหัสที่คุ้นกันดีว่า "R31” จึงถือกำเนิดขึ้น ก็อดซิลล่าเจนนี้ถูกปรับปรุงระบบเทอร์โบให้ทรงพลังมากยิ่งขึ้น และเครื่องยนต์ที่พลิกมาใช้ระบบสี่สูบ อัดความแน่นที่ 1,990 cc.ซึ่งทีมวิศวกรของ Nissan รีดแรงม้าให้กับ R31 ได้สูงถึง 202 ตัว ความแรงของ Nissan Skyline Rs Turbo 1983 ยังเขย่าไปไกลถึงเยอรมัน เพราะยุคนั้น Porsch ถือเป็นเต้ยแห่งวงการความแรง และ Nissan Skyline Rs Turbo 1983 ทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม.ได้แค่ระยะเวลา 7.5 วินาที ซึ่งถือว่าเร็วมากในยุคนั้น และมันก็เรียกแรงศรัทธากลับคืนมาสู่ค่ายได้ทันที
Nissan Skyline Rs Turbo R31 เรียกแรงศรัทธากลับคืนมา
Nissan Skyline GT-R 1989 (R 32) พ้นไปจาก R31 ตัวใหม่ภายใต้ชื่อ R32 ก็อุบัติขึ้น รหัสรุ่นนี้ของตระกูล Gt-r ถูกแต่งเติมด้วยระบบ “ขับเคลื่อนสี่ล้อ” พร้อมกับพัฒนาระบบเทอรโบขึ้นมาจากของเก่าในชื่อรหัส RB 26 Dett ที่เพิ่มความแรงยิ่งขึ้น โดย R32 ถูกยกเครื่องยนต์ระบบสี่สูบเรียงออกไป และเพิ่มความจุด้วยเครื่องยนต์แถวเรียงหกสูบ 2568 cc.ทวินเทอร์โบอีกด้วย ซึ่งมันเป็นระบบที่สร้างชื่ออย่างมากให้ Gt-r ของนิสสัน โดยเทอร์โบตัวแรกจะทำงานในรอบเครื่องยนต์ต่ำ และตัวที่สองจะเริ่มทำงานในรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น เพื่อเพิ่มอัตราเร่งคามแรงอย่างเต็มเหนี่ยว และแรงม้าจากโรงงานก็ไม่ทำให้สาวกต้องผิดหวังหรือไปเติมความแรงเข้าไปอีก เพราะ R32 ถูกรีดแรงม้าได้มากถึง 280 ตัว สูงที่สุดชนเพดานกฎหมายของญี่ปุ่นไปเลย และความแรงก็ขยับเหลือแค่ 4.7 วินาทีเท่านั้น จากอัตราการเร่ง 0-100 กม./ชม.
โฉมหน้า Nissan Skyline GT-R 1989 (R 32) ตัวแรงของนิสสันที่มาด้วยระบบ V6 ครั้งแรก
ในที่สุด Nissan GT-R ก็มาถึงฝั่งฝันและถูกจัดอยู่ในทำเนียบ "300 กม./ชม.” จนได้ กับรุ่น Nissan Skyline Gt-r 1995 (R33) ก็อดซิลล่าตัวนี้ รีดแรงม้าได้มากถึง 400 ตัว และความเร็วของมันก็สามารถทะยานได้ถึง 300 กม./ชม. รุ่นนี้ถือเป็นที่ถูกอกถูกใจสาวกอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ชอบเล่นประเภทควอเตอร์ไมล์
แตะ 300 กม./ชม.ได้เป็นครั้งแรกของค่าย กับ Nissan Skyline Gt-r 1995 (R33)
มาถึงเจนยุคมิลเลเนียม กับ Nissan Skyline GT-R 1999 (R34) ที่คอรถซิ่งยกให้เป็นรถ “คลาสสิคตลอดกาล” ด้วยรูปทรงที่พลิกโฉมอีกครั้ง แต่มันสวยจนคงไว้ซึ่งความอมตะ แม้จะเป็นเครื่องยนต์แบบเดิมที่พัฒนาขึ้นเล็กน้อย กับแถวเรียงหกสูบขนาด 2568 cc.ทวินเทอร์โบ 330แรงม้า แต่ไฮไลท์ของรหัส R34 ตัวนี้คือเป็นครั้งแรกที่ติดตั้งระบบเทคโนโลยีเข้ามาในรถ จอแสดงผลแบบ Lcdที่สามารถแสดงข้อมูลของเครื่องยนต์และตัวรถในขณะขับใช้งานได้ถึง 7 แบบ ความแข็งแรงของตัวถังและโครงรถถูกผสมผสานระหว่างคาร์บอนไฟเบอร์ กับอลูมิเนียมเกรดดีรวมถึงเหล็กกล้า ลดน้ำหนักลงไปอีกด้วยฝากระโปรงหน้าจากอลูมิเนียม ถือเป็นรถที่คอ Gt-r ในยุคนั้นยกว่าถูกพัฒนาด้วยระบบเทคโนโลยีสูงมาก
Nissan Skyline GT-R 1999 (R34) ถูกยกให้เป็นรุ่นคลาสสิตลอดกาล และระบบเทคโนโลยีที่เริ่มพัฒนาขึ้นมาแล้ว
ผ่านไปอีก 6 ปีเต็ม นิสสันก็เรียกเสียงฮือฮาอีกครั้งในหมู่รถแรง เมื่อเปิดตัว Nissan Skyline Coupe 2005 (V35) ที่มาพร้อมกับเสียงก่นด่าจากทั่วทุกหัวระแหง ไม่ทราบว่าสิ่งใดดลใจให้นิสสันทำการปฏิรูป Gt-r ได้เพียงนี้ เพราะแชสซีของรถที่เคยเป็นเอกลักษณ์ก็ไม่มีการพัฒนา แถมยังไปร่วมใช้กับ Nissan 350Z ขุมพลังเครื่องยนต์หกสูบเรียง หรือที่เรียกว่า V6 ก็ดูเหมือนจะเข็นไม่ขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มประตูมาเป็น 4 บานลดทอนทุกอย่างของความเป็น Skyline แต่อีกสิ่งที่คอรถ และนักเลงรถซิ่งรับไม่ได้มากที่สุด คือการยกรหัส Gt-r ที่เป็นตัวบ่งบอกความแรงออกไปจากตัวรถด้วย และแน่นอนมันก็ทำให้ยอดจำหน่ายไม่ได้ดีอย่างที่คิด
*** ดูเพิ่มเติม Nissan GTR R35 ราคามือสองที่มีขายในประเทศไทย
Nissan Skyline Coupe 2005 (V35) ความน่าอายของนิสสัน
โซซัดโซเซอยู่ 3 ปี หลังจากเจอเสียงวิจารณ์จากคอลัมนิสต์ด้านรถยนต์ทั่วโลก และเสียงก่นด่าจากผู้ที่ภักดีต่อ Nissan Skyline Gt-r ต่อรหัส V35 ในที่สุด นิสสัน ก็ยอมพลิกทุกอย่างเพื่อกลับสู่เส้นทางที่ควรจะเป็น ด้วยการปลุกเสก Nissan GT-R R35 2008 ออกมากู้ประวัติศาสตร์ ด้วยรูปทรงและขุมกำลังที่เรียกได้ว่า “ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา” รหัส R35 ของนิสสัน ถูกปรับแต่งเครื่องยนต์แบบ V6 ทวินเทอร์โบ บรรจุความแรงของเครื่องยนต์ 3799 cc. 24 วาล์ว รีดแรงม้าออกจากโรงงานที่ 473 ตัวที่ 6400 รอบ/นาที ซ้ำร้าย R35 ยังทำให้คอรถยนต์ทั่วโลกขนลุก ด้วยความแรงจากจุดหยุดนิ่ง เมื่อกระทืบคันเร่งไปแตะที่วความเร็ว 100 กม./ชม. ใช้เวลาไปแค่ 3.6 วินาที เร็ว แรง ที่สุดบนโลกที่จะมีรถคันไหนออกจากไลน์การผลิตแล้วทำได้ในขณะนั้น เพราะแม้แต่ Porsche หรือ Lamborghini เจ้าพ่อซูเปอร์คาร์ยังไม่อาจทำได้ถึงปานนั้น และตัวนี้เองที่ทำให้ประวัติศาสตร์ของ Nissan Skyline Gt-r ถูกจารึก และลบภาพหม่นหมองของรุ่นก่อนหน้านี้ไปสิ้น รวมถึงมันยังเป็นต้นแบบ่ของการพัฒนารถ Nissan Skyline Gt-r มาทุกรุ่นจนถึงปัจจุบัน
Nissan Gt-r R35 2008 ต้นแบบความแรงมาถึงปัจจุบัน
สายพันธ์ุตำนานความแรงของตระกูล Skyline GT-R ยังคงยืนหยัดและตระหง่านตราบจนทุกวันนี้ Chobrod หวังว่าตำนานบทนี้ที่ได้นำเสนอให้ผู้อ่าน มันคงจะทำให้ความอยากจะครอบครองก็อดซิลล่าพันธุ์ดุจากแดนปลาดิบตัวนี้ เกิดขึ้นในใจทุกคนอย่างแน่นอน แม้ว่าราคาค่าตัวในปัจจุบันคนที่อยากครอบครองอาจจะต้องหอบเงินหลักสิบล้านบาทไปสู่ขอเพื่อมาจอดในโรงรถก็ตาม แต่มือสองก็มีคนสนใจอยู่ไม่น้อยทีเดียว!!
ดูเพิ่มเติม
>> รวมคอมเมนท์ข้อดี – ข้อเสียของ Nissan GT-R 2019
>> เปิดตัวเจ้าก๊อตซิล่า Nissan GT-R Premium Edition Thailand (R35) 2018 ในไทยพร้อมค่าตัว 13.5 ล้านบาท