ความแตกต่างระหว่าง ยางเรเดียล กับ ยางธรรมดา
ยางรถยนต์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน มีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือ ยางธรรมดา และ ยางเรเดียล ซึ่งยางทั้ง 2 ประเภทนี้ จะมีความแตกต่างกัน และยังมีรูปแบบที่ต่างกันอีกด้วย คือ แบบมียางใน และ ไม่มียางใน ดังนี้
>> ดูเพิ่มเติม: ยางเปอร์เซ็นต์ คืออะไร?
ยางธรรมดา
- ยางธรรมดา โครงสร้างของยางประกอบไปด้วย ชั้นผ้าใบที่ซ้อนทับกันแบบไขว้ไปมา ซึ่งความแข็งแรงของยางนั้น ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนผ้าใบที่ซ้อนทับกันไปมา ข้อดีของยางธรรมดา นั่นคือ การบังคับทิศทางในการเลี้ยว ขณะที่ใช้ความเร็วต่ำได้ง่าย ขับขี่นุ่มนวล และมีราคาถูก แต่ข้อเสีย คือ ถ้าหากโดนของมีคมตำ ก็ทำให้ง่ายต่อการแตก หรือ ระเบิดสูง
ยางเรเดียล นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
- ยางเรเดียล นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน โครงสร้างของยางเป็นชั้นผ้าใบที่พันรอบยางอีกที โดยที่ใต้ดอกยาง ยังมีการเสริมความแข็งแกร่งด้วยแถบใยเหล็ก ที่มีความยืดหยุ่นสูง และแข็งแรง รวมถึงมีการยึดเกาะถนนได้ดีกว่ายางธรรมดา แต่ข้อเสีย คือ การขับขี่อาจจะไม่สบายเท่ายางธรรมดา และมีราคาแพงกว่ายางธรรมดา
- ยางแบบมียางใน ยางประเภทนี้ มีอันตราย ถ้าหากเกิดของมีคม มาทิ่ม หรือ ตำ โอกาสที่ยางจะระเบิดนั้น มีสูงมาก ซึ่งอาจจะระเบิดในทันทีที่โดนตำเลยก็ว่าได้
- ยางแบบไม่มียางใน ยางประเภทนี้ มีชั้นเนื้อยางที่เรียกว่า Inner Liner ทำหน้าที่ป้องกันการรั่วซึมของยาง และหายห่วงเรื่องยางระเบิดไปได้เลย และข้อดีของยางประเภทนี้ คือ เป็นยางที่มีน้ำหนักค่อนข้างเบา ระบายความร้อนได้ดีกว่ายางธรรมดา และหากโดนของมีคมตำ ยางจะไม่มีการระเบิด หรือ แตกอย่างแน่นอน แต่ลมจะค่อยๆซึมออกมา แต่ยังสามารถขับต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง แถมการอุดรูรั่ว ก็สามารถทำได้เลย โดยที่ไม่ต้องถอดล้อออกแต่อย่างใด ส่วนข้อเสีย คือ หากมีรอยรั่วใหญ่ การปะ ซ่อมแซม ก็เอาไม่อยู่
ความแตกต่างระหว่าง ยางเรเดียล กับ ยางธรรมดา
>> ดูเพิ่มเติม:
หากไม่อยากให้ยางรถของคุณ เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร จงหยุดพฤติกรรมเหล่านี้!
เรื่องของลมยาง เติมยังไง ให้พอดี กับรถเรา
ยางอะไหล่ที่ติดมากับรถ ถ้าไม่ได้เอาออกมาใช้งาน จะเก็บได้นานสุดกี่ปี??