Porsche เลิกผลิตเครื่องดีเซล ทุ่มงบ 6,000 ล้านยูโรมุ่งพัฒนารถไฟฟ้าเพื่ออนาคต

Porsche Mission E concept video debut

PORSCHE เลิกผลิตเครื่องดีเซล ทุ่มงบ 6,000 ล้านยูโรมุ่งพัฒนารถไฟฟ้าเพื่ออนาคต

Porsche กำลังดำเนินการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ โดยคาดการณ์ว่า ภายในปี 2025 กว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ของรถยนต์ Porsche รุ่นใหม่ที่วางจำหน่าย จะเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า งบประมาณดังกล่าวจะครอบคลุมถึงการลงทุนในภาคปฏิบัติ เช่น การพัฒนาหน่วยงานและปรับปรุงกรรมวิธีการผลิต นอกจากนี้ยังรวมถึงการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ สำหรับเป้าหมายในแง่ของผลกำไรขั้นต้นซึ่งจะต้องทำให้ได้อย่างน้อย 15 เปอร์เซ็นต์ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง นอกเหนือจากกระบวนการผลิตที่ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพ ในส่วนของรายรับจากผลิตภัณฑ์และบริการด้านดิจิทัลจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากความสำเร็จของธุรกิจหลักของ Porsche

New Porsche Taycan

อีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงถึงศักยภาพระดับสูงของกระบวนการผลิตรถยนต์และการประยุกต์ใช้ทรัพยากรในสายการผลิต New Porsche Taycan นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า “factory within a factory” ในโรงงานหลักที่ Zuffenhausen ค่าย Porsche เริ่มส่งสัญญาณที่บ่งบอกถึงการยกระดับตนเองออกจากขั้นตอนการผลิตรูปแบบเดิม การนำกระบวน การผลิตแบบยืดหยุ่นมาปรับใช้งาน ทำให้ Porsche กลายเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่ใช้ระบบการขนส่งของสายงานแบบ driverless transport systems อย่างต่อเนื่องในสายพานการผลิต ช่วยให้เกิดการผสมผสานข้อได้เปรียบระหว่างวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมอันรวดเร็วและวิธีการผลิตแบบยืดหยุ่นที่เต็มไปด้วยความอเนกประสงค์
 

ชม Adam Levine โชว์สเต็ปขับรถไฟฟ้า Porsche Mission E ครั้งแรก

ดูเพิ่มเติม
>> ส่องคอนเซปต์ iNext ว่าที่รถ SUV ไฟฟ้าเต็มรูปแบบคันแรกของ BMW
>> ส่องสเปครถยุโรปคันงามในงาน Paris Motor Show 2018

กระบวนการผลิต Porsche Taycan ไม่ก่อให้เกิดมลพิษจากสารประกอบคาร์บอน

วิธีการดังกล่าวยังช่วยเพิ่มจำนวนรอบในการปฏิบัติงานให้สูงขึ้น โดยที่ใช้พื้นที่ในการผลิตเท่าเดิมด้วยแนวคิด ที่ยึดตามหลัก “smart, green, lean” สามารถควบคุมการใช้ทรัพยากรสำหรับการผลิต กระบวนการผลิต Porsche Taycan ไม่ก่อให้เกิดมลพิษจากสารประกอบคาร์บอน สายการผลิตแห่งนี้ตั้งเป้าหมายเพื่อการเป็นโรงงานที่ปราศจากผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยสมบูรณ์ในอนาคต

 Porsche Taycan ช่วยสร้างตำแหน่งงานใหม่กว่า 1,200 งาน

การผลิต Porsche Taycan ช่วยสร้างตำแหน่งงานใหม่กว่า 1,200 งานให้แก่โรงงาน Zuffenhausen นับเป็นหนึ่งในโครงการที่สร้างสรรค์ตำแหน่งงานมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ของบริษัท พนักงานใหม่ทุกคนจะไม่เพียงทำหน้าที่ผลิตแต่ยังรับบทบาทในการผลิตรถสปอร์ต 2 ประตูรุ่นอื่นๆ อีกด้วย เป้าประสงค์หลักของ Porsche สำหรับรองรับการมาถึงของ Taycan คือการสร้างทีมงานที่มีส่วนผสมลงตัวระหว่างบุคลากรผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการผลิตรถสปอร์ตกับบุคลากรรุ่นใหม่ การพัฒนาดังกล่าวประกอบด้วยหลักสูตรการฝึกอบรมพิเศษสำหรับบุคคลจำนวนมากซึ่งจะเกิดขึ้น ได้ด้วยการเนรมิตโถงของโรงงานผลิต Zuffenhausen ให้กลายเป็นศูนย์ฝึกอบรมที่เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์เพื่อการเรียนรู้ในรูปแบบดิจิทัลมากกว่า 1,200 ช่องทางการฝึกอบรม และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเนื้อหาหลักสูตร ได้โดยอิสระและตอบโจทย์ความต้องการของบุคลากรแต่ละคน นอกจากนี้สำหรับพนักงานปัจจุบันสามารถเข้าร่วมการอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นส่วนหนึ่งของยุคสมัยแห่งยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าจาก Porsche

 แบตเตอรี่แบบ liquid-cooled lithium-ion

Porsche ผลักดันความเป็นไปได้โดยมีจุดมุ่งหมายในการก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมในด้านเทคนิคให้หมดสิ้นไป แบตเตอรี่แบบ liquid-cooled lithium-ion เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรม ที่ถือกำเนิดขึ้นเพื่อให้สามารถสนองตอบต่อเงื่อนไขของการประลองความเร็วบนสนามแข่งขันอันสุดแสนทรหด Porsche พัฒนาอุปกรณ์กักเก็บพลังงานไฟฟ้าที่มีความจุมหาศาลอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน สำหรับ Taycan ผลจากความล้ำหน้า ขนาด 800 โวลต์ คือเครื่องยืนยันถึงประสิทธิภาพชั้นเลิศในการชาร์จพลังงานย้อนกลับมายังแบตเตอรี่ lithium-ion ด้วยเวลาเพียง 4 นาที สามารถชาร์จพลังงานเพียงพอสำหรับการเดินทางไกลถึง 100 กิโลเมตร (ทดสอบตาม มาตรฐาน NEDC) การถ่ายทอดข้อมูลความรู้ในลักษณะดังกล่าวจะได้รับการยกระดับขึ้นไปอีกขั้น หลังจาก Porsche เข้าร่วมการแข่งขันในรายการ Formula E ตั้งแต่ฤดูกาล 2019/2020

Quick charging

กระบวนการ Quick charging มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบชาร์จพลังงานสำหรับยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า นั่นคือเหตุผลที่โครงการ Porsche E-Performance ตัดสินใจลงมือพัฒนาในหลากหลายจุด ครอบคลุมทั้งระบบสาธารณูปโภค ที่สามารถตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาการใช้งานทั้งภายในที่พักอาศัยและระหว่างการเดินทาง ด้วยปริมาณความจุพลังงาน ไฟฟ้าสูงสุดกว่า 22 กิโลวัตต์ ระบบ Porsche Mobile Charger Connect จึงมีความรวดเร็วสะดวกสบาย และเมื่อทำการชาร์จพลังงานให้แก่ Taycan สำหรับการจอดข้ามคืนที่บ้าน ผู้ใช้สามารถทำการชาร์จผ่าน ระบบเทคโนโลยีเหนี่ยวนำ หรือ inductive technology

เปิดให้บริการสถานีชาร์จพลังงาน

การจับมือทำธุรกิจกับพันธมิตรชั้นนำอย่าง Ionity – ซึ่งร่วมดำเนินงานกับ BMW, Daimler และ Ford–Porsche จะก่อสร้างและเปิดให้บริการสถานีชาร์จพลังงาน ไฟฟ้ากำลังสูงซึ่งติดตั้งหัวจ่ายความจุ 350 กิโลวัตต์ กว่า 400 แห่งทั่วภาคพื้นยุโรปภายในสิ้นปี 2019 ในส่วนของประเทศสหรัฐอเมริกา เครือ VW Group และบริษัทผู้ให้บริการด้านสถานีพลังงานชั้นนำ Electrify America จะเริ่มทำการติดตั้งจุดชาร์จพลังงานไฟฟ้า (ความจุสูงสุด 350 กิโลวัตต์) ในกว่า 300 สถานีตลอดเส้นทางมอเตอร์เวย์ ตั้งแต่ปี 2019

ติดตั้งจุดบริการชาร์จพลังงานแบบ AC เพิ่มเติมมากกว่า 2000 แห่ง

Porsche ยังมีแผนติดตั้งจุดบริการชาร์จพลังงานแบบ AC เพิ่มเติมมากกว่า 2000 แห่ง อาทิ ภายในบริเวณโรงแรมต่างๆ ในกว่า 20 ประเทศ ในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับกำหนดการเปิดตัวของ Porsche Taycan เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในการเข้าถึงโครงข่ายการชาร์จพลังงานผ่านบริการ Porsche charging service อย่างทั่วถึง โครงข่ายดังกล่าวจะรับบทบาทใน การตอบสนองการใช้งานสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าของ กลุ่มลูกค้าทั่วทั้งทวีปยุโรป และเป็นการร่วมกันบริหารจัดการจากหลากหลายผู้ให้บริการ ทั้งนี้ปอร์เช่จะรับหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น

ก็นับว่าเป็นเทคโนโลยีและการพัฒนาสิ่งใหม่ๆที่ไม่หยุดยั้งของค่ายรถยนต์ Porsche เรามาดูกันต่อไปนะคะว่าจะเป็นอย่างไรในอนาคต แต่คิดว่าต้องเป็นต้นแบบที่ดีให้กับรถยนต์ค่ายอื่นๆอีกเป็นแน่ คราวหน้าจะมีอะไรมาฝากอีกอย่าลืมติดตาม Chobrod.com กันให้ดีนะคะ

ดูเพิ่มเติม
>> Volkswagen T-Roc เตรียมเปิดตัวปีหน้า พร้อมขายจริงในปี 2020
>> เตรียมเปิดตัว Porsche Macan 2019 ในงาน Motor Expo 2018

​ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่  
ติดตามราคารถยนต์ เชิญที่นี่