รถยนต์ไร้คนขับเป็นอีกเป้าหมายหนึ่งของบรรดาค่ายรถยนต์ต่างๆ แต่เนื่องจากความยากยังคงมีอีกมาก ดังนั้นการร่วมมือกันของแต่ละบริษัทอาจจะทำได้ดีกว่าการนั่งคิดคนเดียวก็เป็นได้
รถยนต์ไฟฟ้าเป็นเหมือนปฐมบทของเทคโนโลยีที่กำลังจะก้าวสู่ประตูบานถัดไปของวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ที่นับวันต่างฝ่ายต่างแข่งขันกันพัฒนาทุกเทคโนโลยีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านเงินทุน ด้านกำลัง ด้านเวลา หรือแม้แต่การจับมือกันของศัตรู อย่างไรก็ตามการพัฒนารถยนต์และทำธุรกิจในวงการนี้จะหยุดแค่รถยนต์ไฟฟ้านั้นคงไม่ได้ เพราะแบนรด์ยักษ์ใหญ่ต่างๆมองไปไกลกว่านั้นและมองกันไปไกลระดับ50-100ปีแล้วด้วย ซึ่งเป้าหมายระยะยาวของค่ายรถยนต์ต่างๆคือการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับต่างหาก เพียงแต่ว่ายังคงต้องใช้เวลาอีกสักหน่อยรวมถึงทรัพยากรอีกมากแต่ที่สำคัญพวกเขาเริ่มทำมันแล้วตั้งแต่วันนี้ ด้วยวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลนี้เองที่พอจะทำให้เราวางใจได้ว่า ผู้พัฒนารถยนต์เหล่านี้จะสร้างรถยนต์ที่มีคุณภาพมาให้พวกเราได้ใช้กัน
Honda กับเส้นทางรถยนต์ไร้คนขับ
บริษัทยักษ์ใหญ่ขวัญใจคนไทยก็ไม่ยอมน้อยหน้าเพราะยังต้องอยู่ในธุรกิจนี้ไปอีกนาน Honda เองแม้จะยังไม่มีความหวือหวาทางด้านรถยนต์ไฟฟ้าให้พวกเราเห็นมากนักแม้ในตลาดรถโลกหรือตลาดรถยนต์ประเทศไทยเองก็ตาม แต่เป้าหมายระยะยาวของ Honda ก็เป็นเรื่องรถยนต์ไร้คนขับเช่นเดียวกับค่ายรถยนต์อื่นๆ
เป้าหมายระยะยาวของ Honda คือรถยนต์ไร้คนขับ
การแยกทางกันของ Honda และ Alphabet
แม้ค่ายรถยนต์จากฟากฝั่งอเมริกาและญี่ปุ่นจะเป็นราวกับศัตรูในสนามการค้า แต่รถยนต์ไร้คนขับจากฟากฝั่งอเมริกาที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อ Waymo จากบริษัท Alphabet หรือที่รู้จักกันแพร่หลายว่า Google นั้นได้มีความร่วมมือกับบริษัทจากฟากฝั่งญี่ปุ่นในเอเชียเราด้วย นั้นคือ Honda ทั้งสองร่วมงานกันซุ่มพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับกันมาตั้งแต่ปี 2016 ความรู้ของทั้งสององค์กรที่มีไม่เหมือนกันแต่ใช้เปลี่ยนโลกได้เหมือนกันเมื่อมาอยู่รวมกันแล้วทำให้ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเดินหน้าได้เร็วขึ้นอีก แต่ธุรกิจก็คือธุรกิจ ไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร Alphabet ที่ถือครององค์ความรู้ด้านรถยนต์ไร้คนขับจนทำ Waymo ออกมาสู่สายตาชาวโลกได้แล้วนั้นเกิดอยากจะเก็บความยิ่งใหญ่ไว้คนเดียว และปล่อยให้สหายที่ร่วมพัฒนามาด้วยกันอย่างHondaหันไปช่วยเหลือด้านอื่นแทน เช่นด้านการผลิตรถยนต์ ด้านการพัฒนาแบตเตอรี่ และยังพยายามปิดกั้นไม่ให้เข้าถึงเทคโนโลยีไร้คนขับบางส่วนที่ตนเองคิดค้นได้อีกด้วย กลายเป็นว่าลงทุนพัฒนารถยนต์ไร้คนขับด้วยกันแต่ฝ่ายหนึ่งพัฒนาตัวระบบไร้คนขับอีกฝ่ายพัฒนาส่วนอื่นเช่นตัวรถ แบตเตอรี่ ความรู้ทั้งหมดจึงไม่รวมเป็นหนึ่งเดียว Honda เห็นว่าท่าไม่ดีจึงพยายามตีตัวออกห่าง
Waymo รถยนต์ไร้คนขับจาก Alphabet
ดูเพิ่มเติม
>> แท็กซี่ไร้คนขับ "Silent revolution on the road"
>> ทำความเข้าใจ 5 ระดับ ของรถยนต์ “ไร้คนขับ”
การร่วมมือกันของ Honda และ GM
แต่ก็นับเป็นโชคดีของ Honda เพราะในขณะที่พัฒนาแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์อย่างเต็มกำลังก็ได้พบกับถ่านไฟเก่านั่นก็คือ GM หรือ General Motors นั่นเอง ที่ทั้ง2ได้เคยร่วมกันพัฒนารถยนต์ Fuel Cell ด้วยกันมาก่อนหน้านี้แต่เพราะกระแสรถยนต์ไฟฟ้ากำลังมาแรง การพัฒนารถยนต์ Fuel Cell จึงต้องถูกชะลอลงไปและต่อไปอาจจะถูกพับโปรเจคไปเลยด้วยซ้ำ GMเองที่กำลังหันมาพัฒนาโครงการรถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจังกว่า20รุ่นที่จะออกขายจนถึงปี2023นั้นทำให้ Hondaเห็นว่าถ่านไฟเก่าคนนี้ดูท่าจะเป็นที่พึ่งพิงในทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี และน่าจะมีสรรพกำลังพอที่จะร่วมหัวจมท้ายพัฒนารถยนต์ไร้คนขับด้วยกันได้ เป็นที่มาที่ทำให้เกิดดีลพิเศษข้ามทวีปกันระหว่าง Honda และ GM ในช่วงกลางปี2018 ร่วมมือกันพัฒนาแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าและจุดนั้นเองยังเป็นส่วนหนึ่งของการเกิดดีลลับที่จะพัฒนารถยนต์ไร้คนขับร่วมกันด้วย โดยทาง Honda ให้เงินลงทุนไปร่วม 70,000 ล้านบาทแก่ GM เพื่อให้ GM ได้เทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับได้อย่างเต็มที่ชนิดไม่มีขอบเขต
Cruise บริษัทลูกของGMที่เน้นการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไร้คนขับ
ความแตกต่างจากเมื่อครั้งที่ Honda จับมือกับ Alphabet
การร่วมมือกันระหว่าง Honda และ GM นั้น ทำให้ Honda เป็นฝ่ายลงทุนเงินและความรู้ทางวิศวกรรมที่มี ทั้งยังได้ร่วมทดลองเทคโนโลยีไร้คนขับอย่างถึงพริกถึงขิงที่ทาง GM มีอยู่แล้ว ซึ่งเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับ Honda เป็นอย่างยิ่ง ช่างต่างกับที่ตอนอยู่กับ Alphabet นั้น Honda ไม่เคยได้รับสิทธิ์การเข้าถึงอะไรแบบนี้เลย นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ Honda เทใจให้กับ GM และการลงทุนในครั้งนี้ยังทำให้ Honda สามารถถือหุ้นของบริษัท Cruise ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ GM ในสัดส่วน 5.7% ตัวเลขนี้ทำให้มูลค่าของบริษัท Cruise สูงขึ้นไปถึง 500,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามมูลค่าของบริษัทจำนวนนี้ที่สูงขึ้นยังไม่อาจเทียบกับมูลค่าบริษัทAlphabetได้ เพราะ Alphabet มีมูลค่าบริษัทสูงถึง 3.5ล้านล้านบาท และมีเงินสดสำรองเหลือเฟือชนิดที่ไม่ต้องไปขอเงินทุนจากใครด้วยซ้ำ นอกจาก Hondaจะได้สิ่งต่างๆที่กล่าวมาแล้ว ทางด้านGMเองไม่ใช่ได้แค่เรื่องเงินเท่านั้นเพราะความรู้ต่างๆที่ค้นคว้าวิจัยได้จำนวนนี้ก็ตกเป็นความรู้ของGMด้วยโดยปริยายนอกจากนั้นGMยังได้ช่องทางสำหรับการเปิดตลาดในประเทศญี่ปุ่นอีกต่างหาก
การทดสอบรถยนต์ไร้คนขับของ Cruise ที่ Honda ได้มีส่วนร่วม
Alphabet รวยเลือกได้
Alphabet ที่ควบคุมกิจการหลายอย่างบนโลกนี้ รวมถึงการพัฒนารถยนต์ Waymo มีพันธมิตรอื่นๆอีกมาก ไม่ว่าจะเป็น Jaguar, Fiat Chrysler หรือแม้กระทั่ง Tata Motors ที่เป็นราวกับเครื่องจักรที่จะสร้างรถยนต์ไฟฟ้าให้กับทาง Alphabet เพื่อต่อยอดไปสู่รถยนต์ไร้คนขับได้อีกเกือบแสนคัน ก็เพราะทั้งรวยทั้งเก่งแบบนี้เองการที่ Hondaตีจากไปจึงแทบจะไม่มีความหมายอะไร และในฐานะที่ Waymo เป็นรถยนต์ของ Alphabet ชื่อชั้นของมันก็เรียกว่าอยู่ในระดับท็อปของโลกแล้ว ทั้งเรื่องผู้นำด้านเทคโนโลยีไร้คนขับ หรือเทคโนโลยีที่เป็นส่วนประกอบอื่นๆทั้งที่เผยให้เห็นและที่ยังอยู่ในห้องแล็ปอีกมากมายนัก ทำให้ลูกค้าอย่างเราๆวางใจได้เลยว่าอนาคตคงมีอะไรดีๆมาให้เล่นกันอีกแน่
Alphabet บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับท็อปของโลกที่ลงมาเล่นในตลาดรถยนต์ด้วยเช่นกัน
โลกแห่งธุรกิจไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวรจริงๆ ในความเป็นจริงบริษัทนั้นไม่ใช่มนุษย์แต่ขับเคลื่อนโดยผู้บริหารที่เป็นมนุษย์ และผู้บริหารนั้นก็เปลี่ยนหน้าไปได้เรื่อยๆแล้วแต่ว่าทางบอร์ดจะแต่งตั้งใครเข้ามารับหน้าที่ ดังนั้นการจับมือกันหรือแม้แต่การแยกทางกันของพันธมิตรต่างๆจึงแทบจะเป็นเรื่องปกติเพราะมันขึ้นกับการเจรจาและฝีมือของผู้บริหารในแต่ละยุค ในครั้งนี้ Alphabet แทบจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเพราะเขามีเงินทุนมากมายมหาศาลอยู่แล้ว ส่วน GM ก็ได้เงินทุนจาก Honda นำมาพัฒนาสิ่งดีๆให้กับตัวเองได้อีกแถมยังได้โอกาสเปิดช่องสู่ตลาดญี่ปุ่นด้วย Honda เองก็ได้พันธมิตรที่มีศักยภาพพอในการพัฒนารถยนต์บนโลกที่กำลังจะก้าวสู่ยานยนต์ไร้คนขับต่อไป เป็นการจบเรื่องราวดีๆของธุรกิจยานยนต์แบบ Win-win-win ทุกฝ่าย
ดูเพิ่มเติม
>> 5 อันดับยานยนต์ไร้คนขับสุดล้ำในอนาคต!
>> คนเชื่อมต่อรถ เทรนด์โลก ใกล้ความจริง! “Connected Car รถยนต์อัจฉริยะ”
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้