คันไหนที่สำหรับหลายคนอาจจะเป็นรถคันแรก และการตัดสินใจคงไม่ง่ายนักกับรถสองรุ่นนี้ซิตี้คาร์เนื้อดีน่าขับทั้งคู่ และราคาเริ่มต้นพอเอื้อมถึง ฝั่งหนึ่งกับ Mazda2 รถหนึ่งรุ่นที่ก้าวขึ้นมาติดอันดับรุ่นที่ขายดีของไทยตอนนี้ ตั้งแต่มีการปรับขนาดเพื่อมาลุยตลาดอีโคคาร์เต็มตัว ก็ดูเหมือนว่าจะโดดเด่นเกินหน้าเกินรุ่นอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด เปรียบกับอีกรุ่นจากค่าย “ทรีไดมอนด์” Mitsubishi Mirage รถทรงเล็กกะทัดรัดที่ดูเรียบง่าย และดูที่รายละเอียด รุ่นไหนจะหน้าซื้อมากกว่ากัน ซื้อคันไหนดี ไปหาคำตอบพร้อมๆ กันได้เลย
เปรียบเทียบ Mazda2 กับ Mitsubishi Mirage ซื้อคันไหนดี?
ถ้าพูดถึงรถในขนาด Compact Car แบบ 5 ประตูแบบ Hatchback น่าใช้ในตลาดเมืองไทยสองรุ่นนี้แม้จะแตกต่างที่ขนาดเครื่องยนต์เพียงเล็กน้อย แต่ก็มักจะถูกนำมาเปรียบเทียบด้วยกันเสมอ ระหว่าง Mazda2 กับ Mitsubishi Mirage ว่าควรซื้อคันไหนดี คันไหนคุ้มค่ามากกว่ากัน คันไหนที่เรื่องอุปกรณ์ออพชั่นให้มาพร้อม และตอบโจทย์ทุกการใช้งานของรถยุคนี้มากที่สุด วันนี้ Chobrod.com จะพาคุณไปหาคำตอบพร้อมๆ กัน จากการเปรียบเทียบทั้งภายนอก ภายใน เครื่องยนต์ และอุปกรณ์ที่แต่ละรุ่นให้มาในตัวท็อป
Chobrod.com จะพาคุณไปหาคำตอบพร้อมๆ กัน ว่าระหว่างสองรุ่นนี้คันไหน น่าซื้อกว่า
ดูเพิ่มเติม
>> สุดคุ้มค่า!! Mitsubishi Mirage 2018 ติดอันดับรถที่ประหยัดค่าบำรุงที่สุดในสหรัฐ
>> อิวะซะกิ ยะตะโร (Iwasaki Yatarō) จากครอบครัวชาวนา ผงาดสู่ ผู้ก่อตั้ง Mitsubishi Motors
การเปรียบเทียบในครั้งนี้ จะเป็นการนำรุ่นย่อยตัวท็อปของแต่ละรุ่นมาทำการเปรียบเทียบ ให้เห็นดำเห็นแดงกันไปเลย ว่าที่สุดแล้วนั้นของแต่ละรุ่น ใครเด็ดกว่ากัน โดยตัวท็อปของ Mazda2 ที่นำมานี้ จะเป็นรุ่นเครื่องยนต์เบนซินเพื่อความเท่าเทียมกับคู่แข่งอย่าง Mirage (ซึ่งMazda2 มีตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.5L ให้เลือกด้วย ที่ตัวท็อปราคาเริ่มต้น 680,000 บาท)
เปรียบเทียบราคา Mazda2(Hatchback) กับ Mitsubishi Mirage
*อัพเดทราคาเมื่อ 08/2018
ตีเป็นเลขกลมๆ ที่ Mazda2 แพงกว่าราว 6 หมื่นบาท อะไรบ้างที่ได้มากกว่าถ้าต้องจ่ายไปเพื่อค่าตัวไปแพงกว่าของ Mazda2 หรือจะใช้งานได้พอๆ กันแต่ประหยัดกว่าแบบ Mirage เป็นทางเลือก ไปหาคำตอบพร้อมๆ กันได้เลย
Mazda2
กับในโฉมของ Hatchback ซึ่งเป็นที่นิยม และเห็นกันบ่อยตามท้องถนน(ราคามือสองตกน้อยกว่าด้วย)สำหรับ Mazda2 ที่มีการเปิดตัวไมเนอร์เชนจ์ของปี 2018 ไปเมื่อไม่นาน แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ที่เน้นความโฉบเฉี่ยวเป็นสำคัญ สุดเฉียบกับความเร้าใจไม่มีที่สิ้นสุด ให้ความรู้สึกสปอร์ตทุกมิติการมอง แม้จะอยู่ภายใต้ของโฉมรถ Compact ก็ตาม
สปอร์ตเร้าใจคือปณิธานหลักของการออกแบบที่ภายนอกของ Mazda2
ไล่ไปตั้งแต่ด้านหน้ากับไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ ที่มาพร้อม Daytime Running Lamp ในตัวโคม ลุคเฉียบกับกระจังโครเมี่ยมที่แฝงลายละเอียดด้วยลายคาร์บอน พร้อมไฟตัดหมอกที่ด้านล่างทรงสปอร์ตเข้ากับส่วนหน้าได้เป็นอย่างดี พริ้วไหวต่อเนื่องกับเส้นสายด้านข้างจากพลังการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “KODO Design” ที่ผสานความงามแต่เปี่ยมด้วยพลังไว้เต็มที่ มือจับประตูสีเดียวกับตัวรถ เช่นเดียวกับกระจกมองข้าง ให้ความรู้สึกลงตัวได้เป็นอย่างดี ต่อเนื่องจนไปจนถึงไฟท้ายที่ดีไซน์โฉบเฉี่ยวไม่แพ้ไฟหน้าเห็นได้ชัดเจนในยามค่ำคืน และเพิ่มความสปอร์ตให้สุดยิ่งขึ้นกับสปอยเลอร์หลังสีเดียวกับตัวรถและปลายท่อไอเสียแบบโครเมียม โดยล้อที่ให้มาจะเป็นขนาด 16 นิ้ว สองเฉดสีผสมปัดเงาและดำรวมกัน
Mitsubishi Mirage
ความเรียบง่าย Minimal อาจเป็นนิยามที่ชัดเจนที่สุดของรถรุ่นนี้ ที่ภายนอกถูกออกแบบที่เน้นในเรื่องความกะทัดรัด ในการใช้งาน แม้แค่มองก็รู้สึกได้ถึงความคล่องตัว แต่ยังแฝงควาพิเศษช่วยให้ดูดีขึ้นไว้ตามจุดต่างๆ ไม่ให้ดูน่าเบื่อจนเกินไป ไฟหน้าในแบบโปรเจคเตอร์ Bi-XENON HID คือหนึ่งจุดที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่นของรถคันนี้ได้เป็นอย่างดี เพิ่มเติมความโฉบเฉี่ยวเข้าไปอีกที่ด้านล่างบริเวณช่องดักลมของกันชน ยังตกแต่งด้วยโครเมี่ยมเพิ่มมาอีก ที่ขนาบข้างด้วยไฟตัดหมอกทั้งสองฝั่ง เมื่อมองมาที่ด้านข้างจะยิ่งชัดเจนถึงความเรียบง่าย กับเส้นตัดกลางตัวรถเป็นเส้นตรง ซึ่งถูกวางไว้เหนือมือจับเปิดประตูสีเดียวกับตัวรถ ไม่ค่อยให้ความรู้สึกพิเศษอะไรนัก เช่นเดียวกับไฟท้าย และมือเปิดฝาประตูท้ายก็มาทรงเดียวกับมือจับเปิดประตูทั้งสองข้าง จะดูดีหน่อยก็คงจะเป็นกันชนหลัง ที่ดีไซน์ให้ความเร้าใจขึ้นอีกนิด ล้อที่ใช้เป็นล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วก้านถี่ที่สีเป็นแบบทูโทน
Mitsubishi Mirage ภายนอกเน้นเรียบง่าย ความสปอร์ตหรือโฉบเฉี่ยวต้องหากันอีกที
เปรียบเทียบมิติตัวรถ Mazda2 กับ Mitsubishi Mirage
ว่าด้วยเรื่องมิติตัวถัง Mazda2 จะได้เปรียบกว่านิดๆ ในทุกมิติเว้นเสียแต่เรื่องความสูงของตัวรถที่ Mirage สูงกว่า ด้วยเรื่องของคลาสรถที่ Mazda ต้องทำออกมาเพื่อลุยแข่งกับรถประเภท B-Segment เป็นหลัก แน่นอนว่าขนาดในเรื่องมิติต้องเทียบเท่า จึงทำให้เปรียบในเรื่องนี้ รวมไปถึงเรื่องของดีไซน์ที่มุ่งชัดในเรื่องของความสปอร์ต โฉบเฉี่ยวแบบจัดเต็ม และดูดีกว่า คะแนนยกนี้ต้องให้เลยกับฝั่ง Mazda2 ที่ทำได้โฉบเฉี่ยวเร้าใจมากกว่าอีกฝั่งอย่าง Mitsubishi Mirage ที่ทำออกมาจนดูเรียบ “มากเกินไป” ไม่มีจุดเด่นอะไรทำให้เร้าใจน่าขับมากนัก ยกนี้จึงเป็นทางฝั่ง Mazda2 ที่เข้าวินเก็บแต้มแรกไปก่อนได้
Mazda2
ด้วยคอนเซ็ปต์ Human-Machine Interface เพื่อทำให้ทุกการใช้งานในอุปกรณ์ภายในของ Mazda2 คันนี้ ทำได้ง่ายกว่า ทุกปุ่มกดและการแสดงผลผู้ขับขี่จะสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องละสายตาออกจากเส้นทาง “หนึ่งทีเด็ด” ของรถรุ่นนี้คงหนีไม่พ้นในเรื่องของหน้าจอแสดงผลการขับขี่ Active Driving Display แบบสี ที่รุ่นปี 2018 ปรับปรุงที่ดียิ่งขึ้นเพื่อทัศนะวิสัยในการใช้งาน จอใสๆ บนสุดของคอนโซลหน้าผู้ขับที่สามารถพับเก็บได้จะใช้แสดงข้อมูลสำคัญต่างๆ ในการขับขี่ เช่น บอกระดับความเร็ว, ข้อมูลระบบนำทาง Navigator และสัญลักษณ์เตือนจากระบบความปลอดภัยอัตโนมัติ ชัดเจนอ่านง่ายในระดับสายตา การออกแบบของภายใน Mazda2 ทำออกมาอยู่ในระดับพรีเมี่ยม เกินหน้าตาคู่แข่งด้วยวัสดุที่เป็นหนังมาช่วยในการตกแต่ง ใช้โทน สีแบบ All Black เป็นหลักและตัดแซมด้วยสีเงินเมทัลลิกตามจุดต่างๆ
โดยอุปกรณ์ภายในที่น่าสนใจใน Mazda2 มีดังต่อไปนี้
Mazda2 ภายในหรูหรา พรีเมี่ยม ยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับภายนอก
Mitsubishi Mirage
ยังคงไว้ซึ่งความเรียบง่ายต่อเนื่องมาจากดีไซน์ของภายนอก แต่แฝงให้ด้วยความหรูหราเล็กๆ ที่ใช้ตกแต่งเป็นสี Paino Black ให้กับแดชบอร์ดหน้า แผงเกียร์ และพวงมาลัย โทนสีของภายในจะเป็นสีดำ แต่ดีที่อุปกรณ์การใช้งานหลายอย่างยัง “ทันยุค” เช่น หน้าจอสัมผัสขนาด 6.5 นิ้วที่มาพร้อมระบบนำทาง, การรองรับทุกการเชื่อมต่อได้หลากหลาย, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น, กุญแจอัจฉริยะ KOS พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ เป็นต้น
โดยอุปกรณ์ภายในที่น่าสนใจใน Mitsubishi Mirage มีดังต่อไปนี้
ภายในเรียบเกินไปจนทำให้รู้สึก “น่าเบื่อ” สำหรับ Mirage
สรุปรวมว่าด้วยเรื่องของภายใน ชัดเจนที่ Mazda2 มี “ของเล่น” มาให้เยอะกว่า แม้จะมองในมุมของ Mirage ที่ถือว่าทำได้ดีในเรื่องอุปกรณ์การใช้งานเบื้องต้นที่ทันยุค ครบชุดในเรื่องทั้งความบันเทิงและอำนวยต่อผู้ขับขี่ใช้งานก็ตาม แต่ก็ยังด้อยกว่า Mazda2 อยู่หลายอย่าง อีกทั้งยังมีหนึ่งข้อเสียเปรียบ ที่ทำให้ Mirage สู้ Mazda2 ไม่ได้นั่นเลยนั่นคือ เรื่องของดีไซน์การตกแต่งภายในที่ Mirage ทำออกมาได้ “น่าเบื่อ” เสียเหลือเกิน นี่ถ้าไม่มองว่าอุปกรณ์ต่างๆ ในรถดูทันยุค มีหน้าจอสัมผัสมาให้แล้ว มองเฉพาะแต่ดีไซน์ในตัว Mirage นึกว่ากำลังนั่งอยู่บน “โตโยต้าสามห่วง” ถ้าเพียง “แค่ขับ” ไม่คิดอะไรมาก Mirage ก็พอที่จะเลือกได้ แต่ถ้าอยากรู้สึก “พิเศษ” ยิ่งขึ้นต้องไปทาง Mazda2 เท่านั้น และฝ่ายที่เข้าวินไปในยกนี้ก็อีกเช่นกันคือ Mazda2 ที่พร้อมมอบความรู้สึกพิเศษให้กับผู้ขับขี่ได้มากกว่า
Mazda2
ในเวอร์ชั่นเครื่องยนต์เบนซิน Mazda ปรับลดขนาดเครื่องยนต์จากเดิมที่ใช้เป็นเครื่องยนต์ 1.5L จนล่าสุดลดขนาดเพื่อดึงดูดผู้สนใจในตลาดรถอีโคคาร์ด้วย มาอยู่ไซส์ 1.3L Skyactiv-G แบบ 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว พร้อมกำลังม้าอยู่ที่ 93 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 123 Nm จับคู่กับระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 6 Speed แบบ Skyactiv Drive ที่มีโหมดการขับขี่ ActiveMatic มาให้ด้วย และเติมเต็มอารมณ์สปอร์ตให้มากยิ่งขึ้นกับ Sports Paddle Shift มาไว้ให้ “สับ” กระดิกนิ้วมันส์ๆ เมื่ออยากได้ฟีลการขับที่อัตราทดต่อเนื่องยิ่งขึ้น รองรับน้ำมันสูงสุดแบบ E20 ที่ประหยัดยิ่งขึ้นด้วยระบบประหยัดพลังงานอัจฉริยะ i-ELOOP และ i-Stop
Skyactiv-G ขนาด 1.3L ใน Mazda2 แรงดีแถมซดน้ำมันแต่พองาม
Mitsubishi Mirage
ผสานการทำงานของระบบขึ้นชื่อของค่าย MIVEC แบบ 12 วาล์ว ขนาดเครื่องยนต์ 1.2L พร้อมระบบวาล์วแปรผันฝั่งไอดี MIVEC (MITSUBISHI INNOVATIVE VALUE TIMING ELECTRONIC CONTROL SYSTEM) รีดแรงมาได้อยู่ที่ 78 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 100 Nm และทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ INVECS-III แบบ CVT ที่มีระบบ G-SENSOR เพื่อช่วยควบคุมความแม่นยำการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ในทางลาดชัน และรองรับน้ำมันสูงสุดแบบ E20 เช่นกัน
เครื่องยนต์ 1.2L พร้อมระบบวาล์วแปรผันฝั่งไอดี MIVEC จาก Mirage
เปรียบเทียบด้านสมรรถนะของ Mazda2 กับ Mitsubishi Mirage
ความประหยัดพอๆ กันแต่เวลาที่ทำความเร็วนั้นดีกว่า สำหรับ Mazda2 ด้วยแรงม้าและแรงบิดที่มีมาให้มากกว่า ก็ในเมื่ออัตราเร่งดีกว่า ความเร็วสูงสุดดีกว่า แถมความประหยัดก็พอๆ กัน ไม่ต่างกันมากขึ้นอยู่กับลักษณะการขับขี่ เมื่อเทียบกันแล้วเหตุผลอะไรที่จะไม่เลือก Mazda2 จึงต้องยกคะแนนของยกนี้ให้ Mazda2 เป็นฝ่ายเข้าวินไปอีกคำรบ
Mazda2
ระบบความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ของ Mazda2 ถือเป็นจุดขายสำคัญที่ทำให้รถรุ่นนี้ขายดีเทียบเท่าคู่แข่งเจ้าใหญ่หลายรุ่น ทั้ง Honda City, Toyota Vios แม้ตัวรถจะอยู่ในระดับราคาเทียบแค่อีโคคาร์, B-Segment แต่ความปลอดภัยบางระบบที่ให้มาก็ดูดีไม่แพ้รถราคาแตะล้านในค่ายของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น Mazda3, CX-5 แม้น่าเสียดาย ที่จำนวนถึงลมให้มาน้อยไปหน่อย แต่ก็น่าจะทดแทนได้ด้วยระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลนและ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาในขณะถอยหลังแทน และในเรื่องระบบความปลอดภัยอื่นๆ ของ Mazda2 มีอะไรบ้างที่น่าสนใจไปดูกัน
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาในขณะถอยหลัง RCTA
Mitsubishi Mirage
จุดเด่นสำคัญของระบบความปลอดภัย ซึ่งน่าเป็นจุดที่เด่นที่สุดแล้วของรถรุ่นนี้ก็คือ ในเรื่องของการใช้เซ็นเซอร์เพื่อช่วยตรวจจับสิ่งกรีดขวาง และช่วยเบรก เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุหรือลดดความรุนแรงได้ เหนือระดับกว่าทุกรุ่นของ Segment ที่ทาง Mirage จัดมาไว้ให้เป็นรุ่นแรกๆ ของกลุ่ม มั่นใจได้มากขึ้นในทุกครั้งที่ขับขี่ โดยระบบความปลอดภัยที่น่าสนใจของรถรุ่นนี้จะมีอะไรบ้างไปชมกัน
ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ FCM-LS
แม้จะดูติ๋มๆ ในหลายๆ ด้านสำหรับ Mirage แต่ก็ยังพอมีดีในยกสุดท้ายคือเรื่องของความปลอดภัย ใช่ว่า Mazda2 จะให้มาไม่ดี แต่ด้วยเทคโนโลยีในการช่วยเบรก เหมือนรถเป็นเพื่อนที่คอยช่วยเตือนผู้ขับขี่ในบางสถานการณ์ ถือว่าล้ำหน้ามากสำหรับรถที่ผลิตในไทยตอนนี้ และมีแค่เพียง Mirage ที่ให้มากับรถราคาระดับนี้ จึงต้องให้ Mirage เข้าวินในยกนี้ไปอย่างปฎิเสธไม่ได้
*** ดูเพิ่มเติมราคา มิตซูบิชิ มิราจ 2020 มือสองที่มีขายในประเทศไทย
กับราคาที่ห่างกันระดับ 5-6 หมื่นซึ่งถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียวที่ต้องจ่ายแพงกว่า แล้วคุ้มไหมถ้าต้องจ่ายแพงกว่าเพื่อไปคว้า Mazda2 ซึ่งเข้าวินไปได้ในแต่ละยก และมาเสียท่าตกม้าตาย แพ้น่าอายในเรื่องระบบความปลอดภัยเพียงเรื่องเดียว
คุณพอใจไหมที่จะจ่ายแพงกว่าไหม? สำหรับรุ่นที่แพงกว่า แต่เหนือกว่าหลายด้านอย่าง Mazda2
คุณพอใจไหมที่จะจ่ายแพงกว่าไหม? สำหรับ Mazda2 ในเรื่องดีไซน์ที่จะได้ความสปอร์ตมากกว่า สวยล้ำไม่น่าเบื่อ แม้อาจจะประเมินไม่ได้ ตีเป็นเงินเท่าไรในเรื่องของภายนอก ด้วยความชอบส่วนตัวแต่ละคนอาจจะตีราคาที่แตกต่าง แค่ขนาดมิติในตัวรถเท่านั้นที่ทาง Mazda2 อาจจะดูใหญ่กว่านิดๆ ด้วยตัวเลขที่พิสูจน์ได้จริง
คุณพอใจไหมที่จะจ่ายแพงกว่าไหม? สำหรับ Mazda2 ที่เรื่องของภายในด้วยดีไซน์เจนจัดกว่าอย่างชัดเจน Mazda2 ทำได้ดีเหนือกว่า Mirage แม้ว่าทาง Mirage จะพยายามแล้วด้วยการใช้วัสดุตกแต่งเข้ามาช่วย แต่ก็ไม่สามารถช่วยสร้างให้มีอารมณ์ร่วมทำให้อยากขึ้นไปนั่งรถคันนี้สักเท่าไร ผิดกับอีกอารมณ์ที่ได้รับจาก Mazda2 ซึ่งมันดูดีเสียเหลือเกิน ถ้ามาตรฐานการผลิตและวัสดุที่ใช้ทำได้ดีกว่านี้อีกหน่อย ใครที่ซื้อ Mazda2 ไปก็คงไม่ต่างกับการได้นั่งรถยุโรป อีกทั้งอุปกรณ์ในการใช้งานภายที่มีแต่ในเฉพาะค่าย Mazda เท่านั้น น่าจะเป็นจุดเด่นที่ช่วยทำให้ภายในดูดีกว่า Mirage ได้อีกหนึ่งจุด
หน้าจอสี Center Display และหน้าจอ Active Driving Display
ดูเพิ่มเติม
>> Mazda ประเทศไทยจำหน่าย New Mazda2 2018 แล้ว
>> ตกตะลึงกับค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถหรูระดับสูงสุดของโลก
และคุณพอใจไหมที่จะจ่ายแพงกว่าไหม? ถ้าเป็นเรื่องของเครื่องยนต์ที่จุดนี้ Mazda2 ยิ่งทำให้ยอมจ่ายแพงกว่าได้อย่างชัดเจนที่สุด ด้วยตัวเลขความประหยัดพอๆ กัน แต่ถึงเวลาที่จะต้องเร่งต้องแซงหรือจะทำความเร็ว Mazda2 ให้ความมั่นใจได้มากกว่า Mirage แน่นอน อย่าว่านี่เป็นแค่การเปรียบเทียบสำหรับรถใช้งานในเมือง เพราะต้องมีหลายคนที่ซื้อรถไปก็คงอยากใช้ขับเที่ยวทางไกลได้ ออกต่างจังหวัดในวันพักผ่อนทำได้ดีซึ่ง Mazda2 น่าจะตอบโจทย์ได้ครอบคลุมการใช้งานมากกว่าในเรื่องการขับขี่
แม้เรื่องความปลอดภัยที่ Mirage ดูได้เปรียบข้อนี้อยู่หนึ่งจุด แต่ใช่ว่าจำนวนถุงลมที่ให้มาจะแตกต่าง ก็พอกันที่สองใบคู่หน้า ใช่ที่ Mazda2 ยังไม่มีระบบ “ช่วยเบรก” เข้ามาให้ในเวอร์ชั่นขายปีนี้ แต่รุ่นปรับปรุงต่อไปน่าจะมาอย่างแน่นอน เพราะรุ่นอื่นๆ ในค่ายมีให้กันมาหมดแล้ว
พูดถึงในตอนนี้ก่อนกับราคาที่แพงกว่า ถือว่าคุ้มถ้าคุณจะยอมจ่ายแพงกว่า ได้ทั้งความสวยทั้งภายนอกและภายในกับรถที่จะต้องอยู่กับเราไปอีกนาน เครื่องยนต์อัตราเร่งทันใจกว่าแถมกินน้ำมันไม่ต่างกับคู่แข่ง สรุปสุดท้ายถ้าเปรียบเทียบระหว่างสองรุ่นนี้ Mazda2 กับ Mitsubishi Mirage คำตอบที่เราอยากแนะนำให้คุณซื้อนั่นคือ Mazda2 เป็นคำตอบสุดท้าย
อีกหนึ่งความคิดเห็นจากเรา Chobrod.com เพื่อหวังจะช่วยให้คุณที่กำลังสนใจระหว่างรถสองรุ่นนี้อยู่ นำไปประกอบการตัดสินใจเพิ่ม อีกทั้งปัจจัยที่นำมาตัดสินในครั้งนี้ไม่ได้นำเรื่องของบริการหลังการขายเข้ามาเกี่ยวที่แต่ละคนอาจมีประสบการณ์แตกต่างกัน และการตัดสินใจซื้อรถในแต่ละรุ่นของแต่ละคนนั้น ย่อมมีปัจจัยที่แตกต่างมากกว่าเพียง 4-5 ข้อที่ว่าไปก่อนหน้าอย่างแน่นอน ผู้ซื้อคือคุณเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสินใจจากภาพรวมส่วนตัวทั้งหมด และอย่าลืมบอกกับเราด้วยว่าระหว่างสองรุ่นนี้ เป็นคุณจะเลือกคันไหนและเพราะอะไร ที่คอมเม้นท์ด้านล่างนี้ได้เลย