อุตฯชิ้นส่วน-อะไหล่ยานยนต์ไทยปรับตัว ยัน "เทรดวอร์" ไม่มีผลกระทบตลาดรถไทย

ตลาดรถยนต์ในประเทศ | 13 ส.ค 2562
แชร์ 0

บิ๊กชิ้นส่วนรถยนต์ สอท. ชี้ "สงครามการค้า" ยังไม่มีผลกระทบอุตสาหกรรมอะไหล่รถยนต์เมืองไทย แต่รับต้องปรับตัวเน้นส่งออกอะไหล่ให้มากขึ้น หวั่นการเปลี่ยนแปลงระบบผลิตรถยนต์จากสันดาปสู่รถไฟฟ้าจะมีผลกระทบอนาคต

หลายฝ่ายในแวงวงอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทย คงหวั่นวิตกกันว่าเรื่องของสงครามการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจของโลกระหว่างสหรัฐอเมริกา และจีน จะมีผลกระทบมายังอุตสาหกรรมรถยนต์ของบ้านเราบ้างหรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ที่ถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วยเช่นกัน

ต่อข้อกังวลดังกล่าว ล่าสุดมีท่าทีออกมาจาก นายพินัย ศิรินคร ประธานกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ และอะไหล่ยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือสอท. ก็ออกมาทำให้แวดวงยานยนต์ในตลาดรถเมืองไทยพอได้ใจชื่นกันบ้าง เพราะข้อมูลล่าสุดระบุว่า ผลพวงจากสงครามการค้า ภาพรวมของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ยังไม่ได้รับผลกระทบมากเท่าใดนัก

สงครามการค้าของสองมหาอำนาจของโลกยังไม่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ในบ้านเรา

สงครามการค้าของสองมหาอำนาจของโลกยังไม่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ในบ้านเรา 

ขณะเดียวกัน โรงงานผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทย ก็ยังไม่มีสัญญาณว่าจะมีการลดการจ้างงาน การลดเงินเดือน หรือลดเงินค่าล่วงเวลาหรือโอทีลง แต่จะมีเพียงบางส่วนที่มีการจำกัดโอทีพนักงาน เนื่องจากไม่ต้องการให้มีผลกระทบต่อรายได้ของพนักงานในส่วนรวม แต่ทั้งนี้ ยอมรับว่าผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์อาจจะมีการลดต้นทุนการผลิตด้วยการนำหุ่นยนต์เข้ามาช่วยในการผลิตมากขึ้น

"ที่ผ่านมามีหลายเหตุการณ์ที่รุนแรงกว่านี้อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ยังคงเอาตัวรอดได้ โดยเฉพาะในช่วงหลังโครงการรถยนต์คันแรกยอดการผลิตลดลงจากเดิมกว่า 2.5 ล้านคัน ลดวูบลงเหลือ 1.8 ล้านคัน ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ยังอยู่ได้ ซึ่งในวัฏจักรการค้ารถยนต์มีทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง ตามภาวะเศรษฐกิจผู้ประกอบการไม่ค่อยห่วงมากนักหากไม่ใช้สถานการณ์ที่รุนแรง เกินความคาดหมาย" นายพินัย กล่าว

ดูเพิ่มเติม

>> กฟน.โชว์นวัตกรรม EV พร้อมรุกตลาดติดตั้งเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า

>> ไทยเจ้าภาพ นำอาเซียนถกมาตรฐานรถยนต์ไฟฟ้า ปูทางใช้กฎเดียวกัน

นายพินัย ศิรินคร ประธานกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ และอะไหล่ยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

นายพินัย ศิรินคร ประธานกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ และอะไหล่ยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

ประธานกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ และอะไหล่ยานยนต์  สอท. สะท้อนถึงภาพรวมตลาดชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทยอีกว่า ค่อนข้างมีความเป็นห่วงในประเด็นการเปลี่ยนแปลงการผลิตรถยนต์ของแต่ละค่ายรถยนต์ที่มีฐานผลิต ประกอบในประเทศไทย โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนจากการใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในไปเป็นรถยนต์ไฟฟ้า เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบของการผลิตรถยนต์ เนื่องจากปัจจุบันรถยนต์สันดาปภายในจะใช้ชิ้นส่วนกว่า 30,000 ชิ้น แต่หากเป็นรถยนต์ไฟฟ้าชิ้นส่วนจะเหลือเพียง 2,000 ชิ้น ทำให้กระทบกับผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ 600-700 ราย จากทั้งหมด 2,000-2,500 ราย  ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง หม้อน้ำ ระบบท่อไอเสีย ซึ่งบางส่วนปรับตัวได้ แต่บางส่วนได้รับผลกระทบ เพราะชิ้นส่วนรถยนต์จะหายไปกว่า 28,000 ชิ้น

อย่างไรก็ตาม กลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ก็มีแผนจะปรับระบบการผลิตใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางของตลาดรถ จากเดิมที่ผลิตแบบ EOM เพื่อป้อนให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เป็นหลัก ไปสู่การผลิตเป็นอะไหล่ให้กับรถยนต์ทั่วโลก เนื่องจากในตลาดรถของโลกมีรถยนต์อีกนับพันล้านคันที่เป็นเครื่องยนต์สันดาปภายใน และยังคงต้องการอะไหล่หรือชิ้นส่วนทดแทนการสึกหรอ

อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ อะไหล่ จะต้องปรับตัวเพื่อเน้นในการส่งออกมากขึ้น

อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ อะไหล่ จะต้องปรับตัวเพื่อเน้นในการส่งออกมากขึ้น 

"ที่ผ่านมา โรงงานชิ้นส่วนรถยนต์จะมีสัดส่วนการผลิตให้กับบริษัทรถยนต์ต่างๆ รวม 75% และส่งออก 20% ขณะที่อีก 5% จะเป็นการส่งออกเพื่อเป็นอะไหล่ ซึ่งจะเห็นได้ว่าสัดส่วนอะไหล่ยังคงน้อยมาก และยังมีโอกาสขยายตลาดได้อีกมหาศาล ซึ่งจุดนี้จะเป็นทางรอดของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ และโอกาสใหม่ของผู้ผลิตชิ้นส่วนจากประเทศไทย" นายพินัย กล่าวย้ำ

ถือเป็นอีกหนึ่งกระแสที่เห็นได้ชัดว่าทิศทางของทั้งตลาดรถโดยรวม และกลุ่มผู้ประกอบการผลิตในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ และอะไหล่ ก็ยังไปได้สวยแม้จะมีผลกระทบอยู่บ้างแต่ก็เร่งหาทางออกเพื่อต่อยอดธุรกิจออกไป

ดูเพิ่มเติม

>> งบ 8 แสนบาท กับตลาดรถ Hybrid เมืองไทย

>> ต่ำสุดในรอบ 2 ปี ส่งออกรถยนต์ไทยวูบ เดือนเม.ย.ร่วง 7.52%

ติดตามข่าวสารรถยนต์ คลิกที่นี่

ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ chobrod.com

Cop