ช่างบอกมา 3 สาเหตุง่ายๆ ที่ทำให้รถพังมานักต่อนัก

ประสบการณ์ใช้รถ | 13 ส.ค 2561
แชร์ 6

รถเอ๋ยรถยนต์ ถึงแม้รถยนต์จะคือเพื่อนแท้ในการเดินทาง แต่มันก็ต้องแลกมากับการดูแลที่ต้องใช้ความใส่ใจมากพอสมควร เพื่อดูแลเพื่อนแท้คันนี้ให้อยู่กับเราไปนานๆ แต่เชื่อไหม ว่าหลายๆ ครั้ง สาเหตุที่รถของเราต้องคอตกเข้าอู่นี้ ไม่ได้มีสาเหตุอะไรพิสดารเลย วันนี้เราได้มีโอกาสคุยกับ “ช่างใหญ่” ที่คลุกคลีกับการซ่อมรถมากว่า 10 ปี เพื่อถามถึงสาเหตุส่วนมากที่ทำให้รถพังกัน

1. แบตหมด

ตรวจสอบแบตเตอรี่เสมอๆ

ตรวจสอบแบตเตอรี่เสมอๆ

“แบตนี่สำคัญมากเลยนะคุณ เพราะไอ้ส่วนต่างๆที่อยู่ในรถนี้มันก็ทำงานด้วยระบบไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่ และถ้าแบตเตอรี่หมด รถคุณก็จบ” ช่างใหญ่บอกกับเรา คุณสามารถสังเกตุอาการแบตเตอรี่ของคุณได้ง่ายๆ ทั้งจากสัญลักษณ์บนหน้าคอนโซล หรืออาการสตาร์ทยาก หรือเสียงตอนขณะสตาร์ท ซึ่งเมื่อแบตเตอรี่หมด วิธีการแก้เบื้องต้นคือทำการ จัมป์สตาร์ท จากรถคันอื่น ซึ่งเจ้าอุปกรณ์สำหรับการจัมป์สตาร์ทนี้คุณควรจะมีติดรถใว้ และหากคุณไม่อยากพบอาการแบตเตอรี่หมด ก็หมั่นดูแลแบตเตอรี่ เติมน้ำกลั่น และวัดระดับไฟอยู่เสมอๆ 2 - 3 เดือนครั้ง

ดูเพิ่มเติม
>> 
ความหมายของสัญลักษณ์บนยางรถยนต์
>> ลับยางยืดอายุการใช้งาน เรื่องเล็กๆที่ไม่ควรมองข้าม

2. ยางอ่อน / ยางเสื่อม

ไม่ขับยางก็เสื่อมได้นะ

ไม่ขับยางก็เสื่อมได้นะ

“ไม่งันร้านปะยาง ร้านดูแลยางถึงไม่ขายดิบขายดีหรอก เพราะยางนี้คือส่วนที่ใช้งานหนักทุกครั้งที่สตาร์ท และหนักกว่าเมื่อไม่ได้สตาร์ท คุณจอดเฉยๆ ยางคุณก็เสื่อมได้“ ยางคือส่วนสำคัญมาก และอุบัติเหตุหลายๆ ครั้ง ก็มีสาเหตุมาจากการทำงานที่ผิดปกติของยาง โดยเมื่อยางของคุณแบน หรือลมยางไม่เพียงพอ นั่นหมายถึงว่ารถยนต์ของคุณต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อให้รถทำงานได้ตามที่คุณต้องการ ดังนั้น การเปลี่ยนยางตามกำหนด หรือดูแลลมยางอยู่เสมอ จึงสำคัญนะ

3. เครื่องยนต์ร้อนจนเกินไป

สาเหตุคลาสสิค เครื่องร้อนจนเกินไป

สาเหตุคลาสสิค เครื่องร้อนจนเกินไป

“อันนี้ก็ต่อมาจากข้อที่แล้ว ยิ่งรถทำงานหนักมันก็ต้องร้อนเร็ว ยิ่งหน้าร้อนยิ่งแล้วใหญ่” ดังนั้น คนขับจึงต้องสังเกตุอุณหภูมิภายในห้องเครื่องอยู่เป็นระยะๆ ยิ่งฤดูร้อนแบบประเทศไทยแล้วด้วยต้องสังเกตุบ่อยขึ้น โดยสาเหตุที่เครื่อยนต์ร้อนเกินไปก็มีหลายสาเหตุ ทั้งน้ำหล่อเย็นในระบบน้อยเกินไป เกิดได้จากที่มีสายส่วนใดส่วนหนึ่งเกิดรั่ว ปั้มน้ำทำงานผิดปกติ พัดลมระบายความร้อนเสียหรือทำงานผิดปกติ หรืออื่นๆ ดังนั้น ควรดูแลระบบระบายความร้อนของรถด้วย ทั้งการดูระดับน้ำในหม้อน้ำ และตรวจสภาพรถตามกำหนด

Chobrodขอฝากความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไว้เพียงเท่านี้และอย่าลืมแชร์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องรถยนต์ของคุณให้เราด้วยโดยการให้ Comment ด้านล่างนี้ได้เลย 

ดูเพิ่มเติม
>> 
10 ข่าวเด่นประจำสัปดาห์วันที่ 6 ส.ค. - 12 ส.ค. 2018
>> สงสัยกันไหมทำไมฮอนด้าไม่มีรถกระบะ แล้วisuzu ไม่มีรถเก๋ง

ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่  
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดีและน่าเชื่อถือ เชิญที่นี