ส่องเทคโนโลยีล้ำๆ ของ Nissan LEAF 2018 ก่อนเปิดตัวจริงในไทยปีหน้า

ตลาดรถยนต์ในประเทศ | 28 พ.ย 2560
แชร์ 9

มีข่าวแว่วๆ มาว่า Nissan LEAF จะถูกนำมาจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการโดย Nissan ประเทศไทยจะนำเข้ามาขาย แม้ว่าทางผู้บริหารของ Nissan จะออกตัวก่อนแล้วว่าอาจต้องมีการตัดออพชั่นบางส่วนเพื่อให้ราคาตัวรถลงมาอยู่ในระดับที่คนไทยตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น กับราคารถและวันเปิดตัวที่ยังไม่ได้มีการเผยออกมา แต่ก็ทำให้ค่าย Nissan ดูน่าสนใจมากขึ้นในงาน Motor Expo 2017 ครั้งนี้ที่จะนำ Nissan LEAF เวอร์ชั่นขายจริงในประเทศญี่ปุ่นมาโชว์ตัว

ส่องเทคโนโลยีล้ำๆ ของ Nissan LEAF 2018 ที่นำหน้าหลายๆ รุ่นตอนนี้

ส่องเทคโนโลยีล้ำๆ ของ Nissan LEAF 2018 ที่นำหน้าหลายๆ รุ่นตอนนี้
 

เป็นที่กล่าวกันว่า LEAF เป็นรถอีกรุ่นที่ไฮเทคทันสมัยที่สุดในโลก ด้วยหลายๆ ตัวแปลด้านเทคโนโลยีที่ Nissan นำมาไว้ในรถคันนี้ จึงทำให้เราอยากนำเสนอความล้ำหน้าของรถรุ่นนี้ที่คนไทยกำลังจะได้สัมผัสในอนาคตอันใกล้

 

ทุกมุมภายนอกของ Nissan LEAF

ทุกมุมภายนอกของ Nissan LEAF

ทุกมุมภายนอกของ Nissan LEAF

ทุกมุมภายนอกของ Nissan LEAF
 

ด้วยการที่เป็นรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบไม่มีเครื่องยนต์สันดาปใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้องเหมือนรถไฮบริดที่หลายคนอาจจเคยสัมผัสกันมาบ้าง ทำให้ Nissan  LEAF ปล่อยมลภาวะออกมาเป็นศูนย์ Zero Emission ซึ่งกำลังจะเป็นมาตรฐานของรถยนต์ทั่วโลกในอนาคต ภายใต้การพัฒนาที่มุ่งเน้นความอัจฉริยะทั้ง 3 ด้านจาก Nissan ได้แก่

  • Intelligent Driving (เทคโนโลยีการขับขี่ที่อัจฉริยะ)

  • Intelligent Power (เทคโนโลยีพลังการขับเคลื่อนอัจฉริยะ)

  • Intelligent Integration (เทคโนโลยีการเชื่อมต่ออัจฉริยะ)
     

ด้านที่หนึ่ง :: Intelligent Driving (เทคโนโลยีการขับขี่ที่อัจฉริยะ)

e-Pedal

เทคโนโลยีการทำงานที่รวมการเร่งความเร็วและการเบรกอยู่ไว้ที่แป้นเหยียบเดียว ทุกครั้งที่ต้องการให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ก็กดแป้นเหยียบลง ตัวรถจะเคลื่อนที่ไป แต่เมื่อยกเท้าออกเหมือนกับถอนคันเร่งตัวรถจะเบรกตัวเองอัตโนมัติ ด้วยอัตราการลดความเร็วที่ไม่เกิน 0.2 จี โดยระบบ e-Pedal นี้ทาง Nissan พัฒนามาเพื่อให้สำหรับผู้ใช้งานรถทางไกล หรือบนเส้นทางที่การจราจรติดขัด ไม่ต้องเหนื่อยกับการเมื่อยล้า จากจำนวนครั้งการเหยียบแป้นที่น้อยลง ไม่ต้องห่วงจะเกิดอุบัติเหตุเมื่อ Nissan ยังมีแป้นเบรกไว้อยู่ สำหรับจังหวะที่ต้องเบรกรถกะทันหัน แต่การทำงานส่วนใหญ่จะมาจากแป้นเหยียบหลักเพียงแป้นเดียวเท่านั้นสำหรับการเร่งและการเบรก
 

e-Pedal ยังมีแป้นเบรกมาไว้ในเพื่ออุ่นใจเมื่อต้องเบรกกะทันหัน

e-Pedal ยังมีแป้นเบรกมาไว้ในเพื่ออุ่นใจเมื่อต้องเบรกกะทันหัน
 

ProPILOT

ระบบการขับเคลื่อนอัตโนมัติ ทำให้ตัวรถสามารถวิ่งไปได้ในเลนหรือช่องจราจรของตัวเองทั้งทางตรงและทางโค้ง รวมไปถึงการรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า อยู่ภายใต้ความเร็วที่ผู้ขับขี่เป็นผู้กำหนดไว้เองก่อนหน้าที่ 30-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยระบบจะค่อยๆ ลดความเร็วไปจนหยุดอัตโนมัติเมื่อรถคันหน้าจอด และจะเคลื่อนที่อีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่เหยียบลงที่แป้นเหยียบเบาๆ ระบบจะเริ่มสั่งทำงาน ProPILOT ต่อ ซึ่งมีประโยชน์เป็นอย่างมากสำหรับการจราจรที่หนาแน่นแบบเมืองไทย ขึ้นอยู่กับการเรียนรู้ของผู้ขับขี่กับระบบใหม่นี้จะใช้งานคล่องได้แค่ไหน
 

ProPILOT ระบบขับเคลื่อนเองอัตโนมัติใน Nissan LEAF

ProPILOT ระบบขับเคลื่อนเองอัตโนมัติใน Nissan LEAF
 

ProPILOT Park

ถือว่าเป็นออพชั่นราคาแพงที่น่าใช้ไม่น้อยกับระบบช่วยผู้ขับขี่เข้าช่องจอดได้อย่างมืออาชีพ ที่จะทำให้การจอดรถไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปโดยระบบจะทำงานผ่านเซ็นเซอร์อัลตราโซนิค 12 ตัว กล้องความละเอียดสูงอีก 4 ตัว จากนั้นจะทำการประมวลผลและเข้าควบคุมการทำงานของ

การเร่ง การเบรก รวมไปถึงพวงมาลัยเองผู้ขับขี่ก็ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน ให้ตัวรถเข้าไปจอดในช่องได้อย่างสมบูรณ์แบบและเที่ยงตรง แม่นยำ ไม่ต้องเหนื่อยกับการหันซ้าย ขวาเวลาเข้าช่องจอดอีกต่อไป
 

ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ ProPILOT Park

ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ ProPILOT Park
 

ซึ่งความอัจฉริยะในส่วนนี้อาจโดนตัดออกในบางข้อ เพื่อเป็นการลดต้นทุนการนำเข้าของ Nissan LEAF ที่ไม่น่าจะมาถึงคนไทยคงจะเป็นส่วนของ ProPILOT ด้วยเรื่องสภาพการจราจรที่เรียกว่า “ตามใจฉัน” หรือขับรถมักง่ายสำหรับผู้ที่ใช้รถบนท้องถนนเมืองไทยบางคน ระบบนี้อาจจะยังไม่ฉลาดพอจะเข้าใจกับตรรกะความเห็นแก่ตัวของคนพวกนี้สักเท่าไร เป็นไปได้ว่า Nissan ประเทศไทยอาจจะเห็นด้วยและทำให้คนไทยอดใช้งานระบบ ProPILOT เพื่อเป็นการลดต้นทุน ส่วนระบบ ProPILOT Park หรือการช่วยจอดอัตโนมัติ มีใช้งานในรถเมืองไทยแล้วหลายรุ่น ถ้าไม่เน้นเรื่องตัดสเปค ลดต้นทุนมากนักและรักษาส่วนนี้ไว้คนไทยก็อาจจะได้เทคโนโลยีนี้มาใช้งานกันกับรถราคาไม่ถึงล้านก็เป็นได้

 

ด้านที่สอง :: Intelligent Power (เทคโนโลยีพลังการขับเคลื่อนอัจฉริยะ)

e-Power

พลังขับเคลื่อนของ Nissan LEAF อยู่ภายใต้มอเตอร์ไฟฟ้าพลังงานสะอาด มลภาวะเป็นศูนย์ที่เรียกว่า e-Powertrain มอเตอร์ไฟฟ้า AC Synchronous electric motor รหัส EM57  กำลังส่งที่ 110 กิโลวัตต์หรือ 150 แรงม้า ถูกพัฒนามากกว่ารุ่นที่แล้วถึง 38% รวมไปถึงแรงบิดขนาด 320 นิวตันเมตร เพิ่มขึ้นกว่ารุ่นเดิม 26% พลังไฟฟ้าถูกเก็บอยู่ภายใต้ชุดแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนแบบใหม่อีกเช่นกัน ถูกปรับปรุงและพัฒนาเซลล์ภายในให้สามารถเก็บพลังงานได้ดีขึ้น 67% ทั้งที่ขนาดของตัวแบตเตอรี่เท่าเดิม โดย Nissan การันตีระยะที่วิ่งได้ไกลถึง 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง

แบตเตอรี่รุ่นใหม่พัฒนาให้วิ่งได้ไกลกว่าเดิม

แบตเตอรี่รุ่นใหม่พัฒนาให้วิ่งได้ไกลกว่าเดิม
 

โดยสามารถตรวจสอบสถานะการชาร์จได้ผ่าน App ในมือถือ ส่วนระยะเวลาในการชาร์จนั้นมีดังต่อไปนี้

  • ชาร์จปกติ 3 kW onboard Charger ใช้เวลา 16 ชั่วโมง

  • ชาร์จปกติ 6 kW onboard Charger ใช้เวลา 8 ชั่วโมง

  • กรณีที่ชาร์จด่วน Quick Charging ใช้เวลา 40 นาทีชาร์จได้ 80%
     

การยอมรับในด้านรถมอเตอร์ไฟฟ้าในไทยยังมีน้อยเมื่อ Nissan ประเทศไทยกล้าเริ่ม สิ่งที่ต้องพิสูจน์คือด้านบริการทั้ง Service ตัวรถเมื่อเกิดปัญหา รวมไปถึงสถานีชาร์จที่ยังเป็นเรื่องใหม่มากๆ ในเมืองไทย มีที่ไหนบ้างหรือต้องชาร์จแต่ที่บ้านเพียงอย่างเดียว ตัวรถเมื่อเจอถนนน้ำท่วมแบบในกรุงเทพฯ ที่ฝนตกหนักๆ แบตเตอรี่ที่วางไว้ต่ำขนาดนั้นจะเป็นอย่างไร ขับใช้งานได้หรือไม่หรือต้องจอดข้างทางอย่างเดียว สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความท้าทายที่ Nissan เมื่อคิดจะเป็นผู้ริเริ่ม กล้านำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ก็ต้องหาวิธีแก้ปัญหา เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อที่เมื่อ

ยอมจ่ายเงินเกือบล้านแล้วพวกเขาจะได้อะไรกลับมาบ้าง
 

แบตเตอรี่ถูกวางไว้ที่กลาง ช่วยในด้านการขับขี่ที่ทรงตัวได้ดีเยี่ยม

แบตเตอรี่ถูกวางไว้ที่กลาง ช่วยในด้านการขับขี่ที่ทรงตัวได้ดีเยี่ยม

 

ด้านที่สาม :: Intelligent Integration (เทคโนโลยีการเชื่อมต่ออัจฉริยะ)

NissanConnect ระบบการเชื่อมต่อระหว่างผู้ขับขี่กับตัวรถ ที่รองรับได้ทุกรูปแบบการใช้งานที่รถยุคหน้าต้องมี การรับสาย โทรออก ฟังเพลง หรือแผนที่ ซึ่งอาจจะดูไม่ค่อย Wow!! เท่าไรนักสำหรับรถเมืองไทยในเรื่องการเชื่อมต่อที่รถหลายๆ รุ่นมีมาให้แล้วทั้ง Android Auto และ Apple CarPlay แล้วและเชื่อว่าอนาคตระบบ NissanConnect นี้อาจจะไม่ได้ไปต่อเพราะถูกระบบทั้งสองเข้ามาแทนที่อย่างเต็มรูปแบบในไม่ช้านี้
 

การตัดออพชั่นบางอย่างทิ้งเพื่อให้ราคาของ Nissan LEAF เอื้อมถึงได้ไม่ยากสำหรับคนไทยเป็นไปตามข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่ให้ผู้ผลิตรถยนต์ได้รับการยกเว้นภาษีในช่วง 2 ปีแรกในการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากต่างประเทศเพื่อจำหน่าย เป็นการกระตุ้นเพื่อให้คนไทยหันมาใช้และเห็นข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า โดยคิดอัตราภาษีสรรพสามิตเพียง 2 เปอร์เซ็นเท่านั้น แต่แม้จะคิดแค่ 2 เปอร์เซ็นราคาของ Nissan LEAF ก็ยังทะลุ 9 แสนบาทไทยอยู่ดี แต่มาคิดดูแล้วในบรรดารถพลังงานทางเลือกทั้งหลายที่จำหน่ายอยู่ในไทยตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบหรือพลังงานไฮบริดก็ดี ถ้า Nissan LEAF ทำราคาเริ่มต้นอยู่ที่ไม่เกินล้านได้จริงก็ถือว่าเป็นรถพลังงานทางเลือกที่ถูกที่สุดที่มีขายในไทยได้เลยทีเดียว (ไม่นับ Honda Jazz Hybrid ที่ตอนนี้ไม่มีจำหน่ายแล้ว)
 

ภายในทุกมุมมองของ Nissan LEAF

ภายในทุกมุมมองของ Nissan LEAF

ภายในทุกมุมมองของ Nissan LEAF

ภายในทุกมุมมองของ Nissan LEAF

ภายในทุกมุมมองของ Nissan LEAF

ภายในทุกมุมมองของ Nissan LEAF
 

เทียบราคาขายของ Nissan LEAF ของญี่ปุ่นและสหรัฐฯ

ราคาขายที่ญี่ปุ่นอยู่ที่ ราคา 3,150,360 – 3,990,600 เยน หรือประมาณ 920,038 – 1,165,424 บาทไทย ส่วนที่อเมริการาคาเริ่มต้นที่ 29,990 ดอลล่าร์สหรัฐหรือแปลเป็นเงินไทยประมาณ 1,049,650 บาทไทยแบบนี้ก็แสดงว่าการที่ Nissan บอกว่าจะหั่นออพชั่นบางอย่างออก ทำให้ราคาไม่แพงเกินไป ทำให้คนไทยไม่ได้ใช้รถคุณภาพเทียบเท่ากับชาวบ้านเขาก็เพื่อให้ราคาเริ่มต้นเท่ากับราคาเมืองนอกเขาขายๆ กันอยู่ แสดงว่าราคาของอุปกรณ์ที่ตัดออกไปนี้เพื่อไปจ่ายภาษีสรรพสามิตนั่นเองหรือเนี่ย!! รอดูว่าเป็นออพชั่นอะไรบ้าง ชิ้นเล็กหรือชิ้นชิ้นใหญ่จนอาจทำให้เสน่ห์ที่ทำให้คนสนใจในรุ่นนี้หายไปหรือเปล่า
 

รถยนต์มลภาวะเป็นศูนย์ทำได้จริง ทำภาครัฐฯ ให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง ทำให้รถไฟฟ้าราคาถูกลง ประชาชนกล้าซื้อใช้รถประเภทนี้มากขึ้น

รถยนต์มลภาวะเป็นศูนย์ทำได้จริง ทำภาครัฐฯ ให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง ทำให้รถไฟฟ้าราคาถูกลง ประชาชนกล้าซื้อใช้รถประเภทนี้มากขึ้น
 

ต้องรอลุ้นราคาและเลขกลมๆ ของ Nissan LEAF เวอร์ชั่นขายในไทยที่เผยออกมาขายจริงในปีหน้าว่าจะซื้อใจคนไทยได้แค่ไหน รวมไปถึงความพร้อมของศูนย์บริการและช่างที่ Nissan ประเทศไทยกล่าวไว้ว่าตอนนี้ได้ส่งช่างไปเรียนรู้ที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อเตรียมพร้อมการขายจริงในอีกไม่นานที่จะถึงนี้แล้ว เอาเป็นว่าถ้าท่านไหนสนใจนวัตกรรมที่เบิกทางสู่ความเป็นรถยนต์แห่งอนาคตนี้ Nissan จะนำรถคันจริงมาโชว์ภายในงาน Motor Expo 2017 ไปลองสัมผัสคันจริง ตัวเป็นๆ กันก่อนแล้วรอราคาเปิดมาว่ามันจะคุ้มกับความใหม่ที่ถนนเมืองไทยไม่เคยมีหรือเปล่า

 

ดูเพิ่มเติม

>> Nissan Note e-Power 2018 อาจปรากฏตัว Motor Expo 2017
>> Nissan Leaf 2018 ใหม่ เวอร์ชั่นขายจริงในไทย มีจุดเด่นอะไรบ้าง?
 

แท็ก Motor Expo 2017