เช็กหาสาเหตุหลัก 3 ปัญหาแอร์รถยนต์ที่พบได้บ่อย

ประสบการณ์ใช้รถ | 17 ก.ย 2564
แชร์ 1

เปิดเช็กให้รู้ อาการผิดปกติของระบบแอร์รถยนต์ กับ 3 ปัญหาแอร์รถยนต์ที่พบบ่อย ลองตรวจสอบดูว่า รถยนต์ของคุณกำลังประสบปัญหานี้อยู่หรือเปล่า? พร้อมวิธีแก้ไข

ปัญหาที่คนขับรถหลายคนอาจเคยเจอ คงหนีไม่พ้นปัญหาจากแอร์รถยนต์ และวันนี้ Chobrod จะพาไปสำรวจ ปัญหาแอร์รถยนต์ที่พบได้บ่อย มีอาการอะไรบ้างที่คนใช้รถควรรู้

1. แอร์รถไม่เย็น

โดยปกติแล้วระบบแอร์รถยนต์เป็นระบบปิด ซึ่งจะไม่มีการรั่วไหลของน้ำยาแอร์ออกไปนอกระบบ ยกเว้นมีการรั่วซึมของอุปกรณ์ต่างๆ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเติมน้ำยาแอร์บ่อย ๆ เมื่อผู้ใช้รถยนต์สังเกตว่าความเย็นของระบบแอร์ลดลง ท่านควรนำรถเข้าตรวจเช็กว่ามีอุปกรณ์ตัวใดที่เสื่อมสภาพหรือเกิดรูรั่ว เพื่อทำการตรวจซ่อม ถ้าพบว่าไม่มีรูรั่วเกิดจากน้ำยาแอร์พร่องหายไปหรือมีปริมาณน้อยลงก็สามารถเติมน้ำยาเพิ่มเข้าไปเพื่อทำให้ระบบแอร์รถยนต์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

​ปัญหาแอร์รถยนต์ แอร์ไม่เย็น
ปัญหาแอร์รถยนต์ แอร์ไม่เย็น

น้ำยาแอร์ก็คือ สารให้ความเย็นนั่นเอง ซึ่งสารชนิดนี้มีคุณสมบัติในการ ดูดซับความร้อน รอบๆ ข้างเข้ามาอยู่ในตัวของมันแล้วทำให้อากาศบริเวณ รอบข้างมีอุณหภูมิต่ำลง เราสามารถแบ่งน้ำยาแอร์สำหรับระบบแอร์รถยนต์ได้เป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ 134A และ R12 สำหรับรถยนต์ที่มีอายุน้อยกว่า 10 ปีจะเป็นน้ำยาแบบ 134A ทั้งหมด น้ำยาแอร์ชนิดนี้จะไม่มีสาร CFC ที่ทำลายชั้นบรรยากาศโลก ส่วนน้ำยาแอร์ R12 เป็นน้ำยาแอร์รุ่นเก่า ส่วนใหญ่จะอยู่ในระบบแอร์ของรถยนต์ที่มีอายุ 10 กว่าปีขึ้นไป ซึ่งท่านควรเติมให้ถูกต้องกับชนิดรถที่ใช้อยู่ สามารถตรวจสอบข้อมูลที่ห้องเครื่องของรถยนต์ ซึ่งจะระบุบชนิดของน้ำยาแอร์ที่รถของเราใช้

2. แอร์มีเสียงดัง

ถ้าพบว่าแอร์รถยนต์มีเสียงดังผิดปกติเมื่อเปิดใช้งาน ส่วนใหญ่สาเหตุที่ทำให้เกิดเสียงจะมี 2 จุดใหญ่คือเสียงที่เกิดขึ้นจากระบบแอร์ในห้องผู้โดยสาร มักจะเกิดจากมอเตอร์แอร์ที่ทำหน้าที่เป่าลมเย็นออกมาจากช่องแอร์ ดังนั้นวิธีตรวจสอบง่ายๆคือ เมื่อทำการปิดแอร์หรือปรับสปีดความแรงลม สังเกตุว่าความดังของเสียงเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ถ้าเงียบลงหรือเปลี่ยนแปลงไป สันนิษฐานได้ว่า มอเตอร์แอร์มีปัญหาซึ่งต้องทำการเปลี่ยนมอเตอร์แอร์ใหม่ ราคาก็ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ ยี่ห้อรถนั้น ๆ

​ปัญหาแอร์รถยนต์ แอร์เสียงดัง
ปัญหาแอร์รถยนต์ แอร์เสียงดัง

สาเหตุที่สองเป็นเสียงที่ดังมาจากห้องเครื่องยนต์ ต้องตรวจสอบให้ดีว่าเป็นปัญหาที่เครื่องยนต์หรือระบบแอร์ โดยการเปิดปิดแอร์รถยนต์ แล้วสังเกตุว่าเสียงได้เงียบหรือเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ การเปิดปิดแอร์รถยนต์เป็นการตรวจสอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ และพัดลมเป่าคอนเดนเซอร์ว่า เมื่อคอมเพรสเซอร์หรือพัดลมเป่าคอนเดนเซอร์ทำงาน มันได้สร้างเสียงดังผิดปกติหรือเปล่า ถ้าปิดแอร์แล้วยังมีเสียงอยู่ ก็แสดงว่าอาจจะเป็นปัญหาที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของเครื่องยนต์ ไม่ใช่ระบบแอร์ ถ้าปัญหาเกิดจากคอมเพรสเซอร์ต้องให้ช่างตรวจเช็กว่า คอมเพรสเซอร์มีการสึกหรอที่ส่วนใด สามารถซ่อมได้หรือเปล่า หรือจำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่

3. แอร์มีกลิ่น

ระบบการทำงานของแอร์รถยนต์จำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เช่นเดียวกับแอร์บ้าน โดยเฉพาะท่านที่ซื้อรถยนต์มือสอง กลิ่นอับหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ก็เกิดจากฝุ่นและควันจากท่อไอเสีย   ซึ่งจะทำให้คอยล์เย็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ผลิตความเย็นในห้องผู้โดยสาร กลายเป็นแหล่งเก็บฝุ่นละออง และคราบสกปรกต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้นมันจะเป็นที่ที่เพาะเชื้อราและแบคทีเรียหลายชนิดซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของ การไอ จาม และโรคภูมิแพ้ต่างๆได้

ปัญหาแอร์รถยนต์ แอร์มีกลิ่น
ปัญหาแอร์รถยนต์ แอร์มีกลิ่น​

การทำความสะอาดระบบแอร์รถยนต์ด้วยน้ำยาล้างระบบแอร์ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยกำจัดกลิ่นอับ และกำจัดเชื้อโรคและสิ่งสกปรกต่างๆ ได้  และยังช่วยให้การหมุนเวียนของอากาศดีขึ้น และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความเย็น ซึ่งจะทำให้ประหยัดพลังงานมากขึ้นอีกด้วย

และทั้งหมดนี้ก็คือปัญหาแอร์รถยนต์ที่พบบ่อย ที่ใครหลายคนอาจเคยพบประสบเจอ แล้วรถของคุณเอง มีอาการเหล่านี้อยู่หรือเปล่า? ลองตรวจสอบดูเพื่อการแก้ไขที่ทันท่วงที

ดูเพิ่มเติม
>> เช็ก 4 จุดตรวจ เมื่อพบปัญหาแอร์รถยนต์ไม่เย็น

>> เจาะลึก ระบบแอร์รถยนต์ มีการทำงานอย่างไร?

เข้าดู รถบ้านมือสอง ได้ที่นี่