รถยนต์ที่เราขับกันในทุกวันนี้ ต่างประกอบด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่ด้วยกันทั้งสิ้น แต่คุณรู้ใหม ว่าเหล่านวัตกรรมที่สำคัญต่างๆ ในรถของเรานั้น มีที่มาอย่างไร
1.เข็มขัดนิรภัย
นี่คือนวัตกรรมที่อยู่คู่กับรถและคนขับรถมาอย่างยาวนาน และเป็นอุปกรณ์พื้นฐานเพื่อป้องกันชีวิตของผู้ขับขี่ที่สำคัญ โดยต้นกำเนิดของเข็มขัดนิรภัยนี้ มาจากแนวคิดใของวิศวกรชาวอังกฤษอย่างคุณ จอร์จ คาเลย์ ตั้งแต่ช่วงกลางศตววรรษที่ 19 และสำเร็จเสร็จสิ้นโดยคุณ เอดเวิร์ด เจ คลากฮอน ที่ได้จดสิทธิบัตรเป็นเจ้าของนวัตกรรมนี้ ในปี 1885 นั่นเอง โดยจุดประสงค์เพื่อยึดตัวบุคคลใว้กับวัตถุ
ซี ฮันเตอร์ เชลเดรน
ในช่วงกลางปี 90s คุณหมอ ซี ฮันเตอร์ เชลเดรน แพทย์ด้านประสาทวิทยาที่โรงพยาบาล Huntington Memorial ได้สังเกตุเห็นว่า มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมากมายจากการได้รับบาดเจ็บที่ศรีษะในอุบัติเหตุรถยนต์ จึงได้สืบสวนต่อ พบว่า เข็มขัดนิรภัยแบบดั้งเดิมนั้น ไม่สามารถป้องกันผู้ขับขี่จากศรีษะกระแทกได้ และได้นำเรื่องนี้ไปหารือกับทางอุตสาหกรรมมยานยนต์ และได้เสนอแนวคิดเข็มขัดนิรภัยแบบยืดปรับได้ที่พัฒนามาเป็นแบบที่เราใช้กันในปัจจุบันนั่นเอง ซึ่งจากการผลักดันในครั้งนี้ ทำให้ในปี 1966 สภาคอนเกรสของอเมริกาได้ผ่านพระราชบัญญัติ National Traffic and Motor Vehicle Safety Act ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการเดินทางด้วยยานพาหนะบนถนน โดยกำหนดให้เข็มขัดนิรภัยเป็นอุปกรณ์พื้นฐานจำเป็นในรถ
ทดลองการใช้เข็มขัดนิรภัยแบบยืดปรับได้
2. ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (Emergency brake assist , EBA)
ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ
ในทุกวันนี้ เจ้าระบบช่วยเบรกอัตโนมัตินี้น่าจะกลายเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่รถรุ่นใหม่ๆ ทุกๆ คันต้องมีแล้ว โดย EBA จะตรวจสอบลักษณะการเบรกของคนขับ และเพิ่มแรงเบรกเมื่อจำเป็น
โดยต้นกำเนิดของระบบช่วยเบรกอัตโนมัตินี้ เริ่มขึ้นด้วยการร่วมมือพัฒนาของบริษัท Daimler-Benz กับ TRW/LucasVarity ในปี 1992 โดยทำการทดสอบด้วยการจำลองการขับจริง พบว่าผู้ขับเกิน 90% เหยียบเบรกไม่แรงพอเมื่อพบกับสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงเป็นที่มาของการพัฒนาระบบช่วยเบรกอัตโนมัตินี้ขึ้น โดยหลักการทำงานของระบบช่วยเบรกอัตโนมัตนี้คือ เมือ ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ถูกสั่งให้ทำงาน แป้นเบรกจะปรับลดต่ำลงเล็กน้อยจากปกติ และ ถ้ามีการปล่อยแป้นเบรก จะเป็นการหยุดการเบรกทุกประเภท ซึ่งรถคันแรกของโลกที่มาพร้อมกับระบบช่วยเบรกอัตโนมัตินี้ก็คือ Mercedes-Benz S-Class และ SL-Class ในปี 1998 นั่นเอง
3.ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Control)
การลื่นไถล คือสาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุ
นี่คือระบบที่ช่วยให้การขับขี่มีความปลอดภัยที่สำคัญเป็นอย่างมาก สำคัญถึงขนาดที่ผู้ผลิตรถยนต์แทบทุกเจ้าต่างตั้งใจพัฒนาเทคโนโลยีนี้ขึ้นมาเพื่อสร้างความปลอดภัยให้การขับขี่รถของตน ทำให้ในรถแต่ละแบรนด์ ก็จะมีชื่อเรียกเทคโนโลยีนี้ต่างกัน
พื้นฐานการทำงานของเจ้าระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวนี้ คือจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับสภาพการเคลื่อนที่ของรถตัวอย่างเช่น เมื่อผู้ขับขับรถในความเร็วที่สูง และทำการเลี้ยวที่มีองศามาก จนทำให้ล้อข้างใดข้างนึงลอยขึ้นจากพื้น ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวจะเข้าไปช่วยผู้ขับขี่ทันที โดยการส่งแรงเบรกไปยังล้อที่มีอาการไม่ยึดเกาะ พร้อมกับสั่งลด หรือตัดการทำงานของเครื่องยนต์ลงชั่วขณะ เพื่อช่วยให้ตัวรถกลับมาอยู่ในการควบคุมของผู้ขับขี่ได้
โดยเจ้าแรกที่นำเสนอเทคโนโลยีช่วยในการควบคุมรถนี้ก็คือ Toyota โดยใส่มาในรถ Toyota Crown ในปี 1983
4.รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Self-Driving Car )
รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องกว่าร้อยปี
นี่คือเทคโนโลยีที่ฮอตมากๆ และถูกพูดถึงในฐานะ “อนาคตของยานยนต์และการขนส่ง” แต่เชื่อใหม ว่าเรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นอนาคตในอีก 10 ปีข้างหน้านี้ มันมีแนวคิดนี้มานานเกือบ 100 ปีแล้ว
จริงๆ เรื่อง รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัตินี้ไมใช่เรื่องใหม่เลย เพราะจริงๆแลัวมีความพยายามในการสร้างรถแห่งอนาคตนี้มาตลอด ตั้งแต่ช่วงปี 1920s ที่ในอเมริกามีการทดลองการนำคลื่นวิทยุเพื่อใช้ในการสั่งการรถยนต์ให้เคลื่อนที่เหมือนรถบังคับ ทั้งความพยายามในการสร้าง และรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติแบบที่เราคุ้นเคยกันนี้ เริ่มที่ช่วงปี 1977 โดย Tsukuba Mechanical Engineering Laboratory ในประเทศญี่ปุ่น ที่พยายามสร้างรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัตินี้ขึ้นด้วยการติดกล้องสองตัว และต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์แอนะล็อกเพื่อทำการวิเคราะห์การเคลื่อนที่ โดยรถยนต์คันดังกล่าวสามารถเคลื่อนที่ได้ถึง 30กิโลเมตร/ชั่วโมง
5. เครื่องปรับอากาศในรถยนต์
ก่อนจะเป็นอุปกรณ์พื้นฐานในรถ มีเฉพาะคนรวยเท่านั้นที่ติดแอร์ในรถ
นี่คือ 1 ในนวัตกรรมที่สร้างขึ้นมาเพื่อมนุษยชาติโดยแท้ ยิ่งในประเทศไทย หากรถยนต์ไม่มีแอร์ เชื่อว่าได้มีข่าวคนถูกอบจนเป็นลมในรถนับไม่ถ้วนแน่ๆ โดยระบบเครื่องปรับอากาศในรถยนต์นี้ ผลิตครั้งแรกโดยโรงงานในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในปี 1933 โดยในทีแรกเป็นบริการเสริมให้กับรถหรูของคนมีเงิน ซึ่งนำรถของตนมาติดเครื่องปรับอากาศนี้ และในปี 1939 บริษัทผลิตรถยนต์ Packard ก็ได้บุกเบิกการใส่เครื่องปรับอากาศลงในรถยนต์มาจากโรงงาน โดยเรียกระบบเครื่องปรับอากาศในรถยนต์ของตนว่า Weather Conditioner โดยมาพร้อมเครื่องทำความร้อนด้วย
เหล่านี้คือส่วนหนึ่งของนวัตกรรมที่สำคัญและพลิกโฉมวงการรถยนต์ หลายๆ อันได้กลายมาเป็นมาตรฐานสำคัญในทุกวันนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะหมดแค่นี้นะ ยังมีนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สำคัญอีกมากมาย ติดตามเว็บไซต์ Chobrod ของพวกเราใว้ รับรองว่านวัตกรรมชิ้นต่อๆไปที่เราจะนำมาเสนอ น่าสนใจอย่างแน่นอน
ดูเพิ่มเติม
>> ไม่ต้องกลัวฝน กลัวน้ำ กันต่อไปแล้ว เพราะเรามีนวัตกรรมใหม่ “กระจกชอบน้ำ"