เนื่องจากปัจจุบัน มีรถป้ายแดงออกมามากมายละลานตา หลายๆ คนอาจจะสับสนว่ารถคันนี้คันนั้นเป็นประเภทไหนกันแน่ อยากทราบว่ารถยนต์มีการแบ่งประเภทอย่างไรบ้าง รถมีกี่ประเภท จริงๆแล้วการแบ่งประเภทรถยนต์นั้นแบ่งโดยวัดกันที่ขนาดรถหรือขนาดเครื่องยนต์อีกทั้งยังเรื่องอุปกรณ์ภายใน ความหรูหราและราคาซึ่งการแบ่งประเภทรถยนต์มีดังต่อไปนี้
รถยนต์มีกี่ประเภท? ต้องเลือกซื้อคันที่เหมาะกับตัวเป้าหมายว่าใช้งานเพื่ออะไร
ดูเพิ่มเติม
>> 10 รถยอดแย่มีปัญหาจากรายงานของผู้ใช้จริง
>> รถแบบไหนเหมาะกับเรา? รถแต่ละแบบ แตกต่างกันอย่างไรนะ
รถยนต์ประเภท A - Segment จัดอยู่ในประเภทรถยนต์ที่มีขนาดเล็ก เน้นคล่องแคล่ว ทั้งด้านของการขับขี่และการขับเข้าซอยแคบๆ ขับเข้าลานจอดรถ และการจอดที่คล่องตัวที่สุด เหมาะสำหรับการขับขี่ประจำวันในเมืองและชานเมือง เป็นรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์ 660 cc. -ไม่เกิน 1000 cc. โดยรถยนต์ประเภท A Segment นี้ในประเทศญี่ปุ่นจะเรียกว่า “Kei Car”
รถยนต์ประเภท B Segment จัดอยู่ในประเภทของรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยจากรถยนต์ประเภท A Segment โดยรถยนต์ประเภท B Segment จะค่อนข้างเหมาะสำหรับบุคคลวัยทำงานที่ต้องการมีรถไว้ใช้งานหรือครอบครัวขนาดเล็ก ซึ่งถ้าหากยิ่งมีผู้ใช้งานน้อยคนก็จะยิ่งมีพื้นที่บรรทุกสัมภาระได้มากพอสมควร โดยรถยนต์ประเภท B Segment นี้ จะเป็นรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์ประมาณ 1,000 cc. ถึง 1,500 cc. ซึ่งในประเทศไทยแบ่งรถประเภท B - Segment เป็นสองประเภทอีกคือ
รถยนต์ Eco Car (อีโคคาร์) ถือว่าจัดอยู่ในรถยนต์ประเภท B Segment โดยส่วนใหญ่รถยนต์ประเภทนี้จะมีขนาดเครื่องยนต์ประมาณ 1,200 cc. ยกตัวอย่างรถอีโคคาร์ในบ้านเราก็จะมี Suzuki Celerio, Honda Brio, Mitsubishi Attrage ,Nissan Almera และรถยนต์ Toyota Yaris เฉพาะรุ่นที่ผลิตตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นไป
รถยนต์ปกติ ที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 cc. ที่นับว่ามีขนาดเครื่องยนต์ใหญ่กว่ารถประเภท Eco Car (อีโคคาร์) แต่ก็ถือว่าเป็นรถประเภท B- Segment ด้วย ไม่ใช่เพียงขนาดเครื่องยนต์ที่เพิ่มมา แต่จะมีออฟชั่นเสริมให้เลือกเพิ่มขึ้นอีกไปต่างๆกัน อาทิเช่น รถยนต์ Honda City, Honda Jazz, Toyota Vios, Ford Fiesta, Mazda2 เป็นต้น
ขนาดรถที่ใกล้เคียงของ Eco Car - B-Segment ต่างกันเพียงแค่ขนาดเครื่องยนต์
รถยนต์ประเภท C Segment หรืออีกคำอีกเรียกคือ Compact Car รถยนต์ไซส์กลางๆ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ เน้นการเสริมแต่งเครื่องยนต์และระบบช่วงล่างเพื่อการเพิ่มสมรรถนะให้เหมาะกับการใช้งานที่หนักขึ้นกว่ารถยนต์ประเภทก่อนหน้า โดยรถยนต์ประเภท C Segment จะมีขนาดเครื่องยนต์ประมาณ 1,500 cc. ถึง 2,200 cc. และจะมีความยาวของรถประมาณ 4.4 -4.75 เมตร อาทิเช่น Toyota Corolla Altis, Honda Civic, Ford Focus และ Mazda3
รถยนต์ประเภท D Segment เพิ่มเติมที่การตกแต่งภายในเน้นความหรูหรามากขึ้น อีกทั้งวัสดุที่นำมาใช้ที่ดีกว่า ตัวรถมีขนาดใหญ่กว่า สมรรถนะการขับขี่ดีกว่า และขนาดเครื่องยนต์ใหญ่กว่ารถยนต์ประเภท C Segment มาอีกระดับ ทั้งนี้ก็เพื่อความสวยหรูและรองรับขนาดของรถยนต์ ตัวอย่างรถยนต์ประเภท D Segment นี้ได้แก่ Toyota Camry, Honda Accord, Nissan Teana, Ford Fusion ,Mazda6
รถยนต์บางประเภทที่มีหน้าตาคล้ายกัน แต่คุณสมบัติต่างกัน
E Segment เป็นรถยนต์ที่มีความนิยมอย่างมากในทวีปอเมริกา เพราะเป็นรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ที่สุด หรือในต่างประเทศจะ E Segment จะเป็นที่รู้จักอีกชื่อหนึ่งว่า “Full Size Car” แต่ด้วยความที่รถยนต์ประเภทนี้มีขนาดใหญ่ รวมทั้งส่วนประกอบต่างถูกจัดไว้ชั้นดีเลิศ ทำให้รถยนต์ประเภทนี้มีราคาค่อนข้างสูง รถยนต์ประเภท E Segment หรือ Full Size Car นี้ ไม่ค่อยมีวางจำหน่ายในบ้านเรา ที่มีให้เห็นกันบ้างก็แต่ที่จะถูกนำเข้ามาขายอย่าง Toyota Avalon, Chevrolet Impala เป็นต้น
รถยนต์ประเภท Entry-level luxury หรือ Compact Executive Car คือรถยนต์ที่เน้นความหรูหราทั้งในเรื่องของการตกแต่งและวัสดุที่นำมาใช้ อีกทั้งขนาดเครื่องยนต์ที่ใช้จะเป็นเครื่องสมรรถนะสูงเพิ่มความดุดันและการขับขี่ที่มั่นใจในหลายๆ สภาวะ โดยรถยนต์มีขนาดเท่ากับ Compact Car ยกตัวอย่างรถยนต์ประเภทนี้ เช่น Mercedes-Benz C-Class, Lexus IS, Audi A4 และ BMW Series3 เป็นต้น
Mid-Size luxury car คือ รถยนต์นั่งหรูหราระดับกลาง ตัวรถที่มีขนาดใหญ่กว่ารถยนต์ขนาดกลางทั่วไป เพิ่มเติมที่คุณภาพด้านต่างๆ ของตัวรถสูงกว่ารถยนต์ขนาดใหญ่ มีการตกแต่งที่หรูหรา พร้อมทั้งสมรรถนะที่สูงกว่ารถยนต์ขนาดกลางและรถยนต์ขนาดใหญ่ทั่วๆไป ยกตัวอย่างรถยนต์ประเภท Mid-Size Luxury Car เช่น Mercedes-Benz E-Class, Lexus G8, Audi A6, BMW Series 5 ,Volvo S80, Toyota Crown, Nissan Pressident
BMW Series 5 จัดว่าเป็นรถประเภท Mid-Size Luxury Car
รถยนต์ประเภท Full-Size Luxury Car หรือรถยนต์ขนาดใหญ่ประเภทหรูหรา ถืิอเป็นรถยนต์หรูหราที่มีขนาดใหญ่ เครื่องยนต์ของรถยนต์ประเภท Full - Size Luxury Car ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องยนต์ขนาด 3,000 cc. ถึง 4,500 cc. จำนวนลูกสูบตั้งแต่ V6 ไปจนถึง V12 ยกตัวอย่างรถยนต์ประเภทนี้เช่น Mercedes-Benz S-Class, Lexus LS, Audi A8, BMW Series 7, Jaguar XJ, Maserati Quttroporte เป็นต้น
หรือที่เราเรียกกันว่า “รถสปอร์ต” ส่วนใหญ่ที่เห็นๆกันก็จะเป็นรถยนต์ 2 ที่นั่ง มาพร้อมกับตัวถังที่เป็นแบบคูเป้ และบางรุ่นก็จะเป็นแบบซีดานซึ่งก็ยังนับเป็น Sport Car ได้อยู่ และเพื่อที่จะ
สามารถเค้นสมรรถนะของรถให้ออกมาได้มากที่สุดจึงมีการลดน้ำหนักของตัวถังให้เบากว่ารถปกติทั่วไป ยกตัวอย่างรถยนต์ที่เป็น Sport Car ได้แก่ Toyota 86 , Chevrolet Corvette , Mitsubishi Lancer Evolution, Subaru WRX STi, Subaru BR-Z เป็นต้น
ถูกจัดอยู่ในประเภทรถสปอร์ตที่มีความหรูหราและสมรรถนะที่เพิ่มขึ้นมาอีกระดับจากรถ Sport Car ยกตัวอย่างรถยนต์ประเภท Grand tourer เช่น Porsche 911, Maserati Granturismo, Aston Martin DB9,
Nissan GT-R
กับเครื่องยนต์ที่มีขนาด 6 สูบขึ้นไป เน้นในเรื่องของสมรรถนะและเชื่อได้เลยว่ารถประเภทนี้เป็นรถยนต์ในฝันของใครหลายๆ คน น่าจะเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีแค่เอ่ยชื่อยี่ห้อ ยกตัวอย่างเช่น Lamborghini Huracan, Lamborghini Aventador, Ferrari 458 italia, Ferrari F12 หรือ McLaren MP4-12C เป็นต้น
Ferrari 458 Super Car ในฝันของใครหลายๆ คน
เน้นไปที่เรื่องการทำความเร็วสูงสุด ซึ่งรถประเภทนี้จะต้องทำความเร็วได้ถึง 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยจุดเด่นที่พละกำลังแรงม้าและมีสมรรถนะที่สูงมากทั้งคัน ระดับแรงม้าของรถที่เกิน 700-800 แรงม้าและมีบางรุ่นที่มีแรงม้าสูงถึง 1,000 แรงม้าหรือมากกว่าอีกด้วย ยกตัวรถยนต์ประเภท Hypercar นี้ได้แก่ Bugatti Veyron, Pagani Huayra, Ferrari LaFerrari, McLaren P1 เป็นต้น
หวังว่าเนื้อหาคงเป็นประโยชน์ ทำให้ทราบถึงประเภทรถยนต์ที่คนทั่วโลกเข้าใจตรงกันว่ารถยนต์คันไหนอยู่ในประเภทใด ถูกจัดให้เป็นรถขนาดไหนทั้งเรื่องคุณภาพและราคารถสามารถคัดกรองแบ่งประเภทรถได้หลากหลายใช่เพียงเรื่องขนาดตัวรถเพียงเท่านั้น
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้
ดูเพิ่มเติม