Mitsubishi Attrage สวยงาม เน้นความประหยัด ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้ามนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆ

ภายนอก

การออกแบบภายนอกของ Mitsubishi รุ่น Attrage มีการเปลี่ยนแปลงน้อยหน่อย โดยยังคงดีไซน์ไฟหน้า-ไฟท้ายเช่นเดิม แต่มีการปรับส่วนกันชนใหม่ ตกแต่งด้วยโครเมี่ยมบริเวณไฟตัดหมอก พร้อม  Daytime Running Light แบบ LED ดีไซน์กระจังหน้าขนาดใหญ่แบบโครเมียมดุจรถหรูราคาแพง ถึงจะเป็นรถ eco car แต่ก็ขอแอบหรูหรากับเขาบ้างนะครับ พร้อมล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วสีเงินรมดำดีไซน์ โฉบเฉี่ยว ลงตัว ในทุกมิติ และยางขนาด 185/55 R15
   
รูปทรงของ Attrage ดูไม่ยาว แต่ก็มีห้องโดยสารที่กว้างขวางพอใช้ได้  ที่เปิดประตูแบบย้อนยุค สีเดียวกับตัวรถ มีช่องกุญแจในฝั่งผู้โดยสารตอนหน้า สำหรับฝั่งคนขับ มีปุ่มกดเพื่อล็อคหรือปลดล็อคประตู ทำงานเมื่อมีกุญแจรีโมทอยู่ภายนอกตัวรถในระยะใกล้
 
ตัวถัง Sedan โดย Mitsubishi Attrage นั้นโดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตรอบคัน เฉียบคมทุกสัมผัส มากับขนาดความยาว 4,245 มม. ความกว้าง 1,670 มม. ความสูง 1,515  มม. ระยะฐานล้อ 2,550 mm. ความจุถังน้ำมัน 42 ลิตร ความจุกระโปรงท้าย 450 ลิตร

ส่วนท้ายของตัวรถก็มีการออกแบบที่สวยงามลงตัว ค่อนข้างทันสมัย โคมไฟท้ายแบบสองชั้น แบ่งสัดส่วนสีแดงกับใส 50:50 แถบโครเมียมท้ายขนาดใหญ่ ดูหรูหรา ถัดลงมาเป็นปุ่มกดเปิดฝาท้าย )ทำงานเมื่อรถไม่ได้ล็อค ( สามารถกดปุ่มเปิดฝาท้ายจากกุญแจรีโมทได้ด้วย (ทำงานได้แม้ว่ารถล็อคอยู่) ฝาท้ายมีน้ำหนักเบา ยกเปิดและปิดโดยไม่ต้องออกแรง และมีไฟส่องสว่างให้ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ เก็บสัมภาระได้มากมายแม้ว่าติดตั้งถังแก๊ส LPG ยังเหลือพื้นที่มากพอ

สิ่งที่น่าประทับใจใน Attrage ก็คือ เมื่อล็อครถ กระจกมองไฟฟ้าจะพับเก็บอัตโนมัติ และเมื่อปลดล็อค สตาร์ตรถ กระจกมองข้างก็จะปรับคืนในตำแหน่งเดิมให้ทันที

ภายใน

ภายในของ Mitsubishi Attrage ตกแต่งด้วย concept smart interior หรูหราทุกมิติ พร้อมด้วยฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกครบครัน เทียบเท่ารถยุโรประดับหรูเลยทีเดียว
 
พื้นที่เบาะหน้า นั่งได้สบายๆ พื้นที่วางขา มีมากเพียงพอ มีระยะห่างจากช่องเก็บของถึงหัวเข่าอยู่พอสมควร ไม่รู้สึกอึดอัด ประตูเข้าออกห้องโดยสารก็กว้าง คนที่ตัวใหญ่เข้า-ออกไม่น่ามีปัญหา ทัศนวิสัยดี ขับง่าย มุมมองกว้างไกล เมื่อปรับความสูงของเบาะที่นั่งคนขับให้สูงอย่างเหมาะสมกับสรีระ

เสาหลังคาทั้งสองข้างขนาดเล็ก มองสะดวกขณะเลี้ยว  เข็มขัดนิรภัยคู่หน้า เป็นแบบ ELR 3 จุด ให้ 2 จุดซ้ายขวา แล้วก็ตรงกลางจะเป็นเข็มขัดนิรภัยแบบคาดเอว หากเป็นรุ่น GLS ขึ้นไป จะมีระบบลดแรงปะทะ และดึงกลับอัตโนมัติ มาให้ทั้ง 2 ฝั่ง แต่ถ้าเป็นรุ่น GLX จะมีมาให้เฉพาะฝั่งคนขับเท่านั้น

พวงมาลัยของ Attrage ทุกรุ่นเป็นแบบ ยูรีเทน 3 ก้าน ออกแบบขึ้นใหม่ มีขนาดเส้นรอบวงกำลังดี ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป ที่ปรับระดับของพวงมาลัยอยู่ด้านซ้ายมือ ไม่ต้องคลำหา และในรุ่น 1.2 GLS Limited ตัวท็อป พวงมาลัยจะถูกหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ และมี Trim ประดับเป็นสีเงินพร้อมกับสวิชต์ควบคุมชุดเครื่องเสียง บนพวงมาลัย เพิ่มความสวยงามหรูหราอีกระดับ
 

มาตรวัดแบบ Combination meter พร้อมตกแต่งแบบ silver decoration โดดเด่นเหนือใคร โดยมีหน้าจอ LCD แสดงอัตราการใช้น้ำมัน Litre/100km มีมาตรวัด 3 วางกลม ซ้อนกัน ตรงกลางเป็นมาตรวัดความเร็ว ฝั่งซ้ายเป็นมาตรวัดรอบและแสดงสัญญาณไฟเตือนในระบบ ส่วนฝั่งขวาแสดงสัญญาณไฟเตือนในระบบที่สำคัญ ชุดเครื่องเสียง จะเป็นหน้าจอ Touch Screen ขนาด 6.5 นิ้ว เล่นได้ทั้งวิทยุ, DVD, MP3, Bluetooth พร้อมระบบนำทางผ่านดาวเทียม GPS Navigation System และมีสายเชื่อมต่อ USB เตรียมไว้ให้ อยู่ในลิ้นชักเก็บของ
  ช่องปรับแอร์ ในรุ่น GLX นั้น เครื่องปรับอากาศ จะเป็นแบบ manual  ใช้งานง่ายดี และในรุ่น GLS และ GLS Limited จะเป็น 2 รุ่นย่อย ที่ได้ใช้เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ ปรับทิศทางได้สะดวก

ช่องเก็บของท้ายรถกว้างขวาง จุของได้เยอะมาก
 

เครื่องยนต์
  Mitsubishi Attrage มาพร้อมกับเครื่องยนต์เป็นรหัส 3A92 แบบเบนซิน 3 สูบ DOHC MIVEC 12 วาล์ว 1,193 ซีซี 78 แรงม้า แรงบิด 10.2 กก.-ม. ให้สมรรถนะที่เพียงพอแม้ใช้งานเดินทางไกล อัตราเร่งเริ่มไหลลื่นเมื่อผ่าน 2,500 รอบต่อนาที และมีเกียร์โหมด S ช่วยรักษารอบไม่ให้ตกเมื่อผ่อนคันเร่ง ช่วยให้การเร่งแซงฉับไวขึ้น เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่ไม่มีช่วงรอบตก ช่วยให้อัตราเร่งดีขึ้นอีกพอสมควร ส่วนการขับด้วยความเร็วคงที่ก็ใช้รอบไม่สูง โดยที่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้รอบประมาณ 1,900 รอบต่อนาที สำหรับรถคันที่รีวิวนี้ ได้มีการติดตั้งระบบแก๊สรถยนต์ทันทีที่ออกมาจากโชว์รูม

อีกส่วนสำคัญ และเป็นสิ่งจำเป็นของรถยุคใหม่นั่นก็คือระบบความปลอดภัย Mitsubishi Attrage ซึ่งประกอบไปด้วย

• RMS-FORWARD ระบบ ตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว เฉพาะด้านหน้า เป็นระบบเสริมความปลอดภัย โดยระบบจะตรวจจับวัตถุด้านหน้า หากมีการเหยียบคันเร่งผิดพลาดอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ระบบจะทำการเตือนและตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะอัตโนมัติ เพื่อให้ผู้ขับขี่เบรกรถได้ทัน ช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการชน  (เฉพาะรุ่น GLS-LTD, GLS)
• ระบบไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ ESS (Emergency Stop Signal system) เมื่อเกดสถานการณ์เบรกกะทันหันหรือระบบเบรกแบบ ABS ทำงานระบบจะทำการเปิดไฟกระพิบฉุกเฉินโดยอัตโนมัติเพื่ิแจ้งรถที่ตามมาที่หลัง ความเร็วขณะขับต้องมากกว่า กม./ชม
• FCM-LS ระบบ เตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (ที่ความเร็วต่ำ) เป็นระบบเสริมความปลอดภัย โดยระบบจะประเมินระยะห่างจากรถยนต์คันหน้า หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชนรถยนต์คันหน้า ในช่องทางเดียวกัน ระบบจะทำการเตือนและช่วยชะลอความเร็ว  (เฉพาะรุ่น GLS-LTD, GLS)
• กล้องมองภาพหลัง ขณะถอยจอด (เฉพาะรุ่น GLS-LTD)

Mitsubishi Attrage  มาพร้อม 6 สี ดังนี้   สีน้ำเงิน สีเงิน  สีขาว สีเทาดำ สีดำ  สีแดง  และมีรุ่นและราคาให้เลือกดังนี้

• GLX MT - 456,000 บาท
• GLX CVT - 490,000 บาท
• GLS CVT - 545,000 บาท
• GLS-LTD - 594,000 บาท

ขอบคุณรูปภาพมาจาก auto.sanook.com