22 ขั้นตอนง่ายๆ ในการเช็คกระบะมือสอง ด้วยตัวเราเอง
รถกระบะมือสอง เป็นรถที่ถูกใช้งานมาแล้ว แต่ละคันจะมีสภาพรถที่แตกต่างกันไป สิ่งเราต้องดู และสังเกตให้ดีนั้นมีหลายอย่างเลยค่ะ วันนี้เราจึงมี 22 ข้อมาให้เพื่อนๆ ที่กำลังหาซื้อรถมือสองไว้เช็ครถกัน ดังนี้ค่ะ
- เวลาซื้อรถกระบะมือสอง ต้องมั่นใจที่จอดรถด้วยว่า รถกระบะที่เรากำลังเช็คอยู่นั้นจอดอยู่บนพื้นราบ ไม่เอียงขึ้นลง หรือเอียงซ้ายเอียงขวา เพราะเราจะสามารถทำการตรวจยาง และระดับของช่วงล่างได้แม่นยำ นอกจากนี้การจอดในพื้นราบยังเป็นการสร้างความปลอดภัยจากรถมือสองเคลื่อนที่เองในขณะตรวจสอบได้อีกด้วย
- ตรวจดูการทำสีของรถกระบะมือสองดูร่องรอยสนิมต่างๆ รอยนูน รอยบุ๋ม และรอยถลอก หลุดร่อนต่างของสีรถมือสอง โดยขั้นตอนนี้จะต้องดูอย่างละเอียดเรียงไปตั้งแต่ด้านหน้ารถ ด้านข้าง ด้านหลัง ด้านบน ตลอดจนถึงตัวถังด้านในทุกส่วน ว่าสีที่ปรากฏนั้นมีสภาพเป็นอย่างไร มีรอยสนิม รอยถลอก หรือร่องรอยปูดรอยบุ๋มหรือไม่ เพื่อดูว่ารถมือสองคันนี้มีโครงสร้างพื้นผิวต่างๆสมบูรณ์ดีอยู่หรือไม่
- ตรวจสอบดูยางอะไหล่และเครื่องมือประจำรถว่ามีครบ และมีสภาพเรียบร้อยสมบูรณ์ดีอยู่หรือไม่
- ตรวจดูอุปกรณ์ที่อยู่ใต้ฝากระโปรงหน้า รถกระบะมือสองว่ามีร่องรอยการชน รอยบุบ รอยปูด หรือร่องรอยความเสียหายต่างๆที่อาจเกิดจากการไม่ดูแลรักษารถ หรืออาจเกิดจากอุบัติเหตุต่างๆ นอกจากนี้ ภายใต้ฝากระโปรงเรายังสามารถตรวจสอบเลขตัวถังและเลขเครื่องได้อีกด้วย ถ้าเลขเหล่านี้ไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมหรือหายไป หรือมีลักษณะถูกแก้ไขใหม่มา คุณคงต้องสอบถามถึงเหตุผลกับผู้ขายและตรวจสอบอย่างละเอียด
- ตรวจเช็คท่อยางและสายพานต่างๆ ว่ามีรอยร้าว รอยรั่ว หรือรอยแตกลายงา หรือไม่ รวมถึงยังมีสภาพความยืดหยุ่นสวยงามดีหรือไม่ สายพานต่างๆ ต้องไม่หย่อนหรือตึงเกินไป
เช็คเบาะรถยนต์ โดยดูว่าตำแหน่งของเบาะวางในตำแหน่งสภาพดีหรือไม่
- เปิดประตูเข้าดูภายในห้องโดยสาร ดูเบาะที่นั่งทุกๆ ตำแหน่งว่าอยู่ในสภาพดีหรือไม่ มีรอยฉีกขาดหรือมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ดูสภาพว่ายังมีความสะอาดสดใสอยู่หรือไม่
- ตรวจสอบดูว่า ระบบทำความเย็นสามารถทำงานได้สมบูรณ์หรือไม่ ลองปรับความเย็น และแรงลมว่ามีการทำงานได้ดีในทุกระดับหรือไม่
- ตรวจดูเลขระยะทางที่ใช้งานมาของรถมือสอง เลขระยะทางจะสามารถเป็นตัวบอกอายุของรถ และความเสื่อมถอยของชิ้นส่วนต่างๆ ได้ โดยปรกติทั่วไปรถจะมีระยะทางในการใช้งานประมาณ 25000 – 35000 กิโลเมตรต่อปี ขึ้นอยู่กับปัจจัย หลายอย่าง เช่น อาชีพของผู้ขับขี่ พื้นที่ที่ใช้ ว่าเป็นรถใช้ในเมือง หรือใช้ระหว่างพื้นที่ แต่อย่างไรก็ตาม เราจะต้องจำไว้ให้ขึ้นใจว่า สภาพรถ ปีรถ และ ระยะทางขับขี่ ควรสอดคล้องกัน การซื้อรถที่มีอายุ 10 ปี แต่วิ่งมาแค่ 30000-40000 กิโลเมตร นั้น ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ดี
- การทดลองขับรถมือสองก่อนการตัดสินใจขั้นตอนสุดท้าย ข้อนี้เป็นการตรวจสอบที่ดีมากที่ทำให้เราสามารถรู้สภาพโดยรวมของรถว่า สามารถใช้ได้ดีหรือไม่ รวมถึงเราจะได้ยินเสียงต่างๆ ที่ผิดปรกติ ซึ่งเราจะสามารถตรวจพบได้ในขั้นตอนนี้นั่นเอง ให้จำไว้เสมอว่าตัวของเรา หรือช่างที่เราพาไปด้วยนั้นต้องได้ทดสอบขับรถก่อนตัดสินใจซื้อเท่านั้น
- ตรวจสอบคู่มือเข้าศูนย์บริการประจำรถ เพื่อดูประวัติการเข้าซ่อมบำรุงการเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆ รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับรถมือสองคันนั้น ถ้าจะให้สมบูรณ์ที่สุด เจ้าของผู้ขายรถกระบะมือสองควรเก็บเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับการเข้าศูนย์บริการไว้แสดงแก่ผู้ซื้อ เพื่อให้ผู้ซื้อรถกระบะมือสองสามารถวางแผนหลังการซื้อได้ว่า จะต้องนำรถกระบะมือสองไปเข้าตารางการซ่อมบำรุงต่อไปอย่างไร รถกระบะมือสองคันนั้นจะเข้าศูนย์บริการรถอิสระ หรือผู้ใช้ซ่อมบำรุงเองก็ได้ ตราบใดที่เจ้าของรถสามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาทำอะไรกับรถมาบ้าง แต่ผู้ขายหลายรายอาจแก้ไขหรือทำการปกปิดเอกสารเหล่านี้ในกรณีที่รถใช้งานหนักมาก หรือมีการเกิดอุบัติเหตุหนักมา
ดูเพิ่มเติม
>> สิ่งที่ควรคำนึงเมื่อต้องการจะซื้อ “รถกระบะมือสอง”
>> 4 เทคนิคดูแลรถใหม่ป้ายแดงอย่างไรให้แรงข้ามปี !!
ตรวจสอบระบบเบรกรถกระบะทุกครั้ง โดยลองเบรกกระทันหันขณะลองขับ
- ตรวจสอบระบบเบรก สามารถทำได้โดยระหว่างทดลองขับโดยลองเบรกกระทันหัน เพื่อทดสอบระบบเบรก และระบบ ABS ว่าสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบหรือไม่ สามารถใช้การทดสอบบนความเร็ว ไม่เกิน 60 กม.ต่อชม. บนพื้นที่ๆ ไม่มีรถหนาแน่นและควรระวังรถที่ขับตามด้วย โดยระหว่างเบรกยังสามารถตรวจสอบความผิดปรกติต่างๆจากเสียงเบรกได้ว่า ผ้าเบรกผิดปรกติ ใกล้หมด หรือรวมไปถึงจานเบรกว่ามีพื้นผิวสัมผัสที่สมบูรณ์อยู่หรือไม่ การทดสอบนี้สำคัญต่อความปลอดภัยในการขับขี่มาก
- ตรวจสอบดูส่วนประกอบต่างๆ ของเครื่องยนต์ ว่ามีของเหลวที่ผิดปรกติรั่วซึมหรือมีชิ้นส่วนที่มีรอยร้าว หรือมีสนิมหรือรอยถลอก รอยแตกที่ผิดปรกติหรือไม่ ข้อนี้จะทำให้เราสามารถดูการใช้งานที่ผ่านมา หรือเอาไว้ใช้ในการวางแผนซ่อมบำรุงต่อไปได้
- เปิดฝาน้ำมันเครื่องตรวจดูสภาพ คราบ และรอยสนิมต่างๆ เพื่อตรวจดูความสมบูรณ์ของแหวนลูกสูบ รวมถึงการดูสีของของเหลวภายในว่ามีสีผิดปรกติที่เกิดจากเครื่อง Over heat ทำให้ฝาสูบโก่ง ทำให้มีของเหลวอื่นๆ ปะปนไปในน้ำมันเครื่องหรือไม่
- ตรวจสอบแกนวัดระดับของเหลวต่างๆ ต้องอยู่ในระดับปรกติ ไม่มากหรือน้อยกว่าขีดปรกติ ต้องมีสีใสปรกติ ไม่ดำเกินไป หรือมีกลิ่นไหม้ การวัดระดับจากแกนวัดระดับเหล่านี้ควรทำในขณะยังไม่ติดเครื่อง
- ตรวจสอบสายพาน Timing สายพาน Timing เป็นชิ้นส่วนที่สำคัญอย่างหนึ่งในเครื่องยนต์ ถ้ารถบางรุ่นในปัจจุบันใช้ โซ่ Timing แทน คุณก็หมดกังวลเกี่ยวกับการตรวจสอบในข้อนี้ได้ โดยปรกติทั่วไป สายพาน Timing จะมีระยะการใช้งานได้ระหว่าง 100000-200000 กิโลเมตร แล้วแต่ผู้ผลิตรถ
ตรวจสอบยางรถยนต์ทั้ง 4 ล้อ ดูคุณภาพ และการสึกกร่อนของแต่ละเส้น
- ตรวจสอบยางรถยนต์ทั้ง 4 ล้อ ว่ามีลักษณะต่างๆเหมือนกันหรือไม่ ทั้งรุ่น ปีที่ผลิต รวมไปถึงลักษณะความสมมาตรกันของยางแต่ละเส้น ลักษณะการสึกกร่อน การสึกที่ไม่เท่ากันทั้งเส้น หรือไม่เท่ากันระหว่างล้อซ้ายขวา อาจทำให้เราสันนิษฐานได้ว่า จุดศูนย์ถ่วงของรถคันนี้ผิดปรกติ อาจต้องทำการตั้งศูนย์ใหม่ หรืออาจตั้งไม่ได้ในกรณีรถอุบัติเหตุจนเสียศูนย์ถาวร
- ตรวจดูส่วนต่างๆ ของตัวถังว่าเคยเกิดอุบัติเหตุมาหรือไม่ ดูตามขอบชิ้นส่วนต่างๆ ว่าเรียบร้อยดีหรือไม่ ไม่เป็นรอยบุบ ขรุขระ บิดเบี้ยว หรือมีสีที่แตกต่างกับชิ้นส่วนเดียวกันในบริเวณใกล้เคียง ดูการแตกร้าวของชิ้นส่วนต่าง เพื่อตรวจสอบถึงสภาพการเกิดอุบัติเหตุของรถ
- ทำการตรวจสอบใต้ท้องรถ ตรวจดูระบบท่อไอเสียทั้งหมด ตรวจสอบดูรอยดำที่ผิดปรกติต่างๆ รอยสนิม รอยแตก หรือรอยของเหลวที่รั่วซึมออกมาตามรอยรั่วของระบบท่อไอเสีย การตรวจสอบนี้ ยังอาจบอกได้ถึงสภาพการเกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย
- รถบ้าน หรือ รถเต๊นท์ ไม่ได้มีความสำคัญ เท่ากับการที่เราสามารถรู้สภาพที่แท้จริงของรถกระบะมือสอง เพราะในปัจจุบันความนิยมในการซื้อรถบ้านจะทำให้ผู้ซื้อมั่นใจ และยอมจ่ายเงินมากกว่า แต่ในความเป็นจริง ขบวนการ รถบ้านเทียม หรือการหลอกว่าเป็นรถบ้านนั้นก็มีมายมาย ดังนั้นการหารถโดยดูสภาพจริงได้ เป็นสิ่งที่เราควรใช้ในการตัดสินใจซื้อรถมือสอง
- คำนวณราคา เมื่อสามารถตรวจสอบทุกๆ จุดตามที่ได้นำเสนอมาแล้ว เรื่องถัดไป คือการนำเอาข้อมูลคุณภาพรถทั้งหมดมาคำนวณเป็นราคาที่เหมาะสม โดยอาจอ้างอิงจากราคากลางของรถที่มีสภาพกลางๆ จากนั้นถ้ารถที่คุณดูอยู่มีสภาพดี เราก็สามารถซื้อได้ในราคาใกล้ๆ กับราคากลาง แต่ถ้ารถมีจุดบกพร่องมาก ราคาก็ควรต่ำกว่าราคากลางอย่างแน่นอน ข้อมูลในจุดนี้สามารถทำให้เรารู้ได้ว่าราคาที่เหมาะในการต่อรองแบบมีเหตุผลควรเป็นเท่าไหร่
- ไม่ควรไปคนเดียว คุณควรหาเพื่อนที่มีความรู้ และประสบการณ์ด้านตัวถั งแบบจริงจังไว้ใจได้ หรือสามารถจ้างช่างตรวจสอบ คุณภาพรถที่เป็นช่างที่มีความรู้ความชำนาญทางด้านการตรวจสอบสภาพรถมือสองที่ไว้ใจได้ ช่วยตรวจสอบรถให้ หรืออาจส่งรถไปตรวจกับศูนย์ตรวจรถอันทันสมัยในกรณีที่สามารถตกลงกับผู้ขายได้ แต่ต้องระวังว่าการตรวจสอบจากเพื่อนหรือช่าง หรือศูนย์บริการเหล่านี้ จะต้องไม่ทำให้รถเสียหายจนคุณต้องรับผิดชอบซื้อเอาไว้แทน
นำรถกระบะมือสองมาเข้าศูนย์บริการ เพื่อตรวจสอบ ปรับแต่ง และแก้ไขในส่วนที่ต้องการ
- เข้าศูนย์บริการ หลังจากได้รถมือสองที่ถูกใจมาแล้ว คำแนะนำสุดท้ายก็คือ การเตรียมนำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อดูแลในส่วนของอุปกรณ์ที่เราตรวจพบว่าไม่สมบูรณ์จากการตรวจตอนซื้อ อาจมีการเปลี่ยนของเหลวต่างๆ ที่หมดอายุการใช้งาน หรือตกแต่งอุปกรณ์เพิ่มเติมให้รถของเราดูดีงดงามหรือแต่งซิ่งก็ได้ตามใจชอบ
เป็นอย่างไรบ้างคะ กับขั้นตอนง่ายๆ ในการเช็ครถกระบะมือสองด้วยตัวเอง จากบทความนี้ ทาง Chorod หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ในการเช็คสภาพรถกระบะมือสองด้วยตนเองไม่มากก็น้อยนะคะ
ดูเพิ่มเติม
>> พาวิเคราะห์! เลขทะเบียนมงคล ตามหลักโหรศาสตร์
>> 7 เทคนิค การเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์
คราวหน้าเราจะมีอะไรดีๆ มาฝากกันอีก ฝากติดตามที่ตลาดรถ Chobrod.com กันด้วยนะค่า
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่