'ท่านั่งที่เหมาะสม' กับวิธีขับรถยังไง ไม่ให้ปวดหลัง

การขับรถในท่านั่งที่ผิดคือสาเหตุของการปวดเมื่อยทั่วร่างกาย และปวดหลังเรื้อรัง
 

ปัญหาปวดหลังอาจทวีความรุนแรงขึ้นในอนาคต ยิ่งถ้าต้องนั่งอยู่บนรถวันละ 3-4 ชั่วโมงนานๆ ผู้เชี่ยวชาญหรือหมอจัดกระดูกต่างแนะนำให้ผู้ใช้รถทุกคน ควรให้ความสำคัญกับการจัดท่านั่งให้เหมาะสมก่อนที่จะบิดกุญแกสตาร์ทรถทุกครั้ง เรามาดูวิธีการนั่งที่เหมาะสมเมื่ออยู่หลังพวงมาลัยกันดีกว่า ว่าควรนั่งอย่างไรไม่ให้ปวดหลัง

• มั่นใจว่าลำตัวของคุณนั่งอยู่ตรงกับกึ่งกลางของพวงมาลัย

• องศาที่เหมาะสมของหลังคือเอนถอยไปให้หลังตั้งประมาณ 100 องศาเท่านั้น อย่าตั้งฉากเกินไปแบบชะเง้อมองถนนหรือเอนมากไปจนแทบจะนอน

• ระยะมือจับพวงมาลัยในระดับที่พอดี งอแขนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

• การเหยียบแป้นเบรคหรือคันเร่งไม่ควรจะต้องยืดขามากเกินไป ให้งอเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
   

อย่าโทษแต่เบาะนั่งของรถคุณที่บ่นกันว่านั่งและเมื่อ ลักษณะการนั่งก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุด้วยเช่นกัน

ซึ่งลักษณะอวัยวะของร่างกายควรตำแหน่งที่กล่าวมา เป็นท่านั่งที่เหมาะสมเมื่อทุกครั้งที่คุณต้องอยู่หลังพวงมาลัย แต่อย่างไรก็ดีคุณสามารถป้องกันอาการปวดหลังซึ่งได้โดยมี 2 วิธีหลักๆ ดังต่อไปนี้
 

ท่านั่งให้ตำแหน่งสะโพกอยู่สูงกว่าหัวเข่า

ปรับระดับของเบาะให้สูงขึ้น อย่าให้ต่ำลงจนสะโพกอยู่ต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับระดับเข่าของคุณ

ถ้าสังเกตรถที่มีขนาดภายในกว้าง หลังคาสูงๆ รูปทรงของเบาะนั่งดูคล้ายกับเก้าอี้ขาสูงมาตรฐานอย่างรถ BMW X3,X6 จะนั่งสบายกว่ารถหลังคาเตี้ย เพราะสามารถใช้เบาะนั่งที่สูงกว่า วางตำแหน่งเบาะเพื่อสำหรับรับน้ำหนักของสะโพสให้อยู่เหนือหัวเข่าได้เต็มที่

จอดพักบ่อยๆ

เมื่อต้องขับรถออกต่างจังหวัด ใช้เวลานานในการเดินทาง พยายามหยุดพักบ่อยๆ อย่าขับรถต่อเนื่องเป็นเวลานานเกินไป จอดพักรถออกมายืดเส้นยืดสายบ้าง อย่าฝืนขับยาวๆ ทีเดียว อาจทำให้เส้นกดทับกันนานๆ กลายเป็นอาการปวดหลังเรื้อรังสะสมระยะยาวได้
 

ด้วยเทคนิคง่ายๆเหล่านี้ ก็สามารถช่วยทำให้การขับรถคุณ สบายกว่าที่ผ่านมาได้แล้วง่ายๆ ใส่ใจกับท่านั่งในการขับขี่รถให้มากขึ้นสักหน่อย ทุกวันที่ขับรถไปทำงานถ้าท่านั่งไม่ถูกต้องก็ไม่ต่างกับการทำร้ายร่างกายของคุณเองไปช้าๆ ทุกวัน จอดพักสักนิดอย่าฝืนนั่งรถเป็นเวลานานเกินไป ถึงแม้การนั่งที่ผิดท่าขะยังไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรตอนที่นั่งนานๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะดีสำหรับคุณ
 

ที่มา :: telegraph

>> "คนท้อง" ต้องขับรถอย่างไรให้ถูกต้องและปลอดภัย
>> “หัดขับรถ” ทำยังไงให้เป็นเร็ว