มาดูเลยว่า ประเทศใดที่มีเทคโนโลยีรถยนต์ล้ำหน้าที่สุด!!!

รถยนต์คันแรก

นับจากที่รถยนต์คันแรกถูกคิดค้นขึ้นและวิ่งได้จริงบนโลกนี้เมื่อกว่า 130ปีมาแล้ว สมัยนั้น ชาติที่คิดค้นรถยนต์จนออกมาเป็นยานพาหนะที่คนทั้งโลกใช้กันเป็นประเทศแรกก็คือ เยอรมนี ใช่แล้วครับ เขาคือต้นกำเนิดของแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักกันดีของคนทั้งโลกนั่นคือ Mercedes-Benz นั่นเองครับ แต่ไม่ใช่ว่าวันดีคืนดีคิดว่าอยากจะมีรถยนต์ แล้วรุ่งขึ้นก็สร้างรถยนต์ขึ้นมาเลย นวัตกรรมระดับที่มีความซับซ้อนชนิดที่ไม่ใช่ว่าชาวบ้านทั่วๆไปอยากจะสร้างก็สร้างได้เลยแบบนี้ ส่วนใหญ่มันมักจะเกิดจากการพัฒนาต่อยอดกันมาผ่านการลองผิดลองถูกจนตลาดยอมรับและกลายออกมาเป็นสินค้าที่ให้คนได้ใช้อย่างแพร่หลายในที่สุด ก็ถือว่าชาวเยอรมันทำได้สำเร็จนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

รถยนต์คันแรกจากชายสัญชาติเยอรมัน

แบรนด์ที่ครองใจคนไทย

สำหรับสายตาชาวไทยแล้ว คนญี่ปุ่นเป็นอีกชาติหนึ่งที่มีความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมไหนที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย มักจะมีแบรนด์จากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาด้วย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ชาติญี่ปุ่นครองตลาดประเทศไทยมากเป็นอันดับหนึ่ง จนทำให้สินค้าอื่นๆของประเทศญี่ปุ่นมักได้รับการยอมรับไปด้วยว่ามีคุณภาพไว้ใจได้ แม้ญี่ปุ่นจะไม่ใช่ชาติแรกที่ผลิตรถยนต์ขึ้นมา แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่า เขาสามารถทำ Reverse Engineering หรือการทำวิศวกรรมย้อนกลับ โดยนำรถยนต์ของชาติอื่นมาแยกชิ้นและสร้างเป็นพื้นฐานก่อนจะนำมาพัฒนาเป็นรูปแบบของตัวเองในที่สุดจนครองใจคนเกือบทั้งโลกได้ในปัจจุบัน

มหาอำนาจทางเศรษฐกิจ

สหรัฐอเมริกา ชาติมหาอำนาจที่เรียกว่ากุมอำนาจทางเศรษฐกิจของทั้งโลกเอาไว้ ก็มีนวัตกรรม และเทคโนโลยีขององค์กรที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกอย่าง NASA ที่ไปถึงนอกโลก ออกนอกระบบสุริยะกันไปแล้ว จากผลงานต่างๆเหล่านี้จะบอกว่าชาตินี้ไร้ฝีมือก็คงเป็นไปไม่ได้ ในอุตสาหกรรมรถยนต์ก็เรียกได้ว่าชื่อของ เฮนรี ฟอร์ด ผู้ที่ถูกยกย่องให้เป็น “บิดาแห่งการผลิตบนระบบสายพาน” ก็เป็นชื่อที่ถูกจารึกลงบนหน้าประวัติศาสตร์โลกและยังเป็นต้นกำเนิดของแบรนด์ Ford ตราบจนปัจจุบัน อีกสถิติหนึ่งที่น่าสนใจคือรถยนต์รุ่นแรกๆของ Ford ที่รู้จักกันอย่างดีในนาม Ford Model T ก็สร้างยอดขายไปกว่า 15ล้านคัน (นี่ขนาดเมื่อร้อยปีที่แล้วนะครับ) ทำให้ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าชนชาติอเมริกันก็เก่งไม่แพ้ชาติอื่นๆเช่นกัน

รถยนต์ Ford Model T ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Ford มานับร้อยปี

จากสามชนชาติที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ถ้าจะถามว่าใครครองตำแหน่งบัลลังก์หมายเลข1ของโลกด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ในเรื่องเทคโนโลยีรวมถึงมิติอื่นๆด้วยแล้วล่ะก็ ผมว่าเป็นคำถามที่ตอบได้ยากมากและคงไม่มีใครสามารถให้คำตอบที่แน่นอนได้ถ้าไม่หาบรรทัดฐานที่ชัดเจนมาตัดสิน

มิติด้านพลังงาน

สำหรับมิติด้านพลังงานประเทศที่พยายามจะทำให้รถยนต์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและก็สื่อสารออกมาให้ผู้คนได้รับรู้มากๆก็คงจะเป็นประเทศญี่ปุ่น ด้วยรถยนต์ที่ทำไอเสียให้เป็นศูนย์ Zero Emission พร้อมยอดขายรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นอันดับหนึ่งของโลกจากค่ายNissan ที่อยู่ในร่างของรถยนต์ที่ชื่อว่า Nissan Leaf ก็คงพอจะบอกได้ว่าเป็นก้าวความสำเร็จหนึ่งของชาวญี่ปุ่น อีกค่ายหนึ่งที่พยายามจะใช้พลังงานทางเลือกอื่นก็คือค่าย Toyota ที่นอกจากจะมีขุมพลังเครื่องยนต์ไฮบริดลิขสิทธิ์เฉพาะของตนเองแล้ว ยังมีรถยนต์ชื่อดังของค่ายที่เรียกว่า Toyota Mirai ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนหรือ Fuel Cell นั่นเอง แต่พลังงานทางเลือกไหนจะอยู่หรือไปก็คงต้องมองกันไปยาวๆ

Toyota Mirai ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน จะอยู่หรือจะไปในอนาคต

ดูเพิ่มเติม
>> Technology หลายอย่างในรถยนต์เก่ากว่าที่คุณคิด
>> Nissan เตรียมนำเสนอเทคโนโลยีอ่านคลื่นสมอง คนเป็นส่วนหนึ่งกับรถด้วยโทรจิต

ส่วนประเทศเยอรมนีก็เป็นประเทศแรกที่ผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานจากน้ำมันได้คงต้องยอมรับในแนวคิดและฝีมือที่ทำให้เป็นยานพาหนะที่คนนิยมที่สุดบนโลกนี้ในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่สองประเทศนี้เท่านั้น ประเทศสหรัฐอเมริกาเองก็ไม่ยอมน้อยหน้า เพราะแม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจากค่าย Tesla จะยังไม่ได้สร้างยอดขายรวมแซงหน้า Nissan Leaf แต่กระแสของรถยนต์ Tesla ก็มาแรงจริงๆ และก็คาดการณ์กันว่ากำลังจะโค่นรถยนต์จากค่ายร่วมชาติ Chevrolet Volt ลงไปในไม่ช้าก่อนจะมาหายใจรดต้นคอ Nissan Leaf นอกจากนั้นเจ้าของ Tesla นาย Elon Musk ยังถึงกับส่งรถยนต์ของตัวเองไปเยือนดาวอังคารชนิดที่ไม่ต้องง้อโครงการสำรวจอวกาศของบริษัทอื่นเพราะมันคือบริษัทของเขาเองที่ชื่อ SpaceX นอกจากนั้นชาติอเมริกันยังมีรถยนต์ที่สามารถวิ่งได้จริงแล้วและทุกวันนี้ก็ยังวิ่งอยู่บนดาวอังคารโดยเชื้อเพลงที่ใช้มาจากสารกัมมันตภาพรังสีพลูโตเนี่ยมที่สลายตัวคายพลังงานออกมาทำให้มันสามารถวิ่งอยู่บนดาวอังคารได้อีกนานโดยไม่ต้องเติมน้ำมันไม่ต้องพึ่งพลังงานแสงอาทิตย์เลยด้วย เห็นไหมครับว่าแต่ละชาติก็ไม่ยอมน้อยหน้ากันเลย

Tesla โชว์ศักยภาพโดยถึงกับส่งรถยนต์ของตัวเองไปสำรวจอวกาศกันแล้ว

มิติด้านฟังก์ชั่นการใช้งาน

ชาวญี่ปุ่นนับได้ว่าเป็นผู้ที่คำนึงถึงการใช้งานของลูกค้าเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านความปลอดภัยหรือความสะดวกสบาย และก็มีการดัดแปลงแนวคิดมาประยุกต์ใช้กับรถยนต์ให้ดูล้ำเข้าไปอีก อย่างเช่นรถยนต์คอนเซ็ปท์จากค่าย Honda ที่ชื่อว่า Micro Commuter Concept เน้นเป็นรถสำหรับพาชมเมืองโดยจะทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน นำข้อมูลความชอบต่างๆของเจ้าของสมาร์ทโฟนมาวิเคราะห์และเสนอสถานที่แนะนำต่อผู้ขับว่าต้องการไปที่นี่ไหมโดยที่บางครั้งเจ้าของสมาร์ทโฟนเองก็ไม่รู้ว่าจะไปไหนดี แต่รถยนต์จะวิเคราะห์ให้ อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือรถยนต์คอนเซ็ปท์ Pivo2 จากค่าย Nissan ที่มีจุดเด่นคือตัวห้องโดยสารที่หมุนได้ ล้อรถยนต์ที่หมุนได้ ทำให้สามารถจอดรถเทียบฟุตบาธได้แม้ที่จะแคบ จากรถยนต์คอนเซ็ปท์ก็มีบางแนวคิดที่เป็นจริงแล้วและบางแนวคิดยังคงต้องพัฒนาต่อไปเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้ในชีวิตจริง

รถยนต์คอนเซ็ปท์ Pivo2 จากค่าย Nissan

บริษัทรถยนต์ชื่อดังอย่าง BMW สัญชาติเยอรมัน ที่มีโครงการที่จะเปลี่ยนวิสัยทัศน์ระดับ 100 ปีของบริษัทที่ชื่อว่า BMW Group The Next 100 Years ออกมาเป็นรูปธรรมบนรถยนต์คอนเซ็ปท์ Mini Vision Next ที่มีการออกแบบที่ละเอียดอ่อนและปราณีตตามแบบฉบับของ BMW ที่ยึดถือมาโดยตลอด ทำให้ภายในของรถดูเรียบและหรูอย่างแท้จริง มีเทคโนโลยีที่โดดเด่นคือระบบขับขี่อัตโนมัติ ระบบสื่อสารกับผู้ขับ และระบบสื่อสารกับคนเดินถนนที่เรียกว่า Projection Technology เรียกได้ว่าเป็นการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งในระยะยาวจริงๆ

รถยนต์คอนเซ็ปท์ Mini Vision Next พร้อมเทคโนโลยี Projection

ภายในที่เรียบหรูของรถยนต์คอนเซ็ปท์ Mini Vision Next

ทางฟากฝั่งอเมริกานอกจากจะตอบสนองความต้องการการใช้งานของคนบนโลกด้วยรถยนต์ที่ผลิตออกมามากกว่า 500 ล้านคัน การใช้งานในทางทหารก็ยังผ่านมาแล้วที่เรียกได้ว่าเป็นคลังแสงของกองทัพเลยทีเดียว เพราะโรงงานผลิตรถยนต์ถูกเปลี่ยนเป็นโรงงานผลิตยุทธโธปกรณ์สำหรับสู้รบในสงครามโลกครั้งที่2 ทุกสรรพกำลัง ความคิด เวลา แรงงาน ถูกนำมาใช้พัฒนาทางทหารและก็ทำเอาฝ่ายตรงข้ามปราชัยไปในที่สุด ทำให้การสงครามในครั้งนั้นได้อุตสาหกรรมรถยนต์นี่ล่ะเป็นหนึ่งเครื่องมือสำคัญของกุญแจความสำเร็จทางทหาร

ระดับเครื่องบินรบ บริษัท General Motors ก็สร้างกันมาแล้ว

เพื่อนๆชาว chobrod คงจะเห็นกันแล้วใช่ไหมครับ แนวหน้าของโลกใบนี้ในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ เป็นผู้ที่ยังคงก้าวไปต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้งในทุกๆมิติ เพียงแต่ว่าแต่ละแบรนด์จะมีการสื่อสารแบรนด์ออกมาให้ลูกค้ารับรู้อย่างไร จะวางตำแหน่งแบรนด์ของตัวเองไปในทิศทางไหนเพื่อให้เอาชนะคู่แข่งทางการค้าได้ นั่นเป็นวิสัยทัศน์ของผู้บริหารของแต่ละแบรนด์ จึงทำให้เราอาจเห็นได้ว่าแต่ละแบรนด์มีจุดแข็งในมิติต่างๆไม่เท่ากัน ทั้งๆที่จริงๆแล้วอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นเลยก็ได้ อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่ตอบได้เลยก็คือว่า วงการอุตสาหกรรมรถยนต์เป็นฟันเฟืองสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆไม่เพียงแค่ด้านรถยนต์เท่านั้นแต่รวมถึงการใช้ชีวิตโดยรวมของมนุษยชาติด้วย

ดูเพิ่มเติม
>> 8 เทคโนโลยี ยนตรกรรมแห่งโลกอนาคตที่ทุกคนเฝ้ารอคอย
>> 9 เทคโนโลยีที่รถใหม่ 2018 คันต่อไปของคุณควรมี

ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่  
ต้องการซื้อรถกระบะมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้