ควรซื้อ D-max มือสอง หรือไม่? ตอบคำถามคาใจของคนอยากซื้อรถกระบะ

ซื้อ D-max มือสองดีหรือไม่

Isuzu D-max มือสอง หากลองเดินดูตามเต้นท์รถ หรือในเว็บไซต์ขายรถยนต์ ถือว่ามีให้เลือกมากมายทีเดียวทั้งโฉมเจเนอเรชั่นแรก (ปี 2002-2011) และโฉมเจเนอเรชั่นที่ 2 (ปี 2012-2019) แม้ราคาจะค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถกระบะค่ายรอง แต่ก็ยังมีผู้เลือกใช้กันอย่างเหนียวแน่น แน่นอนว่าอาจมีผู้ใช้หลายท่านที่ไม่ปลื้ม D-max มือสอง อยู่เช่นกัน จากข้อมูลที่ได้รับมาหลายๆด้าน (อาทิ ในคลับ D-max, กระทู้ในเว็บไซต์,การบอกต่อ เป็นต้น) ทำให้ผู้ที่อยากซื้อรถกระบะเกิดความลังเลว่า ควรซื้อ D-max มือสอง หรือไม่? วันนี้ ตลาดรถ unseencar.com เรามีเหตุผลที่จะช่วยให้คุณพบคำตอบสำหรับตัวเองง่ายขึ้นค่ะ

เหตุผลที่ควรซื้อ D-max มือสอง

1. อะไหล่หาง่าย

เป็นจุดเด่นของรถกระบะอีซูซุทุกรุ่น เนื่องจากอะไหล่หาง่ายมากทั้งอะไหล่แท้ใหม่แกะกล่องและมือสอง หากมีเหตุซ่อมแซมกระทันหันก็ไม่ต้องรอสั่งอะไหล่นานให้เสียเวลาทำมาหากิน ที่สำคัญราคาไม่สูงเกินไป

2. ค่าซ่อมไม่แพง

ค่าซ่อมแซมทั่วไปโดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ช่วงหลักร้อยจนถึงหลักพัน (ยกเว้นอาการหนักมาก) ไม่ว่าจะซ่อมอู่นอกหรือศูนย์อีซูซุถือว่าราคาไม่แพง อีกทั้งอู่นอกเกือบทุกแห่งสามารถซ่อมได้สบาย โดยเฉพาะโฉมแรกที่ไม่มีระบบซับซ้อนมากจนเกินไป

Isuzu D-Max Hi-Lander 2012 Truck

3. ตัวถังและเครื่องยนต์ทนทาน

หากใครกำลังมองหารถกระบะสำหรับใช้งานหนักสมบุกสมบัน ทนทาน D-max มือสอง ถือว่าตอบโจทย์มากที่สุด เพราะความแข็งแกร่งของตัวถังและเครื่องยนต์คือจุดแข็งที่ทำให้อีซูซุเป็นผู้นำรถกระบะอย่างยาวนาน ยืนยันได้จากผู้เขียนที่ใช้มาตั้งแต่รุ่นมังกรทอง บรรทุกหนักราว 1 ตัน มาตลอด 30 ปี ซ่อมบำรุงตามระยะ ทุกวันนี้ก็ยังขับขี่ได้ตามปกติ(แต่ไม่ได้บรรทุกแล้ว) หากใครอยากได้รถไว้ใช้งานหนัก รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน

ช่วงล่างแน่น เข้าโค้งมั่นใจ

4. ช่วงล่างแน่น ขับขี่มั่นใจ

ช่วงล่างของ D-max ถือว่าแข็งแรง บรรทุกหนักได้ดี ขับขี่ช่วงความเร็วปกติก็นิ่มพอประมาณ ช่วงความเร็วสูงหรือเข้าโค้งเกาะถนนแน่น ไม่ร่อน ให้ความมั่นใจแก่ผู้ขับได้อย่างดี

5. ขายต่อได้ราคา

หากใครต้องการซื้อมาใช้สักระยะแล้วขายต่อ หรือคิดว่าภายในอนาคตข้างหน้ามีโอกาสขายต่อสูง ควรซื้อ D-max มือสองเพราะเวลาขายราคาจะไม่ตกมาก ถ้าดูแลดีอาจได้กำไรด้วยซ้ำ

6. ศูนย์บริการดี

D-max มือสอง แม้เป็นรถเก่าก็เข้าศูนย์ได้ โดยผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ชื่นชมว่าทางศูนย์ให้บริการรวดเร็ว แก้ไขปัญหาตรงจุด ค่าแรงไม่ได้แพงอย่างที่คิด เจ้าของรถจึงอุ่นใจที่จะเลือก D-max เป็นคันต่อไป

เครื่องยนต์ทนทาน อะไหล่หาง่าย

เหตุผลที่ไม่ควรซื้อ D-max มือสอง

1. ออกตัวอืด

สำหรับใครที่ชอบอารมณ์ขับขี่แบบกดคันเร่งแล้วออกตัวพุ่งแรง D-max มือสอง อาจไม่ถูกใจนัก เพราะช่วงเกียร์ 1 ค่อนข้างอืด ต้องรอวิ่งระยะยาวได้รอบดีถึงจะวิ่งฉิว ส่วนมากผู้ซื้อจะนิยมขับขี่ทางไกลมากกว่าใช้ขับในเมืองที่ต้องการความคล่องตัวสูง

2. บรรทุกหนักแล้วกินน้ำมันมาก

เป็นจุดที่ผู้ใช้หลายคนสังเกตุในรุ่น 1.9 ลิตร ที่เมื่อบรรทุกหนักจะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงกว่าค่ายอื่น แต่สำหรับรุ่น 2.5 ลิตร ถือว่าประหยัดน้ำมัน เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นการบรรทุกหนักเป็นหลัก

3. รถย้อมแมวเยอะ

เนื่องจาก D-max มีอะไหล่มาก ระบบไม่ซับซ้อน บางคันจะมีการย้อมแมว เช่น สับเปลี่ยนอะไหล่จากคันนู้นมาใส่คันนี้ หรือตัดต่อแชสซีส์ เปลี่ยนหัวเก๋ง เปลี่ยนกระบะ ซึ่งเวลาซื้อต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ และควรพาช่างหรือผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ไปช่วยตรวจเช็คสภาพก่อนตัดสินใจซื้อ

4. ปัญหาประจำรุ่น

บางคนก็จะบอกว่า D-max มีปัญหาจุกจิกมาก แต่อันที่จริงปัญหาที่เกิดมีเพียงไม่กี่อย่างซึ่งเป็นเฉพาะล็อตแรกๆ และทางค่ายก็ทำการแก้ไข เคลมกันไปเรียบร้อยแล้ว คาดว่ากว่าจะมาถึงมือเรา รถคงผ่านการแก้ไขไปแล้วจากเจ้าของมือแรก เพียงคอยสังเกตุและบำรุงรักษาตามระยะก็จะสามารถใช้งานได้อีกนาน

ISUZU D-MAX (05-12) CAB 4 3.0 Ddi I-TEQ HI LANDER

อุปกรณ์ภายในครบครันเพียงพอต่อการใช้งานจริง

สรุปแล้ว ควรซื้อ D-max มือสอง หรือไม่?

ต้องขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน และปัจจัยอื่นๆของแต่ละคน ควรซื้อ หากต้องการรถกระบะที่เน้นใช้งานหนัก สมบุกสมบัน คุ้มค่า ดูแลง่าย และงบเพียงพอ แต่ถ้าต้องการรถกระบะสำหรับขับขี่ทั่วไป เน้นโดยสารเป็นหลัก ชอบช่วงล่างนิ่มนวล ออกตัวเร็ว ออพชั่นมาก อาจต้องมองค่ายอื่นแทน หวังว่าทุกท่านจะพบคำตอบสำหรับตัวเองนะคะ

อ่านเพิ่มเติม
>> ปัญหาที่มักเจอบ่อยของ D-MAX มือสอง! ข้อมูลสำคัญที่ไม่ควรพลาด ก่อนคิดเล่นรุ่นนี้
>> เปิดราคา All-New Isuzu D-Max 2020 แบบละเอียด พร้อมตารางผ่อน-ดาวน์ ครบทุกรุ่น !!