ปัญหาหนึ่งจากการเผาผลาญเชื้อเพลิงเครื่องยนต์ คือ การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ และคาร์บอนมอนอกไซด์ จะดีกว่าไหมถ้ามีเชื้อเพลิงคุณภาพแต่ไม่ปล่อยมลพิษให้กับโลกของเรามากไปกว่าที่เป็นอยู่
Audi ร่วมกับนักพัฒนาผลิตน้ำมันเบนซินสังเคราะห์ที่มีค่า iso-octane 100%
การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายให้กับสิ่งแวดล้อมของโลก ค่ายรถ และนักพัฒนาต่างก็ได้คิดค้นเทคโนโลยีเกี่ยวกับเชื้อเพลิงใหม่แบบใหม่ที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษเข้าสู่โลกยานยนต์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และตั้งแต่ในปี 2015 อาวดี้ก็ได้คิดค้น “น้ำมันเบนซินสังเคราะห์” ขึ้นมา โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวใช้ชื่อว่า E-Benzin
Audi ได้สร้างความร่วมมือกับทีม Global Bioenergies เพื่อสังเคราะห์น้ำมันเบนซินโดยไม่ใช้น้ำมันปิโตรเลียม และที่สำคัญ E-Benzin ตัวนี้ปราศจากสารเคมีอย่างซัลเฟอร์ และเบนซิน ซึ่งจะทำให้เครื่องยนต์เผาไหม้น้ำมันเบนซินสังเคราะห์ตัวนี้ได้สะอาดกว่าการใช้น้ำมันเบนซินรูปแบบเดิม เพราะ E-Benzin เป็นน้ำมันสังเคราะห์ที่มี iso-octane 100% ซึ่งจะส่งผลให้สมรรถนะเครื่องยนต์ทำงานได้ดีขึ้น โดยในการพัฒนาน้ำมันเบนซินสังเคราะห์ E-Benzin โดยใช้เพียงแค่น้ำ แก๊สไฮโดรเจน แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และแสงอาทิตย์เท่านั้น ซึ่งเป็นการเพิ่มความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในอีกทางหนึ่ง
ดูเพิ่มเติม
พลาดไม่ได้กับเรื่องอของอะไหล่ที่ใช้งานไป 1 ถึง 3 ปีเเล้วอะไรที่ต้องเปลี่ยน???
รถยนต์ ‘Mild Hybrid’ในไทย ความฝันที่กำลังจะเป็นจริง
น้ำมันเบนซินสังเคราะห์ หรือ E-Benzin จะช่วยให้การเผาไหม้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และไม่ปล่อยมลพิษออกมา
ทางด้านตัวเนื้อน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์ของอาวดี้ที่ผลิตออกมาในล็อตแรก เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงจากกระบวนการผลิต 2ขั้นตอน คือในขั้นแรกโรงงานตัวอย่างจะผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์โดยใช้ต้นทุนจากผลิตภัณฑ์ทางชีวิภาพจนได้น้ำมันที่มีค่าทางเคมีเป็น C4H8 จากนั้นน้ำมันดังกล่าวจะมาผ่านกระบวนการ Chemical Biotechnology Process (CBP) ที่โรงงานในฟอร์นเฮาเฟอร์, เลาน่า จนได้ส่วนผสมทางเคมี C8H18 กลายเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปราศจากสารซัลเฟอร์และเบนซิน ทำให้เผาไหม้ได้สะอาดหมดจด และอาวดี้มั่นใจว่า จะสามารถลดมลภาวะจากเครื่องยนต์สันดาปภายในได้ถึงร้อยละ 80 เมื่อนำไปใช้งาน
การจะผลิต E-Benzin ได้น้ำมันเชื้อเพลิงจะต้องผ่านกระบวนการผลิต 2 ขั้นตอน
สำหรับการพัฒนาน้ำมัน E-Benzin นี้ อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนอุตสาหกรรมรถยนต์ได้อีกครั้งหนึ่ง เพราะหากเราสามารถสังเคราะห์น้ำมันด้วยพลังงานธรรมชาติแล้ว รวมทั้งยังทำให้เผาไหม้ได้ดีขึ้นมาก ไม่เพียงแต่จะลดการเกิดผลพิษขณะผลิตน้ำมันแล้ว ยังอาจช่วยยืดอายุของยุคเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปให้ยาวนานขึ้นได้
สูตรเคมีของ E-Benzin และการผลิต E-Benzin รวมถึง E-Diesel
ไม่เพียงแต่อาวดี้เท่านั้น บ๊อช (Bosch) ยักษ์ใหญ่วงการซัพพลายเออร์ยานยนต์เองก็ยังมีความเชื่อมั่นในเครื่องยนต์สันดาปภายในที่น่าจะมีพัฒนาการได้อีกไกล โดยในปี 2017 บ็อชได้คิดค้นเชื้อเพลิงสังเคราะห์ที่ปราศจากมลพิษเช่นเดียวกัน ซึ่งหากคิดค้นกระบวนการผลิตเชื้อเพลิงสังเคราะห์ที่จะทำให้เครื่องยนต์สันดาปภายในทำงานได้โดยไม่มีการปล่อยมลพิษได้อย่างสมบูรณ์ นั่นหมายความว่าจะช่วยลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในยุโรปได้ถึง 2.8 กิกะตันภายในปี 2050
การผลิตน้ำมัน E-Benzin จะช่วยให้ลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งช่วยลดการผล่อยมลพิษตั้งแต่กระบวนการผลิต
ในกระบวนการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์ของบ็อชใช้การเปลี่ยนก๊าซเรือนกระจกให้กลายเป็นวัตถุดิบ ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นน้ำมันเบนซิน ดีเซล หรือก๊าซธรรมชาติได้ ซึ่งหากใช้งานได้จริงเชื้อเพลิงสังเคราะห์จะทำให้รถเบนซินและดีเซลปราศจากมลพิษ ซึ่งช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อนได้อย่างน่าเหลือเชื่อ รวมถึงยังประหยัดกว่าการใช้รถพลังงานไฟฟ้าอีกด้วย
แม้ว่าวงการรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่ลดการปล่อยมลพิษออกสู่สิ่งแวดล้อมจะพัฒนามากยิ่งขึ้น แต่หากการผลิตน้ำมันเบนซินสังเคราะห์ E-Benzin สามารถดำเนินการได้สำเร็จอย่างสมบูรณ์ 100% เครื่องยนต์สันดาปจะยังคงอยู่ในตลาดรถยนต์ต่อไปโดยไม่ปล่อยมลพิษออกสู่วิ่งแวดล้อมได้เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า EV ซึ่งนั่นจะเป็นการพลิกโฉมวงการยานยนต์ได้อย่างน่าทึ่งเลยทีเดียว
หากผลิตได้จริงในอนาคตจะถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ของวงการอุตสาหกรรมรถยนต์เลยทีเดียว
ในปัจจุบันเครื่องยนต์ที่ปราศจากก๊าซคาร์บอนนั้นยังเป็นเรื่องของความฝัน แต่ก็ใกล้จะเป็นความจริงมากขึ้นทุกที ด้วยกระบวนการผลิตเชื้อเพลิงน้ำมันเบนซินแบบสังเคราะห์ที่ช่วยขจัดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ นั่นจะทำให้โลกของเราน่าอยู่ ปลอดภัย และคงความสะดวกสบายได้อย่างมีความสุขเลยทีเดียวค่ะ สำหรับบทความดีๆ เกี่ยวกับวงการรถยนต์ สามารถติดตามได้ที่ Chobrod.com เช่นเคยนะคะ
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้