แนะนำรถยนต์รุ่นยอดฮิต ติดตาวัยรุ่น วัยมันส์ ในยุค ' 90 ที่ปัจจุบันเป็น รถมือสองราคาไม่เกิน 50,000 คันไหนบ้าง ที่คุณเคยใช้ เคยเห็น จนชิน บนท้องถนน ในยุคสมัยนั้น
บทความนี้อาจจะดักแก่ไปนิด แต่คิดว่าโดนใจ วัยจ๊าบยุค 90’ ที่ยังตราตรึงกับรถรุ่นยอดฮิต ในยุคตัวเอง ที่ผ่านมาแล้วกว่า 20 ปี ซึ่งเป็นยุคแรกๆ ที่ นิยมนำมาแต่งทั้งตัวถัง และ โมดิฟายด์เครื่องยนต์ให้แรง มากยิ่งขึ้น บ้างก็ยกเครื่องยนต์เดิมๆ ออกทิ้งเปลี่ยนขุมพลังใหม่แรงกว่าเดิม มาดูกันว่า ในยุค 90 มีรถรุ่นไหนที่อยู่ในใจกันบ้าง กับราคาค่าตัวไม่เกิน 50,000 บาทในตลาดรถมือสอง
เริ่มต้นกับ ฮอนด้า ซีวิค 3 ประตู นับเป็นอีกรุ่นที่โด่งดัง เป็นอมตะถูกใจวัยรุ่นทุกยุคทุกสมัย แต่จุดเริ่มต้น ของความนิยมจนเป็นกระแสต้องพูดถึงโฉมหัวเตารีดในยุค 90 เนื่องจากเป็นรถที่มีรุ่นทำตลาดแบบ 4 ประตูแถม และแตกลายออกมาเป็น 3 ประตู ราคาขณะนั้นอยู่ราวๆ 4-5 แสน วัยรุ่นยุคนั้นรวมถึงสาวๆ ที่พอจะมีรายได้ ในยุคนั้นจึงเป็นเจ้าของได้ง่าย และทำให้พบเห็น CIVIC โฉมนี้ อยู่เป็นท้องถนนในยุคนั้น โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัย ที่วัยรุ่นที่มีรถแทบทุกคนจะเลือกใช้ CIVIC โฉมนี้
ด้วยเพราะ HONDA CIVIC รุ่นนี้ ถูกนำมาตกแต่งได้ทั้งสวยและแรง ประกอบกับในญี่ปุ่นก็นับเป็นรุ่นยอดนิยมมากๆ ด้วยเช่นกัน ดังนั้นอุปกรณ์ของแต่งต่างๆ จึงมีให้เสียเงินอีกเพียบ สำหรับเครื่องยนต์ที่ฮิตสุดๆ ที่นำมาวางแทนเดิมๆ ในยุคนั้นก็คือ B16A/B16B/B18C ที่มีแรงม้า 160 - 200 ต้ว เมื่อวางในบอดี้เล็กๆ เบาๆ ขนาดนี้วิ่งตัวปลิวเลยทีเดียว
สำหรับราคาของ HONDA CIVIC 3 ประตู ในแบบเดิม ๆ ไม่รวมชุดแต่ง สนนราคาค่าตัวในตลาดรถมือสองก็หาได้ในราคาตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไปแบบไม่ยากเย็น
มากันที่ รถยอดนิยมของยุค '90 คู่แข่ง ฮอนด้า ซีวิค ในยุคนั้น อย่าง Toyota Corolla 1991 – 1997 โดย Corolla โฉมนี้ เปิดตัวครั้งแรกใน ปี 1991 หรือปี พ.ศ. 2534 ซึ่ง Corolla ใน โฉมนี้ นักเลงรถในไทย เรียกว่า "โฉมสามห่วง" เพราะเป็นโฉมแรกของโคโรลล่า ที่ตราสัญลักษณ์วงรีไขว้สามวง(สามห่วง)ถูกนำมาใช้เป็นตราสัญลักษณ์ของโตโยต้า (ก่อนหน้านี้ใช้เขียนเป็นอักษร TOYOTA ไม่ใช่สัญลักษณ์สามห่วง) โฉมสามห่วง เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของตระกูลโคโรลล่า เพราะก่อนนี้ โคโรลล่าจะมีลักษณะเป็นรูปทรงเหลี่ยมๆ แต่โฉมนี้ จะเริ่มเปลี่ยนจากความเหลี่ยม เป็นความโค้งมน และรถตั้งแต่โฉมสามห่วงเป็นต้นมา ก็มีความโค้งมนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยโฉมนี้มีจำหน่ายในประเทศไทยช่วงปี 1991 – 1997
และทันทีที่เปิดตัวในไทย โคโรลล่าโฉมนี้ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ยอดการจองรถทะลุ 10,000 คันอย่างรวดเร็วกว่าที่โรงงานคิดไว้มาก และยอดจองยังมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้โรงงานโตโยต้าสำโรงจะเร่งผลิตเต็มที่ งัดแผนสำรองมาใช้ แม้กระทั่งสั่งนำเข้ารุ่น LX Limited จากญี่ปุ่นมา 1,000 คัน และเพิ่มราคาขายคันละ 5,000 บาท เพื่อลดการจองซื้อ ก็ยังไม่ทันกับความต้องการของลูกค้า จนสุดท้ายต้องมีการก่อสร้างโรงงานโตโยต้าเกตเวย์ สำหรับทำการประกอบรถยนต์นั่งโดยเฉพาะ
โดย โตโยต้าอัลติสมือสอง ในยุคนั้นได้เริ่มมีการผลิตเกียร์ธรรมดา 6 สปีดขึ้น ควบคู่กับการผลิตรถเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 และ 3 สปีด เครื่องยนต์ยังมีระบบดีเซล (2.0 ลิตร) และเบนซิน (1.3 , 1.5 , 1.6 , 1.8 ลิตร) และโคโรลล่าโฉมนี้ เครื่องยนต์แบบคาร์บูเรเตอร์ในรถเก๋งค่อยๆ หายไป จนในที่สุดก็เลิกผลิตไป กลายเป็นแบบหัวฉีดทั้งหมด
และแน่นอนว่าปัจจุบัน Toyota Corolla ในโฉมนี้ก็ยังได้รับความนิยม และหาซื้อได้ตามตลาดรถมือสอง ในราคาค่าตัว ระหว่าง 30,000-50,000 บาท สบายๆ
นี่คือรถในฝันของวัยรุ่นยุค ' 90 ทั่วไป หากพูดแค่แบรนด์ ก็ไม่ต้องสาธยายอะไรมาก BMW Series 3 รหัส E 30 เป็นรถยุโรปที่บรรดาผู้มีอันจะกินให้ความนิยมมาแต่งซิ่งมากพอๆ กับรถญี่ปุ่นในยุคนั้น
บีเอ็มดับเบิลยู 3 ซีรีส์ รุ่นที่ 2 หรือ E30 ได้มีการใส่ภาพลักษณ์ใหม่ๆ เข้าไปมากมาย เช่น มีการทำระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด, ตัวถังซีดาน 4 ประตู เป็นครั้งแรก มีการใช้เครื่องยนต์ระบบหัวฉีด Jetronic และลูกเล่นอื่นๆ อีกมากมาย ที่ไม่มีใน E21 ทำให้ราคาของ E30 เพิ่มขึ้นจนเกือบ 2 เท่า เมื่อเทียบกับ E21 ส่วนภาพรวมอื่นๆ นั้น ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
ในประเทศไทย BMW seire 3 E30 ได้ทำตลาด ในไทยเมื่อปี พ.ศ. 2527 โดยบริษัทยนตรกิจได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกที่งานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 5 ที่สวนอัมพร โดยได้ทำตลาดเป็นครั้งแรกด้วยรุ่น 316 เครื่อง M10 คาร์บูเรเตอร์ไฟฟ้า กระจกมือหมุน และไม่มีพวงมาลัยเพาเวอร์ โดดเด่นด้วยชุดไฟแจ้งเตือนการเข้ารับบริการ SI (Service Interval Indicator) E30 เปิดตัวโดยมีบอดี้ให้ลูกค้าเลือกได้ว่าจะเอาแบบ 2 ประตู หรือ 4 ประตู โดยตั้งราคาเอาไว้ที่ 519,000 บาทสำหรับรุ่น 2 ประตู และ 549,000 บาทสำหรับรุ่น 4 ประตู
จนกระทั่งในปีถัดมาหลังจากวางตลาดครั้งแรกในไทยมีการเปลี่ยนระบบส่งกำลังให้กับ E30 โดยนำเอาเกียร์ธรรมดา 5 สปีดมาใส่ และเพิ่มราคาเป็น 539,000-569,000 บาท ในปีนี้ยอดขายของ E30 ยังคงพุ่งแรง ในปีนั้น E30 เป็นรถที่ขายดีที่สุดในตลาดไทยเป็นอันดับสองเลยทีเดียว
หลังจากนั้น BMW seire 3 E30 ได้ มีการแนะนำรุ่น 318i สองประตูลงขายที่เน้นความสปอร์ตมากขึ้น โดยความพิเศษของรถรุ่นนี้ก็คือเครื่องยนต์รหัส M10 ที่เปลี่ยนระบบจ่ายเชื้อเพลิงจากคาร์บูเรเตอร์ไฟฟ้ามาเป็นหัวฉีดไฟฟ้า ของ Bosch รุ่น L-Jetronic แทน ทำให้สามารถจ่ายน้ำมันได้แม่นยำขึ้น ส่งผลเรื่องความประหยัดน้ำมัน และทำให้แรงม้าเพิ่มเป็น 105 แรงม้า และมันได้รับการตกแต่งภายนอกด้วยชุดแต่ง M-Technic ที่มีกันชนสไตล์สปอร์ตและสปอยเลอร์หลังอีกด้วย สำหรับภายในก็มีพวงมาลัยสปอร์ต 3 ก้านมาให้ สำหรับความปลอดภัยก็มีให้เข็มขัดนิรภัยมาครบทุกจุด
และสุดท้ายสำหรับใครยังคิดถึงความหล่อของ BMW serie 3 E30 ในตลาดรถมือสอง ปัจจุบัน ในสภาพที่ยังพอขับได้ ก็ยังมีจำหน่ายพอให้เห็น กับสนนราคาไม่เกินค่าตัว 50,000 บาท สำหรับรถยนต์ BMW ยุค '90 ยอดฮิตรุ่นนี้
>> มีงบ 3 แสน จะซื้อรถ รถกระบะมือสอง ราคาถูกรุ่นอะไรได้บ้าง รวมมาให้ดูทุกรุ่นแล้ว ของถูกมีอยู่จริง
รถมือสอง Mitsubishi Lancer 1991 -1996 เป็นรุ่นที่ฮิตไม่น้อยไปกว่าค่ายอื่นๆ โฉมนี้ เป็นที่รู้จัก และเป็นที่นิยมมากในประเทศไทย วงการรถตั้งชื่อโฉมนี้ว่า โฉม E-CAR ซึ่งมีการนำเข้ามาขายเป็นจำนวนมาก มีความทนทาน แม้เวลาจะล่วงเลยมากว่า 22 ปี ก็ยังสามารถเห็นแลนเซอร์โฉมนี้ได้ทั่วไปตามท้องถนน ในประเทศไทย แลนเซอร์โฉมนี้ มีทั้งการใช้เป็นรถส่วนตัว รถครอบครัว และแต่งเป็นรถสปอร์ต เมื่อปี 1992 Lancer E-CAR แบ่งจำหน่ายรุ่นย่อยได้ถึง 4 รุ่นได้แก่ 1.3 GL 1.5 GLX 1.6 GLXi (นำเข้า) และ 1.8 GTi (นำเข้า)
และต่อมาปี 1995 Lancer E-CAR ได้ยกเลิกการจำหน่าย 1.3 และ 1.8 เปลื่ยนระบบจ่ายเชี้อเพลิงในรุ่น 1.5 จากคาร์บูเรเตอร์เป็นระบบหัวฉีด ECi-MULTI และนำรุ่น 1.6 มาประกอบในประเทศ โดยคงเหลือรุ่นย่อย คือ 1.5 GLXi และ 1.6 GLXi หลังจากนั้นมีการปรับโฉมเล็กน้อยในรุ่น 1.5 โดยขอบประตูจะเป็นสีเดียวกับตัวรถ ซึ่งของเดิมเป็นสติกเกอร์สีดำ เปลื่ยนกระจังหน้าใหม่แบบซี่ และเพิ่มไฟเบรกดวงที่สามในห้องโดยสาร และในรุ่น 1.6 มีการเปลื่ยนล้อแม็กซ์เป็นขนาด 14 นิ้ว เพิ่มไฟตัดหมอกหน้า และสปอยเลอร์หลังเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และปรับเปลื่ยนฝาครอบชุดดรัมเบรกหลัง
ในปี 1996 Lancer E-CAR ได้ปรับโฉมโดยเปลื่ยนล้อแม็กซ์ลายใหม่ เปลื่ยนกันชนให้มีลักษณะยาวและหนาขึ้น รวมถึงเปลื่ยนกระจังหน้าใหม่ เปลื่ยนท่อร่วมไอดีในรุ่น 1.5 โดยตัวอักษรคำว่า ECi-MULTI จะเล็กลง และนำรุ่น 1.3 กลับมาเพื่อตอบสนองลูกค้าระดับล่าง โดยแบ่งรุ่นย่อย เป็น 1.3 EL 1.5 GLXi และ 1.6 GLXiแต่ว่า ในตัวถังนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์สได้สร้างรถรุ่นใหม่ขึ้นมา เป็นเนื้อหน่อของแลนเซอร์ ซึ่งรถรุ่นที่ "แตกหน่อ" ออกมานี้ คือ Mitsubishi Lancer Evolution ซึ่งมีสมรรถนะสูงกว่าแลนเซอร์ธรรมดา
เนื่องจากสร้างมาสำหรับการเป็นรถสปอร์ตแรลลี่โดยเฉพาะ แต่แลนเซอร์ อีโวลูชัน ไม่เป็นที่รู้จักในประเทศไทยนัก ด้วยเพราะผู้ซื้อนิยมนำรถแลนเซอร์ธรรมดาไปแต่งสปอร์ตเองมากกว่า นอกจากนี้ อัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ของไทยในยุคนั้นที่ค่อนข้างสูง ก็มีผลทำให้รถแลนเซอร์ อีโวลูชัน (ของจริง) ซึ่งผลิตในต่างประเทศ มีราคาในประเทศไทยแพงกว่ารถแลนเซอร์ทั่วไปมาก ซึ่งในปัจจุบัน แลนเซอร์รุ่นนี้ (ไม่รวม Evolution) มีจำหน่ายในราคาตลาดรถมือสอง ในราคาสบายๆ ไว้ขับขี่ได้ชิล ๆ ตั้งแต่ 30,000 บาท ก็หาได้
ปิดท้ายช่วงยุค ' 90 ปลายๆ กับ Nissan Cefiro A33 โฉมที่ 3 ของรุ่นนี้ นับเป็นรถที่ได้รับความนิยมในบรรดาวัยรุ่นยุค 90 มากที่สุดอีกหนึ่งรุ่นหนึ่งไม่แพ้ A31 และ A32 รุ่นก่อนหน้า ที่มีจุดขายที่ความหรูหราของกระจังหน้า และเป็นรถอีกรุ่นหนึ่ง และ มีตัวถังรถใหญ่ขึ้นจากโฉมก่อน เริ่มมีการนำความเป็นรถสปอร์ตบางส่วนกลับมา แต่ก็ไม่มากเท่าโฉมแรก อย่าง A 31 ในเมืองไทย โฉมนี้ขายระหว่าง 2000- 2004 ซึ่งล่าช้ากว่าประเทศญี่ปุ่นเช่นเคย เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างนิสสันและสยามกลการ จึงมีอายุการตลาดสั้นเพียง 3 ปีเท่านั้น ก่อนที่นิสสันจะเปลี่ยนชื่อตระกูลเป็น เทียน่า(Teana)
โดย Nissan Cefiro A33 ในตลาดรถมือสอง มีราคาค่าตัวตั้งแต่ 40,000 บาท ขึ้นไป ซึ่งหากย้อนวัยเพื่อสัมผัสความหรูหรา ของ Cefiro อีกครั้งก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากับราคาในระดับนี้
และทั้งหมดนี้คือ รถยนต์รุ่นดังในฝันของคนวัยมันส์ ยุค 90 ที่ยังมีจำหน่ายอยู่ในตลาดรถยนต์มือสอง ในราคาที่หาได้ไม่เกิน 50,000 บาท ไม่ว่าจะเป็นรถที่เปิดตัวเริ่มต้นหลักแสนไปจนถึงล้าน โดยเราคัดเลือกจากความคิดเห็นของคนในยุคนั้น ซึ่งแน่นอนว่าหากมีไว้ครอบครองย่อมคุ้มค่า และขายต่อได้ในราคาที่ดีงามเลยทีเดียว
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้