จอทัชสกรีนกลายเป็นอุปกรณ์แสนธรรมดาไปแล้วสำหรับยุคนี้ เพราะมันหรูหราและใช้งานง่าย แต่กับอุตสาหกรรมรถยนต์มันไม่ได้มีแค่ความหรูหรา แต่มันมีบางอย่างที่คนก็ไม่ชอบอยู่ด้วย
ไอโฟนรุ่นแรกสุดออกมาเปลี่ยนประสบการณ์ของชาวโลกทุกคนไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยการทำให้หน้าจอมีเพียงปุ่ม Home ปุ่มเดียว ที่เหลือเป็นทัชสกรีนล้วนๆ ทำเอาผู้คนที่กำลังเห่อกับโทรศัพท์มากปุ่มที่ชื่อว่า Blackberry เทใจมาให้กับไอโฟนชนิดที่ฝังกลบ Blackberry ให้หายไปจากสังคมเลยทีเดียว ไอโฟนรุ่นแรกที่ทำได้แบบนั้นออกมาสู่โลกใบนี้กันตั้งแต่กลางปี 2007 และยิ่งได้ความรวมมือกับ iOS ที่ลื่นกันจนดึงคนเกือบทั้งโลกหันไปใช้ได้ด้วยยอดขายกว่า 6ล้านเครื่อง และหลังจากนั้นสมาร์ทโฟนก็เริ่มมีปุ่มกดน้อยลงเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนกระทั่งวันนี้ก็เหลือแต่หน้าจอโล่งๆไปแล้ว นับว่าการเปลี่ยนจากปุ่มมากมายระดับ20ปุ่มมาเหลือแต่หน้าจอโล่งๆในช่วง10ปีที่ผ่านมานี้ เปลี่ยนมุมมองและการใช้งานของสมาร์ทโฟนของคนทั้งโลกไปอย่างสิ้นเชิง
ไอโฟนรุ่นแรกในปี 2007
ในอุตสาหกรรมรถยนต์เองก็น่าจะไม่แพ้กัน ทุกอย่างกำลังเดินไปในแนวทางคล้ายๆกันนั้น ด้วยการผลิตที่ต้นทุนถูกกว่า เพราะใช้ชิ้นส่วนของปุ่มน้อยกว่าถ้ามีแต่จอ แถมยังปรับเปลี่ยนรูปแบบของปุ่มสำหรับรถยนต์รุ่นต่อๆไปได้ง่าย เพราะมันคือการพัฒนามาจาก Software และจากที่วิทยุมีแค่การแสดงผลบรรทัดเดียวแบบเมื่อก่อน ตอนนี้ก็กลายเป็นจอขนาดเฉลี่ยประมาณ7นิ้ว ถึงแม้จะไม่มีระบบนำทางก็ยังสามารถมีจอได้ และเพิ่มความตระการตาของลูกเล่นได้จากพื้นที่หน้าจอที่กว้างขึ้น ทุกอย่างดูดีและหรูหรา ทำเอาลูกค้าชอบใจที่รถยนต์มีฟังก์ชั่นของการสั่งการจากปุ่มกดกลายเป็นทัชสกรีนที่หน้าจอ เหมือนกับที่คุ้นเคยมาจากสมาร์ทโฟนแล้ว
แต่กับบางคนไม่เป็นแบบนั้น จากคำบอกเล่าของประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Highway England องค์กรรัฐวิสาหกิจที่ดูแลถนนที่ใช้ความเร็วสูงหรือทางด่วนของประเทศอังกฤษ กลับเริ่มจะไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนปุ่มกดทุกอย่างให้กลายเป็นทัชสกรีนให้หมด เขากล่าวว่า “เราจำเป็นต้องคิดกันใหม่เกี่ยวกับหน้าจอทัชสกรีนที่ปุ่มบนหน้านจอนั้นช่างเล็กเสียเหลือเกิน”
ในประเทศอังกฤษการจราจรค่อนข้างที่จะมีวินัยและกฎระเบียบก็เคร่งครัดซึ่งนั่นรวมถึงความปลอดภัยทางถนนด้วย Jim O’Sullivan ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Highway England ที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบทางสายหลักอย่าง Motor Way และถนนสายใหญ่ที่เรียกกันว่า A Roads ในประเทศอังกฤษกล่าวเสริมอีกว่า “ผมไม่ชอบ” ระบบทัชสกรีนในรถยนต์เลยในด้านของความปลอดภัย จากสถิติอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในยุโรป ราวๆ10-30%ของอุบัติเหตุทั้งหมดเกิดจากการที่คนขับขาดสมาธิในขณะที่กำลังขับรถ แต่แล้ว บริษัทผู้พัฒนารถยนต์ทั้งหลายก็ยังพยายามที่จะเปลี่ยนปุ่มกดต่างๆที่มีอยู่เดิมให้หายไป กลายเป็นปุ่มทัชสกรีนในเกือบจะทุกฟัง์ชั่นของรถยนต์แล้ว เช่น เครื่องปรับอากาศ วิทยุ หรือแม้กระทั่งซันรูฟ
มอเตอร์เวย์ในอังกฤษมีโครงข่ายที่กว้างใหญ่เกือบทั้งเกาะอังกฤษ
ดูเพิ่มเติม
>> เตือน! จอดรถไหล่ทางต้องมี "ป้ายสามเหลี่ยม" ฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุด 50,000 บาท
>> ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะดีอย่างไร?
ความไม่ปลอดภัยของทัชสกรีน
จากความกังวลของนาย O’Sullivan ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Highway England ต้องการที่จะเปลี่ยนเป็นความสบายใจที่ว่า แล้ว Highway England จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเหล่านี้อย่างไรดี เพราะผู้ขับขี่บางคนอาจจะไม่ได้กังวลเหมือนกับนาย O’Sullivan และอาจจะคิดว่าดีเสียอีกที่เป็นทัชสกรีน แต่ผู้ขับขี่บางกลุ่มก็อาจจะคิดเช่นเดียวกันกับ O’Sullivan ว่าปุ่มทัชสกรีนนั้นดูหรูหราก็จริงแต่ใช้ยาก เนื่องจากมันต้องมองลงบนหน้าจอก่อนที่จะกด แต่ถ้าเป็นปุ่มแข็งจริงๆที่ไม่ใช่ทัชสกรีนแค่รู้ตำแหน่งยังสามารถมองถนนไปได้ ใช้มือคลำๆหาปุ่มไปได้ทำให้สายตายังไม่ละจากถนน สร้างความปลอดภัยในการขับขี่ได้มากกว่า
ปุ่มทัชสกรีนแบบนี้ยังไงก็คงต้องมองจอเวลากด
หนึ่งในแนวทางการรับมือที่กำลังอยู่ในช่วงทดสอบก็คือ ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจร ที่จะแสดงผลในรถยนต์ ซึ่งโดยส่วนมากจะเป็นป้ายที่มักจะต้องพบเวลาขับรถยนต์บนถนนมอเตอร์เวย์ ป้ายจราจรเหล่านี้จะไปแสดงผลที่หน้าจอในรถยนต์เพื่อให้ผู้ขับขี่เห็นได้ง่ายยิ่งขึ้น ในช่วงทดสอบนี้จะเป็นการทดสอบรถยนต์ที่ติดตั้งอุปกรณ์พิเศษเพื่อใช้งานระบบนี้โดยเฉพาะในการรับส่งข้อมูล แต่ยังไม่มีการฟันธงว่าจะสามารถใช้งานจริงได้เมื่อไร ซึ่งดูๆแล้วก็จะคล้ายกับระบบตรวจสอบป้ายจราจรของค่ายรถยนต์ต่างๆที่ใช้กล้องประมวลผลแล้วแสดงผลที่จอ แต่จะต่างไปตรงที่ระบบที่กำลังทดสอบในประเทศอังกฤษนี้จะมีการสื่อสารกันระหว่างป้ายที่ติดตั้งบนถนนหรือจุดที่สมควรจะมีป้ายต่างๆกับรถยนต์ ซึ่งอนาคตอาจจะกลายเป็นว่าไม่จำเป็นต้องมีป้ายติดตั้งบนถนนแล้ว แต่การแจ้งเตือนป้ายจะไปแจ้งเตือนโดยตรงในรถยนต์เลย และถ้าทำอย่างนั้นได้จริงจะทำให้ระบบนี้เหนือกว่าระบบตรวจสอบป้ายจราจรของค่ายรถยนต์ต่างๆเพราะว่าสามารถแจ้งเตือนได้ในทุกระยะที่ต้องการไม่จำเป็นต้องให้กล้องจากรถเห็นป้ายก่อน
ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจรของค่ายรถยนต์ในปัจจุบัน กล้องต้องมองเห็นป้ายชัดเจนจึงจะแสดงผลถูกต้อง
วิธีคลายกังวลเรื่องความปลอดภัยของทัชสกรีน
อีกหนึ่งความคิดเห็นของนาย O’Sullivan คือการใช้ระบบการสั่งงานด้วยเสียงที่น่าจะดีกว่าการใช้ระบบทัชสกรีน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องทำให้ระบบสั่งงานด้วยเสียงนี้มีความเป็นธรรมชาติและใช้งานง่ายเหมือนกับการสั่งงานจากคนสู่คนจริงๆ เพราะมิเช่นนั้นแล้วจะสร้างความรำคาญให้กับผู้ขับและผู้ขับก็จะเลิกใช้ หันกลับไปใช้การสั่งงานผ่านปุ่มทัชสกรีนอยู่ดี และความปลอดภัยทางถนนก็อาจจะไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างที่ต้องการ นอกจากนั้นยังมีผลการวิจัยที่บ่งชี้ว่าการใช้ระบบนำทางที่ติดมากับรถยนต์ก็มีผลที่จะทำให้ผู้ขับรถยนต์เสียสมาธิในการขับรถพอๆกับการใช้สมาร์ทโฟนขณะขับรถเช่นกัน แต่การใช้ระบบนำทางในรถยนต์กลับไม่ได้เป็นข้อห้ามทางกฎหมาย (พูดง่ายๆคือถ้าใช้สมาร์ทโฟนที่วางติดไว้กับที่ยึดมันก็เหมือนกับการใช้ระบบนำทางที่มาพร้อมกับรถยนต์ แต่การใช้สมาร์ทโฟนกลับผิดกฎหมาย) และระบบนำทางในรถยนต์ส่วนใหญ่ก็ควบคุมผ่านทัชสกรีนแทบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ชื่อสถานที่ หรือเลื่อนหาจุดที่ต้องการบนแผนที่ นั่นหมายความว่าไม่ว่าอย่างไร อุปกรณ์ไหนในรถยนต์ ถ้าเป็นทัชสกรีนก็สร้างโอกาสทำให้เกิดอันตรายจากการขับขี่เพราะขาดสมาธิที่จะโฟกัสบนถนนได้
ระบบนำทางในรถยนต์ ขับไปกดไปคงไม่ค่อยปลอดภัยแน่
ในประเทศไทยเองก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก และแนวโน้มของเทคโนโลยีต่างๆในรถยนต์ก็มุ่งไปในทิศทางเดียวกัน จากการใช้งานจริงของระบบทัชสกรีนที่มีมากขึ้นในปัจจุบัน เพื่อนๆเห็นอย่างเดียวกับนาย O’Sullivan ไหมครับ ว่าขับไปด้วยกดปุ่มทัชสกรีนไปด้วยก็ยากขึ้นจริงๆ เพราะไม่สามารถลูบคลำปุ่มแล้วหาเจอได้เหมือนปุ่มกดแบบ Hard-switch ตัวอย่างของรถยนต์ในตลาดบ้านเราที่เครื่องปรับอากาศเป็นแบบทัช เช่น Honda City เป็นต้น
ดูเพิ่มเติม
>> Brand Loyalty แค่มีโลโก้ BMW ก็ “ขึ้นทางด่วนฟรี”
>> จอดรถบนทางด่วน ระวังโดนปรับ และอันตรายถึงชีวิต
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
ต้องการซื้อรถกระบะมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้