ใกล้แล้วสำหรับค่าย Toyota ในการเตรียมปล่อยหมัดเด็ดเพื่อเข้ามาทำให้ตลาดรถ Compact Crossover เดือดยิ่งกว่า จากที่ปล่อยให้ Honda กับรุ่น HR-V ขายดิบขายดีมาได้พักใหญ่ตั้งแต่ช่วยปลายปี 2014 จนกลายเป็นจ้าวตลอด ครองยอดขายสูงที่สุดทิ้งห่างอันดับ 2-3 หลายเท่าตัว แต่การมาของ Toyota C-HR ในปี 2018 นี้ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อ Honda HR-V รวมถึงการตัดสินใจของผู้ซื้อที่กำลังมองหารถประเภทนี้อยู่ ว่าควรเลือกรุ่นไหนดี
เรื่องชื่อชั้นความมั่นใจจากผู้บริโภค ทั้งสองค่ายไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันทั้ง Toyota และ Honda อาจทำให้ผู้ซื้อต้องคิดหนัก อีกทั้งเรื่องดีไซน์ ออพชั่นอุปกรณ์ที่ให้มากับตัวรถก็ไม่ได้มีใครยอมใครกันเลย ท่ามกลางความสับสนในครั้งนี้ Chobrod จึงขออาสาพาไปเปรีบเทียบรถทั้งสองรุ่นนี้กัน ว่าคันไหนที่เหมาะ และใช่ที่สุดสำหรับคุณ
C-HR และ HR-V สวยทั้งสองแบบสองสไตล์
ชื่อชั้นของ Toyota C-HR แม้จะออกใหม่ในไทย แต่ผลงานที่สร้างสมมานั้นถือว่าใช่ย่อย C-HR เป็นรถ SUV ที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วทั้งในยุโรป และอเมริกา อีกทั้งยังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในตลาดรถของประเทศญี่ปุ่น จนกลายเป็นรถครอสโอเวอร์ที่มียอดขายสูงสุดในประวัติศาสตร์ด้วยยอดขายกว่า 260,000 คัน
ภายนอก Toyota C-HR
เส้นสายอันโฉบเฉี่ยวถึงระดับขีดสุด ล้ำหน้าเกินกว่ารถยุคนี้จะมีออกมา ต้องให้เครดิตกับทาง Toyota ไปเต็มๆ ที่กล้าเสี่ยงบางสิ่งที่ตัวตนของค่ายไม่ค่อยกล้าทำออกมาสักเท่าไรนัก กับรถรุ่นอื่นๆ ไฟหน้าคล้ายกับตาเหยี่ยวกินพื้นที่กว้างต่อเนื่องไปถึงแก้มข้าง ซึ่งดูหนา โป่งออกมาจากประตูชัดเจน ถูกทำให้เป็นตัวสร้างมิติให้กับรถได้ดียิ่งขึ้น แม้กระจังพร้อมโลโก้สามห่วงขนาดไม่ใหญ่มาก ก็หาได้เป็นอุปสรรคต่อความงดงามที่ถูกออกแบบมาให้กับรถคันนี้ ไฟหน้า Projector Lens แบบ Bi-LED (Full LED) คือความพิเศษที่รุ่น Hybrid เท่านั้นจะได้รับ พร้อมไฟตัดหมอกที่ถูกจัดวางไว้อย่างลงตัวกับบริเวณกันชนด้านล่าง พอไล่มาดูที่ด้านข้างจะยิ่งสัมผัสได้ถึงส่วนเว้าโค้งที่มากขึ้น แต่ไม่ดูขัดตา ที่เปิดประตูหลังทั้งสองข้างถูกซ่อนไว้บริเวณกระจกของบานหน้าต่างหลัง หลังคาไล่สูงจากด้านหน้าลาดลงไปที่ส่วนท้ายของตัวรถ ยิ่งเพิ่มอารมณ์ความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวเข้าไปอีก เรียกได้ว่ามองมุมไหนก็โดดเด่นอย่างแน่นอนถ้า Toyota C-HR คันนี้วิ่งอยู่บนท้องถนน
แต่ก็ใช่ว่า Honda HR-V ยนตกรรมครอสโอเวอร์รุ่นปฐมบทของทางค่ายตัว H จะน้อยหน้าในเรื่องดีไซน์ภายนอก ที่เน้นในเรื่องของการผสมผสานได้อย่างลงตัวระหว่างความหรูหรา พร้อมซ่อนไว้ถึงความโฉบเฉี่ยว อัตลักษณ์อันโดดเด่นของ Honda ขั้นสุดถูกถ่ายทอดไว้ให้กับรถรุ่นนี้ ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่าง ณ เวลากลางวัน LED Daytime Running Light (DRL) ถูกขั้นกลางด้วยกระจังหน้าคาดสีโครเมี่ยมตรงกลางบางๆ วางด้วยโลโก้ Honda ชัดเจน แม้ความล้ำ หรือโฉบเฉี่ยวจะดูน้อยกว่า แต่สิ่งที่ทดแทนคือความรู้สึกหรูหรา เรียบง่าย และดูแพง อาจจะทดแทนได้สำหรับความต้องการของใครหลายๆ คน ไล่มามองที่ด้านข้าง ความเรียบง่ายยังถูกส่งต่อมาที่บริเวณนี้ แต่เส้นสายที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของตัวรถยังคงมีพอให้รู้สึกถึงความสปอร์ตอยู่บ้าง ที่เปิดประตูหลังก็ถูกซ่อนไว้ที่บริเวณกระจกหน้าต่างเช่นเดียวกันกับ C-HR ที่เด่นกว่าอย่างเห็นได้ชัดคือ หลังคาพาโนรามิค ซันรูฟบานใหญ่แม้จะไม่ค่อยได้ใช้ในชีวิตประจำว่า แต่สามารถตอบโจทย์วันพักผ่อนกับสถานที่ใหม่ๆ ที่ HR-V คันนี้พร้อมจะมีประสบการณ์ร่วมด้วยไปกับผู้ขับขี่
ภายนอก Honda HR-V
เทียบมิติตัวถัง Toyota C-HR กับ Honda HR-V
ความยาวตัวถัง (mm.) ::C-HR(4360) , HR-V(4294)
ความกว้างตัวถัง (mm.) :: C-HR(1795), HR-V(1772)
ความสูงตัวถัง (mm.) :: C-HR(1565), HR-V(1605)
ระยะฐานล้อ (mm.) :: C-HR(2640), HR-V(2570)
ความสูงจากพื้น (mm.) :: C-HR(N/A), HR-V(185)
ที่ภายนอกทั้งสองรุ่นถือว่าไม่ยอมกันเลย ต่างค่ายชูจุดเด่นที่ให้มาแตกต่างกัน ความเร้าใจที่เรื่องดีไซน์ แน่นอนว่าคะแนนเรื่องนี้ต้องยกให้ Toyota C-HR แต่ใช่ว่าความโฉบเฉี่ยวจะเป็นคำตอบสุดท้ายของทุกคนเสมอไป บางคนแค่ต้องการความสวยงาม เรียบหรู ดูแพง ซึ่งถ้ามาทางนี้ Honda HR-V เหนือกว่าอย่างมีเหตุผล อีกทั้งคะแนนเรื่องอุปกรณ์ที่ราคาจ่ายถูกกว่าแต่กลับได้หลังคาแก้วพาโนรามิคขนาดใหญ่ ยิ่งตอบโจทย์ความต้องการของทุกแง่การใช้งานได้ดียิ่งกว่า
สรุปว่ายกนี้ให้เสมอกัน ต้องแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล สดกว่าใหม่กว่า ชอบเรื่องดีไซน์ที่ล้ำสมัยคล้ายขับยานอวกาศให้ไปทาง Toyota C-HR แต่ถ้าต้องการแนวเรียบง่าย หรูหรา แต่แฝงความสปอร์ตมาให้นิดๆ ก็ต้องยกให้ Honda HR-V
ส่วนของภายในห้องโดยสาร เน้นการออกแบบที่มีสไตล์เพื่อหวังตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการอะไรแตกต่าง ดีไซน์การออกแบบต้องมีเอกลักษณ์อาจอยู่เหนือเรื่องการใช้งานไปสักหน่อย C-HR จีงไม่ได้เน้นขายเรื่องความกว้างสบาย เน้นใช้งานเท่าไรนัก แต่ก็อยู่ในระดับที่ยอมรับได้เมื่อใช้งานจริง สามารถจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้เข้ากับการออกแบบได้อย่างลงตัว อีกทั้งวัสดุ และการเลือกใช้สีของภายในทั้งโครเมี่ยม หนัง และ Piano Black ยิ่งทำให้ตัวรถดูล้ำสมัยขึ้นไปอีก หน้าจอขนาด 7 นิ้วพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานแบบครบครัน มากับลำโพง 6 ตัว รวมถึงระบบนำทาง Navigator, T-Conncet Telematics ในทุกอรรถประโยชน์เพื่อตอบโจทย์ทุกการใช้งานของคุณรุ่นใหม่ เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยมือ และดันหลังไฟฟ้า พื้นที่เก็บสัมภาระอยู่ที่ 55 ลูกบาศก์ฟุต โดยรวมเรื่องวัสดุที่ใช้ และการออกแบบ เร้าใจต่อเนื่องมาจากด้านนอก พอมาที่ด้านในก็ถือว่าทำได้เข้ากันลงตัวเป็นอย่างดี
ภายใน Toyota C-HR
ทางด้านของ Honda HR-V ถ้าบอกว่าภายนอกดูเรียบแล้วภายในก็เช่นกัน แม้รูปทรงของคอนโซลเมื่อมองผ่าน ๆ อาจดูคล้ายของรถรุ่นในคล้าย แต่การเลือกใช้วัสดุสี Piano Black กับสีเงิน กลับทำให้ภายในของรุ่นนี้ดูดีเหนือกว่า หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับ Smart Phone, ระบบ Bluetooth, USB อีกทั้งช่องเสียบ HDMI สำหรับส่งต่อระบบความบันเทิงได้อย่างเต็มที่ ผ่านเสียงจากลำโพงทั้ง 6 ตัว เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อม Paddle Shift และหลังคาพาโนรามิคคือข้อดีที่ต่อเนื่องจากภายนอก และพื้นที่เก็บสัมภาระใหญ่กว่าอยู่ที่ 59 ลูกบาศก์ฟุต รวมไว้ครบทุกองค์ประกอบแห่งสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ มอบให้สัมผัสแห่งความหรูหรา และความสะดวกสบายในเวลาเดียวกันแบบไร้ที่ติ
ภายใน Honda HR-V
การตัดสินเลือกจากภายในห้องโดยสาร อาจต้องอิงหลักการตัดสินจากภายนอกนำมาใช้ เพราะอุปกรณ์ ฟังก์ชั่นการทำงาน แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ใครชอบเรื่องดีไซน์ในแนวสปอร์ตแบบเต็มขั้น พร้อมทั้งความสดใหม่ Toyota C-HR คือคำตอบในเรื่องภายใน แต่ถ้าเน้นเรียบง่าย ดูหรู แถมมีหลังคาแก้ว และ Paddle Shift ให้เล่นก็ต้องไปทาง Honda HR-V ที่มีเครดิตดีกว่าในเรื่องนี้
ในรุ่นท็อปแพงสุดของ C-HR จะเป็นเครื่องยนต์เบนซินไฮบริด 1.8L บล็อกเดียวกับที่ถูกใช้อยู่ใน Prius 2018 ล่าสุด พลังขับเคลื่อนร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซินรหัส 2ZR-FXE 4 สูบแถวเรียง DOHC 1.8L ให้กำลังม้าอยู่ที่ 98 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 142 นิวตัน-เมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 72 แรงม้า แรงบิด 163 นิวตัน-เมตร พร้อม EV โหมดที่อาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียวในการขับเคลื่อนเพิ่มความประหยัดน้ำมันขึ้นไปอีก ส่งกำลังโดยผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT
ขุมพลังทางเลือกในแบบไฮบริดของ C-HR
HR-V มีเครื่องยนต์เพียงขนาดเดียวมาให้เลือก กับเครื่องยนต์เบนซิน i-VTEC SOHC ขนาด 1.8L ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด PGM-FI ปล่อยกำลังอยู่ที่ 141 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 172 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ CVT รองรับพลังงานทางเลือก E85
เครื่องยนต์ 1.8L ของ Honda HR-V
ถ้าเลือกในส่วนของเครื่องยนต์ กับราคาที่แพงกว่าเพียง 5 หมื่นของ Toyota C-HR แต่ได้เครื่องยนต์พลังไฮบริด รับประกันคุณภาพ 5 ปีแถมประกันตัวแบตฯ อีก 10 ปี ส่วนต่างที่จ่ายแพงกว่า กับความประหยัดน้ำมันที่ได้ แค่ใช้รถไม่ถึง 5 ปี ก็คุ้มแล้ว เหมาะมากที่ Toyota C-HR คันนี้จะเป็นรถไฮบริดคันแรกของใครหลายๆ คน ยกนี้ในเรื่องเครื่องยนต์ ต้องขอตามเทรนด์รักษ์โลก และเทคโนโลยีด้านไฮบริดสักหน่อย ให้ Toyota C-HR เข้าวินกับราคาที่จ่ายแพงกว่านิดหน่อยแต่คุ้มที่จะเลือก ใครที่แย้งว่าระบบใหม่ ใช้แบตฯ ใช้มอเตอร์ต้องซ่อมแพง จุกจิก น่าจะเลิกโต้แย้งเรื่องนี้ได้แล้วกับบทพิสูจน์จากรถหลายๆ รุ่นของ Toyota
ถังลมนิรภัย 7 ใบ
ระบบความปลอดภัยเตือนก่อนการชนและช่วยเบรกอัตโนมัติ Pre-Collision System
ระบบเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Monitor
กล้องมองภาพขณะถอย
แจ้งเตือนลมยาง
ระบบความปลอดภัยต่างๆ ใน Toyota Safety Sence
Honda HR-V
ออกมานานกว่าเทคโนโลยีบางอย่างก็ต้องยอมรับว่าเก่ากว่า ไม่พอแล้วสำหรับรถป้ายแดงในตอนนี้ แม้กระทั้ง Cruise Control ที่ Honda ให้มายังเป็นแบบธรรมดา ไม่ใช่แบบ Dynamic ถุงลมนิรภัย 6 ใบ กับระบบความปลอดภัยพื้นฐานอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ABS, EBD, ระบบควบคุมการทรงตัว, ระบบออกตัวบนทางลาดชัน และอื่นๆ ที่ HR-V มีมาให้ C-HR ก็มีมาให้ด้วยเหมือนกัน
ดังนั้นในเรื่องเทคโนโลยีความปลอดภัย ตอนนี้ที่มาแรง และสดใหม่กว่า อัพเดทความปลอดภัยมากกว่าต้องยกให้กับ Toyota C-HR กับความล้ำที่ไม่ได้มาแต่กับรูปทรงทันสมัยเท่านั้น แต่อุปกรณ์เพื่อใช้ในการช่วยเหลือการขับขี่ และปกป้องชีวิตได้จริงก็ล้ำสมัยเหมาะกับรูปทรงรถที่ดีไซน์ออกมาจริงๆ
แบ่งแยกตามโจทย์ทั้ง 4 เรื่อง Toyota C-HR น่าซื้อกว่า (ณ เวลานี้)
ระบบความปลอดภัยของรุ่นนี้ถือว่า Toyota ยัดเทคโนโลยีมาให้แบบไม่น้อยหน้ากับเวอร์ชั่นที่ขายในต่างประเทศ โดยเฉพาะรุ่นท็อปสุดที่มากับ Toyota Safety Sence เทคโนโลยีความปลอดภัยในการนำเรดาห์เข้ามาช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในการขับขี่ ความปลอดภัยที่น่าสนใจใน Toyota C-HR มีดังต่อไปนี้
ระบบความปลอดภัยต่างๆ ใน Toyota Safety Sence
ออกมานานกว่าเทคโนโลยีบางอย่างก็ต้องยอมรับว่าเก่ากว่า ไม่พอแล้วสำหรับรถป้ายแดงในตอนนี้ แม้กระทั้ง Cruise Control ที่ Honda ให้มายังเป็นแบบธรรมดา ไม่ใช่แบบ Dynamic ถุงลมนิรภัย 6 ใบ กับระบบความปลอดภัยพื้นฐานอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ABS, EBD, ระบบควบคุมการทรงตัว, ระบบออกตัวบนทางลาดชัน และอื่นๆ ที่ HR-V มีมาให้ C-HR ก็มีมาให้ด้วยเหมือนกัน
ดังนั้นในเรื่องเทคโนโลยีความปลอดภัย ตอนนี้ที่มาแรง และสดใหม่กว่า อัพเดทความปลอดภัยมากกว่าต้องยกให้กับ Toyota C-HR กับความล้ำที่ไม่ได้มาแต่กับรูปทรงทันสมัยเท่านั้น แต่อุปกรณ์เพื่อใช้ในการช่วยเหลือการขับขี่ และปกป้องชีวิตได้จริงก็ล้ำสมัยเหมาะกับรูปทรงรถที่ดีไซน์ออกมาจริงๆ
แบ่งแยกตามโจทย์ทั้ง 4 เรื่อง Toyota C-HR น่าซื้อกว่า (ณ เวลานี้)
2 ข้อแล้วแต่ความชอบของผู้ซื้อคือในเรื่องการออกแบบภายนอก และภายใน ที่มากันแบบ 2 อารมณ์ จึงได้คะแนนเสมอกัน แต่ Toyota C-HR กลับทำได้ดีในเรื่องของระบบส่งกำลังที่มากับเทคโนโลยีไฮบริด และระบบความปลอดภัยที่ให้มาแบบจัดหนักสุดคุ้ม คุ้มกับเงินห้าหมื่นที่แพงกว่า Honda HR-V ถ้า ณ เวลานี้เลือกระหว่าง 2 รุ่นนี้ต้องยกให้ Toyota C-HR เป็นรุ่นที่น่าซื้อกว่า โดยไร้ข้อกังขา
แล้วคุณละชอบรุ่นไหนมากกว่ากัน กับรถในประเภท Crossover ยกสูงยอดนิยมนี้ บอกกับเรา Chobrod ให้ได้รู้กันสักหน่อย
ดูเพิ่มเติม