โรงงานผลิตรถยนต์ฟอร์ ทำหลังคาโรงจอดรถโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ที่สุดในไทย

โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) ทำหน้าที่ รถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ (Ford Ranger) และฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ (Ford Ranger Raptor) ที่จำหน่ายในไทยและส่งออกกว่า 100 ประเทศทั่วโลก

โดยการติดตั้งหลังคาโรงจอดรถโซลาร์เซลล์ที่ โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) ได้ร่วมมือกับบริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP ตรวจความพร้อมการเปิดใช้งาน

อ่านเพิ่มเติม - ฟอร์ด คว้ารางวัล องค์กรรับผิดชอบต่อสังคมดีเด่น 13 ปีซ้อน

หลังคาโรงจอดรถโซลาร์เซลล์นี้ สามารถสร้างไฟฟ้าได้ 7.7 MW (เมกะวัตต์) บนพื้นที่ติดตั้ง 59,0000 ตารางเมตร ผลิตพลังงานได้ 9 ล้านหน่วยต่อปี เทียบเท่ากับการใช้ไฟฟ้าของบ้าน 2,700 หลังคาเรือน

เงินลงทุนทำหลังคาโรงจอดรถโซลาร์เซลล์ 235 ล้านบาท โดยแผงโซลาร์เซลล์เป็นชนิดดับเบิล กลาส ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Bifacial เป็นเทคโนโลยีที่สามารถรับแสงได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังแผงเซลล์แสงอาทิตย์ รับแสงที่สะท้อนนั้นทำให้ได้พลังงานเพิ่มขึ้น 5-10%

ปัจจุบันการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ โดยใช้เวลาการก่อสร้างรวม 400 วัน ปัจจุบันพร้อมทดสอบจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบและดำเนินการขออนุญาตขนานไฟฟ้าในขั้นตอนต่อไป

ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ได้กำหนดเป้าหมายไว้ว่าปี พ.ศ. 2578 จะใช้พลังงานสะอาด 100% ในกระบวนการผลิตรถยนต์ทั่วโลกและเพื่อรองรับธุรกิจที่จะเติบโตในอนาคต

มร. วินโค้ ซาริค ผู้จัดการโรงงาน ฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง กล่าว

“เราเลือกพื้นที่บริเวณลานจอดรถยนต์สำหรับเตรียมส่งมอบให้ลูกค้าที่รองรับการจอดรถได้กว่า 1,500 คัน เป็นพื้นที่ในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เพราะต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการพื้นที่ ซึ่งนอกจากร่มเงาจากแผงโซลาร์เซลล์จะช่วยรักษาคุณภาพรถก่อนถูกจัดส่งไปยังผู้แทนจำหน่ายฟอร์ดทั้งในประเทศและต่างประเทศแล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของบริษัทฯ ได้ในระยะยาว”

 “ที่สำคัญ ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศกว่า 5,720 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี และพนักงานของเราได้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและไม่ร้อนมากเกินไป” 

นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHAUP เปิดเผยว่า 

“โครงการนี้นับเป็นการติดตั้งแผงผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นที่ลานจอดรถยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในขณะนี้ ซึ่งเราได้มีการดูแลแบบครบวงจร ตั้งแต่การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ออกแบบ ลงทุน ก่อสร้าง ใบอนุญาต และดูแลบำรุงรักษาตลอดอายุสัญญา ซึ่งการติดตั้งงานเสร็จสมบูรณ์แล้ว และเป็นไปตามมาตรฐาน NEC2020 หรือ National Electrical Code (NEC) ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยทางไฟฟ้าระดับโลกสำหรับระบบโซลาร์เซลล์ และเราคาดว่าจะพร้อมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาสแรกของปี 2567” 

ตลาดรถมือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ