จะเสี่ยงเหรอ ? ใช้ชื่อตัวเองออกรถให้คนอื่น แน่ใจแค่ไหนว่า ความมีน้ำใจจะไม่กลับมาทำร้ายคุณ !

คุณเองเป็นคนที่ปฏิเสธคนไม่เก่งหรือเปล่า ? หรืออาจจะเป็นคนใจกว้างที่ใครมาขอความช่วยเหลืออะไรก็พร้อมจะยื่นมือเข้าช่วยเสมออย่างนั้นไหม ? ถ้าเกิดวันดีคืนดี คนที่คุณรู้จัก มาขอให้คุณช่วยค้ำประกันให้ หรือขอให้คุณช่วยออกรถให้ในชื่อของคุณเอง และเขาก็รับปากว่าจะจัดการรับผิดชอบภาระเรื่องของค่าใช้จ่ายด้วยตัวเองโดยไม่ให้มีผลกระทบมาถึงคุณ คุณจะใจอ่อนเชื่อเขาหรือไม่ ?

ถ้าคุณกำลังเผชิญกับสถานการณ์นี้อยู่ และยังไม่ได้ตัดสินใจตกปากรับคำ เราขอให้คุณทบทวนเสียก่อนว่าการใช้ชื่อตนเองออกรถให้คนอื่น เป็นเรื่องที่ควรเสี่ยงหรือไม่ ? คุณอาจจะเปลี่ยนใจถ้ารู้เหตุผลต่อไปนี้ ที่ทาง Chobrod สรุปมาให้ แล้วจะได้เข้าใจ ว่าทำไมถึงควรปฏิเสธคนให้เป็น

ใช้ชื่อตัวเองออกรถให้คนอื่น เหมือนยืนอยู่บนความเสี่ยงตลอดเวลา

อย่างแรกเลยที่คุณต้องทำความเข้าใจและยอมรับข้อตกลงนี้ให้ได้ ว่าเพียงแค่รับผิดชอบเป็นชื่อเจ้าของรถ ชีวิตก็เผชิญอยู่ท่ามกลางความเสี่ยงแล้ว และต้องทนไปจนกว่าจะหมดค่างวด ซึ่งอาจจะยาวนานมากกว่าการส่งเรียนลูกจบมหาวิทยาลัยจนจบเสียด้วยซ้ำ เพราะระหว่างนี้ ต้องมาคอยลุ้น ว่าคนที่รับปากจะส่งค่างวดให้ตรงทุกเดือนนั้น จะดีแตกตอนนั้น หรือจะความขัดแย้งเกิดขึ้นในช่วงเวลาผ่อนชำระหรือไม่ ?

มีหลายคนเลย ที่ตอนให้ความช่วยเหลือไม่ทันคิดหรอก แต่พอจรดปากกาเซ็นชื่อของตนไปแล้ว กลับมาฉุกคิดและนึกวิตกในภายหลัง และเกิดความกังวลว้าวุ้นใจเป็นอย่างมาก จึงเกิดมาเป็นกระทู้คำถามที่ผุดออกมาให้เห็นอยู่บ่อยครั้งในเว็บบอร์ดชื่อดัง ดังนั้นจะตัดสินใจจะทำอะไร ก็ควรจะพิจารณาให้แน่ใจเสียก่อน ว่าทำไปแล้ว จะไม่เสียใจในภายหลัง

ดูเพิ่มเติม
>> โอนลอยคืออะไร? มั่นใจแค่ไหนที่จะไว้ใจเต็นท์รถ
>> อย่าพลาด! 4 ขั้นตอนเบ็ดเสร็จ เคล็ดลับซื้อรถใหม่อย่างชาญฉลาด

คนใช้รถเบี้ยวค่างวด ความเจ็บปวดตกมาที่ชื่อเจ้าของรถ

ในตอนแรก ไม่ว่าใครต่างก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะทั้งนั้นแหละ ว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ทันเวลาอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง แต่คำพูดใคร ๆ ก็พูดได้ และมันก็กลับกลอกได้เช่นกัน ดังนั้นคุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าในอนาคต คนที่ส่งค่ารถให้คุณตรงเวลาในช่วงไม่กี่เดือนแรก จะหาข้ออ้างสารพัดอะไรมาขอผัดวันประกันรุ่งกับคุณได้บ้าง เพราะเอกสารใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถ ทางสถาบันการเงินหรือค่ายรถจะส่งมายังชื่อผู้เป็นเจ้าของรถ นั่นก็คือคุณนี่เอง

แหละนอกจากจะมีหน้าที่ที่ต้องทวงเงินแล้ว ยังต้องมาเป็นธุระดำเนินการจ่ายไปยังไฟแนนซ์ให้อีก ตรงนี้อาจไม่ใช่เรื่องนักหนา สามารถทำได้อยู่แล้ว แต่ปัญหามันจะเกิดขึ้นเมื่อทางผู้ใช้รถไม่ยอมจ่ายคุณนี่สิ และแทบไม่ต้องเดาเลยว่า ความซวยจะมาปรากฏที่ใคร ถ้าไม่ใช่ผู้ที่เป็นเจ้าของชื่อรถ เดือดร้อนคุณที่ไม่อยากเสียเครดิตต้องไปหาเงินมาชำระให้ก่อน ถึงเวลาถ้าทวงไม่ได้อีก รถก็ไม่ได้ขับ ส่งก็ส่งให้ เรียกว่าโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง

เสียค่าปรับ ตามจับคนผิดคือเจ้าของชื่อ

เมื่อเกิดการฝ่าฝืนกฎจราจร ในกรณีไม่สามารถเอาผิดคนขับได้ในเวลานั้น จึงต้องมีการเช็กบิลตามหลัง ไม่ต้องลุ้นเลยว่าใบสั่งเก็บเงินค่าปรับจะถูกส่งมาถามหาความรับผิดชอบที่ใคร อาจจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับการไปตามเก็บจากผู้ขับตัวจริง ถ้าหากคุณสามารถเจรจาเรียกร้องได้ แต่ก็อย่าลืมว่าเค้าก็อาจเล่นตุกติก เบี้ยวคุณก็ได้เช่นกัน

อีกอย่างหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดี ถ้าเกิดกรณีแบบนี้บ่อย ๆ เพราะมันกระทบต่อประวัติชื่อเสียงของคุณโดยตรง และยังต้องมาสร้างความวิตกกังวลอีกว่า จะเกิดอะไรที่มันร้ายแรงด้านการกระทำผิดกฎหมายนอกจากการฝ่าฝืนกฎจราจรอีกไหม

กระทำการผิดกฎหมาย คนร้ายก็คือคุณ

และนี่คือความเสี่ยงร้ายแรงที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้น่ากลัวมากกว่าการฝ่าฝืนกฎจราจร นั่นคือการนำรถไปกระทำการผิดกฎหมาย ที่ส่งผลกระทบอันตรายในรูปแบบต่าง ๆ เช่นการนำรถไปประกอบธุรกิจผิดกฎหมายอย่างการขนส่งยาเสพติด ขอบอกเลยว่าเป็นเรื่องที่ต้องเสียเวลาและสร้างความยุ่งยากมาก ๆ ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบและพิสูจน์มากมายหลายขั้นตอนว่าคุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีจริง ๆ

หรือไม่กรณีที่เลวร้ายไปยิ่งกว่านั้น คือนำรถไปขับชนผู้อื่นจนเสียชีวิต ถ้าไม่สามารถตรวจสอบหาคนผิดในเวลาเกิดเหตุได้ในทันที ทางเจ้าหน้าที่ก็จะทำตรวจสอบ สืบสวนภายหลัง จนมาพบเจ้าของรถในที่สุด และนั่นคนซวยก็คือคุณ เพราะคนที่กระทำความผิดอาจฉวยโอกาสหนีความผิดนี้ ให้คุณรับผิดแทนไปก็ได้ เพราะขนาดตอนเกิดเรื่อง ยังเลือกที่จะหลบหนีเลย อย่าลืมว่าทุกคนก็รักตัวเองกันทั้งนั้น

เรื่องของเงินทอง เป็นปัญหาที่สร้างความขัดแย้งได้ดี เป็นตัวการชั้นยอดที่สร้างความร้าวฉานในความสัมพันธ์ อย่าเชื่อใจและไว้วางใจจนเกินไป แต่ทุกอย่างไม่เกิดกับตัวก็จะไม่รู้ คำเตือนจากผู้มีประสบการณ์ไม่เท่ากับการเจอด้วยตัวเอง ลองคิดทบทวนให้ดี ๆ ไม่ว่าใครในตอนแรกที่อยากจะแลกผลประโยชน์ ย่อมที่จะพูดหรือรับปากอะไรก็ได้ด้วยกันทั้งนั้น

แต่เมื่อถึงเวลาจริง ๆ ความสัมพันธ์ก็แตกหักลงได้ง่าย ๆ เพราะสุดท้ายสิ่งที่หนักแน่นกว่าคำพูด ก็คือการกระทำ ดังนั้นถ้าคุณไม่มั่นใจว่าจะรับมือกับความเสี่ยงเรานี้ได้ยาวนานจริง ๆ ก็ให้ปฏิเสธไปก่อนเลย อาจจะขุ่นเคืองกันตอนนี้ แต่มันจะดีต่อคุณในภายหลังก็เป็นได้ หัดปฏิเสธคนให้เป็น และรู้จักที่จะรับมือกับความเสี่ยง ด้วยการไม่พาตัวเองไปอยู่ในจุดเสี่ยง เพื่อตัวคุณเองนั่นแหละ สำคัญที่สุด

ดูเพิ่มเติม
>> หมากัดรถ ! ประกันจ่ายไหม ถามหาความรับผิดชอบจากใคร ? ถ้าคู่กรณีไม่ใช่คน
>> ประกันรับเคลมหรือเปล่า ? เมื่อคนขับรถไปชนเป็นคนละชื่อกับคนในกรมธรรม์
 

ติดตามข่าวสารรถยนต์ คลิกที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองราคาดีเชิญเข้าดูที่ ตลาดรถรถมือสองตรงนี้