ความแตกต่างของ SUV และ PPV ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจ

ประสบการณ์ซื้อขายรถยนต์ | 6 ก.ย 2560
แชร์ 5

จากที่เคยเขียนบทความเกี่ยวกับรถ SUV น่าสนใจ แต่กลับมีผู้อ่านบางคนแย้งว่า Fortuner ไม่ใช่ SUV นะ ทำไมเอามารวมด้วยละ ก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะเขียนถึงความเหมือนที่แตกต่างของรถ SUV และ PPV ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นรถประเภทเดียวกันหรือเปล่า หรือจริงๆ แล้วมันเป็นยังไง

สิ่งที่เมืองไทยแตกต่างกับตลาดโลกคือ ทั่วโลกไม่ได้บรรจุรถประเภท PPV ไว้เป็นกลุ่มรถใดๆ ที่ชัดเจน แต่ถูกระบุไว้เป็นเพียงกลุ่มย่อยกลุ่มหนึ่งเท่านั้นของรถประเภท SUV แต่ด้วยความที่คนไทยนิยมชมชอบกับรถกระบะ ก็จึงเป็นผลพวงจากการตลาดที่ทำให้ผู้ซื้อมั่นใจกว่าที่จะใช้รถ SUV ที่มีโครงสร้างมาจากรถกระอย่างรถ PPV

SUV มีพื้นฐานมาจากรถเก๋ง

รถประเภท SUV ที่ย่อมาจากคำว่าว่า Sport Utility Vehicle จากที่เคยจดจำกันมากับคำว่า “รถตรวจการณ์” ในสมัยก่อนพวกรถ Jeep Cherokee, Land Rover, Land Cruiser มาจนปัจจุบันคำนี้อาจจะหายไป กลายมาเป็นคำว่า “รถอเนกประสงค์” และคำว่ารถ “รถ SUV” ทับศัพท์ไปเลย อย่าง Honda CR-V ที่จำหน่ายในเมืองไทยตั้งแต่ Gen แรกก็นิยมเรียกกันว่ารถอเนกประสงค์

Land Rover รถอเนกประสงค์
Land Rover จุดเริ่มต้นของคำว่า รถอเนกประสงค์ ที่ตอนแรกนิยมเรียกกันว่ารถตรวจการณ์

จนวันนี้ลักษณะรถประเภท SUV ก็อาจจะกำกวม มีทั้งขับเคลื่อนสี่ล้อบ้าง ขับเคลื่อนสองล้อบ้าง รถ SUV ไม่จำเป็นที่จะต้องขับลุยโคลน ลุยป่าฝ่าดงอีกต่อไปแล้ว แต่กลับเป็นที่นิยมใช้งานบนป่าซีเมนต์ในเมืองใหญ่ซะมากกว่า

พื้นฐานโครงสร้างก็มาจากรถเก๋ง ช่วงล่างแบบเดียวกัน เครื่องยนต์บล็อกเดียวกันแค่ลักษณะโครงสร้างบอดี้ตัวถังเปลี่ยนไปเท่านั้น อาจมีเพิ่มระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเข้ามา เพื่อให้ดูมีความแตกต่างก็เท่านั้น ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างรถ Mazda 3 ที่เป็นรถเก๋งซีดาน กับ Mazda CX-5 ซึ่งเป็นรถ SUV ที่ทั้งสองมีระบบกันสะเทือนจะเป็นแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ในด้านหน้าและอิสระมัลติลิงค์พร้อมเหล็กกันโคลงในด้านหลังเหมือนกัน บอกได้ว่าพื้นฐานของช่วล่างของทั้งสองรุ่นแทบจะไม่แตกต่างกันเลย

CR-V กับ CX-5 รถ SUV แท้ๆ
CR-V กับ CX-5 รถ SUV แท้ๆ

ดังนั้นถ้าให้จำง่ายๆ ก็คือรถ SUV แท้ๆ จะมีลักษณะการทำงานคล้ายกับรถเก๋งซีดาน แค่เพียงตัวถังดูใหญ่กว่า สามารถใช้งานได้หลากหลาย พื้นที่ภายในกว้างกว่า รูปทรงรถจะมีลักษณะท้ายตัดคล้ายๆ รถประเภท Hatchback หรือ Wagon ยกสูงแต่ไม่จำเป็นต้องขับเคลื่อนสี่ล้อเสมอไป

รถ PPV คือกระบะดัดแปลง

รถ PPV ย่อมากจากคำว่า Pickup truck base Passenger Vehicle แค่ชื่อภาษาอังกฤษก็ตรงตัวว่าเป็นรถอเนกประสงค์ที่มีพื้นฐานโครงสร้างมาจารถกระบะ ซึ่งถ้าจำแนกประเภทรถตามหลักสากลแล้วยังไม่ได้กำหนดรายละเอียดที่ชัดเจนของรถประเภท และตลาดโลกก็ไม่มี มีแต่ที่เมืองไทยนี่แหละที่พูดต่อๆ กันมาจนทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นรถอีกประเภทหนึ่งแยกออกมา ซึ่งความจริงแล้วมันก็คือ “รถกระบะดัดแปลง” เท่านั้น

Nissan X-Trail ก็เป็น PPV ที่ดัดแปลงมาจาก Nissan Navara
Nissan X-Trail ก็เป็น SUV

ที่เกริ่นไว้ตอนเแรกว่าเมืองไทยนิยมใช้งานรถกระบะ เพราะเรื่องความทน ซ่อมน้อย ไม่จุกจิก ค่ายรถผู้ผลิตก็เล็งเห็นถึงความนิยมในรถประเภท PPV นี้ที่เติบโตมากขึ้นมาโดยตลอด เริ่มเป็นที่ยอมรับจากการใช้งาน จากที่จะผู้ซื้อต้องการจะซื้อรถเก๋งซีดาน D-Segment แต่เมื่อมีทางเลือกใหม่ที่ให้ทั้งความหรูหราภายในไม่แพ้รถเก๋ง และภายนอกออกแบบมาได้สวยงาม จนลืมความเป็นรถกระบะ แต่ยังขายความเป็นพื้นฐานจากรถกระบะที่แข็งแกร่งทนทาน แน่นอนว่ารถ PPV ก็แทบจะเป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกที่ผู้ซื้อรถสมัยนี้ยากจะปฎิเสธ

อีกทั้งเรื่องภาษี รถ PPV จะถูกเก็บภาษีสรรพสามิตในระดับที่ใกล้เคียงรถกระบะ ซึ่งเก็บภาษีถูกกว่ารถเก๋งหรือรถแบบ SUV ก็ไม่น่าแปลกที่ค่ายผู้ผลิตหลายๆ ค่ายเลือกจะทำรถแบบ PPV มาขายถูกเก็บภาษีถูกกว่า แต่พอเวลาตั้งราคาขาย ก็ตั้งราคาไว้แพงเท่ารถ SUV ทำกำไรได้มากกว่า

ไม่ว่าจะเป็น Toyota Fortuner, Isuzu MU-X, Ford Everest, หรือ Mitsubishi Pajero ชื่อประเภทรถก็บอกไว้อยู่แล้วว่าดัดแปลงมาจากรถกระบะซึ่งมีข้อด้อยหนึ่งของรถกระบะก็คือ ระบบกันสะเทือนที่อาจจะไม่นิ่มนวลเท่ารถที่ช่วงล่างเป็นแบบรถเก๋งอย่างรถ SUV แต่ถ้าเรื่องลุยแล้วละก็รถประเภท PPV ก็ลุยได้ดีไม่แพ้รถกระบะเช่นกัน ผู้ซื้อก็ต้องช่างน้ำหนักความต้องการ ข้อดี-ข้อเสียของรถทั้งสองประเภท

>> รีวิว Isuzu MU-X 2017 ใหม่ ราคาเริ่ม 1.099 ล้านบาท

>> Toyota Fortuner 2017 รุ่นปรับปรุงใหม่ เพิ่มรุ่นย่อยใหม่ 2.4 V

 Toyota Fortuner
ทำไม Toyota ต้องออก SUV รุ่นอื่นๆ มาขายในเมื่อ Fortuner ก็ขายดีอยู่

เมื่อรู้รายละเอียดของรถทั้ง 2 ประเภทนี้แล้ว น่าจะพอทำให้เข้าใจถึงความหมายของทั้งรถ PPV และ SUV ได้มากขึ้น อย่าไปซีเรียสมากมายกับชื่อประเภทรถครับ รู้เพียงแค่หลักการทำงานของตัวรถและรู้ว่าถ้าซื้อรถมาแล้วตอบโจทย์การใช้งานคุณได้มากแค่ไหนดีกว่า