ตลาดรถยนต์ในช่วงครึ่งปีหลัง เรียกได้ว่าคึกคักเป็นอย่างมาก จากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ของค่ายรถไม่ว่าจะค่ายเล็ก ค่ายใหญ่ ค่ายรถบ้าน หรือค่ายรถหรู วันนี้ Chobrod รวบรวมรุ่นรถยนต์ที่เปิดตัวในช่วงเดือนสิงหาคม และกันยายน 2561 มาให้ทุกท่าน
สำหรับรถยนต์ที่เปิดตัวในเดือนสิงหาคมมีทั้งหมด 6 รุ่น จาก 4 ค่ายด้วยกัน และสำหรับรถยนต์รุ่นแรกที่เปิดตัวไปในเดือนสิงหาคม ก็คือ
Hyundai H-1 และ Hyundai Grand Starex 2018
Hyundai H-1 และ Hyundai Grand Starex 2018 ซึ่งเป็นรถที่เข้ามาทำการตลาดในไทยราว 10 ปีได้แล้ว โดยในการปรับโฉมใหม่ในครั้งนี้นับเป็นการปรับรูปลักษณ์ใหม่อย่างเห็นได้ชัด และทั้ง 2 รุ่นก็ยังคงคอนเซ็ปต์ความทันสมัย เหนือระดับได้เหมือนเคย โดยภายนอกของ Hyundai H-1 และ Hyundai Grand Starex 2018 ได้รับการออกแบบให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ด้วยกระจังหน้าโครเมียมใหม่แบบแนวนอนช่วยให้ดูแข็งแกร่ง ทรงพลัง โคมไฟหน้าพร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์เลนส์ และไฟตัดหมอกดีไซน์ใหม่ สอดรับกับกระจังหน้าได้อย่างลงตัว กระโปรงหน้า และกันชนใหม่ ช่วยให้ดูโดดเด่น มีเอกลักษณ์ พร้อมด้วยล้ออัลลอยขนาด 16 และ 17 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ กระจกมองข้าง พร้อมไฟเลี้ยวถูกออกแบบใหม่ให้มีความโค้งมนมากยิ่งขึ้น ไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ เพิ่มความหรูหรา มีระดับอย่างลงตัว มาพร้อมกับการใช้เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 2.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว CRDi พร้อมเทอร์โบแปรผัน VGT อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 175 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 441 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อมระบบ Sequential shift ที่ให้การตอบสนองได้อย่างทันใจและประหยัดน้ำมัน โดย Hyundai H-1 เปิดตัวด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 1,329,000 บาท และ Hyundai Grand Starex ราคา 2,349,000 บาท
ดูเพิ่มเติม
>> อย่างหล่อ !! TOYOTA C-HR L ADIDAS ใหม่ กับชุดเเต่งพิเศษมีจำนวนจำกัดเพียง 1,200 ชุดเท่านั้น
>> เซอร์ไพรส์! เปิดตัว “Subaru Outback” ในการแข่งขันแตะรถชิงรถ 2018
Nissan Terra 2018
รุ่นต่อมาที่เปิดตัวในเดือนสิงหาคมก็คือ Nissan Terra 2018 รุ่นที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดความสำเร็จในกลุ่มรถเอสยูวีของ Nissan ด้วยการนำเสนอเครื่องยนต์สมรรถนะสูง ห้องโดยสารกว้างสบาย และเทคโนโลยีการขับขี่ที่ทันสมัยๆ มากกว่ารถในระดับเดียวกัน ทั้งยังแข็งแกร่งรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจ ขณะเดียวกันก็ออกไปผจญภัยได้อย่างเต็มที่ ตอบสนองความต้องการในกลุ่มลูกค้าเอสยูวีขนาดกลาง โดยมาพร้อมเครื่องยนต์ YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 7 สปีด ให้กำลังสูงสุดที่ 190 แรงม้า และมีแรงบิดมหาศาลที่ 450 นิวตัน-เมตร ให้อัตราเร่งที่ดี ให้พละกำลังต่อเนื่อง ในราคาเริ่มต้น 1,316,000 บาท
Lexus ES 300h Premium
Lexus ES 300h Premium ถือเป็นเจเนอเรชั่นที่ 7 ของ Lexus ES ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบภายนอก ด้วยเส้นสายที่ดูสปอร์ตเร้าใจ เสริมความเฉียบคมให้เข้ากับความหรูหราอย่างลงตัว เพิ่มสมรรถนะการขับขี่อย่างสมบูรณ์แบบจากโครงสร้างตัวถังใหม่ GA-K (Global Architecture-K Platform) ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทรงตัวที่ดีเยี่ยม และควบคุมได้ดั่งใจ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ระบบไฮบริดเจเนอเรชั่นล่าสุด ทั้งยังมั่นใจตลอดการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยเหนือระดับ Lexus Safety System Plus เจเนอเรชั่นที่ 2 แต่คงไว้ซึ่งความประณีตพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ควบคู่กับความนุ่มนวลในการขับขี่ และความเงียบภายในห้องโดยสาร กับราคาเริ่มต้น 4,190,000 บาท
Mercedes-Benz S 560 Coupe 2018
และรุ่นสุดท้ายของเดือนสิงหาคม ได้แก่ Mercedes-Benz S 560 Coupe และ Mercedes-Benz S 560 Cabriolet AMG Premium 2018 สำหรับรถยนต์ตระกูล S-Class ถือเป็นหนึ่งในรถยนต์รุ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ Mercedes-Benz ที่สร้างยอดขายกว่า 4,000,000 คัน เพื่อรองรับความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบความหรูหรา โฉบเฉี่ยว และทรงพลัง สะท้อนคำที่ว่า "หรูหราร่วมสมัย" ของ Mercedes-Benz ได้เป็นอย่างดี โดยทั้ง Mercedes-Benz S 560 Coupe AMG Premium และ Mercedes-Benz S 560 Cabriolet AMG Premium ซึ่งเป็นรถยนต์สปอร์ต 2 ประตูที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกอันโดดเด่น และการตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง เพื่อยกระดับงานออกแบบให้ดูสปอร์ต และเน้นย้ำถึงงานวิศวกรรมอันล้ำหน้าไปอีกขั้นถือเป็นการนิยามที่สุดของรถยนต์ในกลุ่ม Dream Car อย่างแท้จริง โดยรถยนต์ 2 รุ่นนี้มาพร้อมกับการผสมผสานสุดยอดดีไซน์ ความสะดวกสบาย และเทคโนโลยี เข้าไว้กับนวัตกรรมอันล้ำสมัยแบบเดียวกับรถยนต์ The S-Class รุ่น Saloon และความอัจฉริยะของรถยนต์สไตล์สปอร์ตได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่รุ่นพัฒนา หน้าจอกว้างแบบ Widescreen Cockpit พวงมาลัยรุ่นใหม่สำหรับการขับขี่ ที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น รวมถึงระบบ ENERGIZING Comfort Control เพื่อความผ่อนคลายในห้องโดยสาร พร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์รุ่นล่าสุด โดดเด่นด้วยไฟท้ายดีไซน์ใหม่ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี OLED สวยงามในทุกมุมมอง มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน แบบ V8 เทอร์โบคู่ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 3,982 ซีซี. ให้กำลัง 469 แรงม้า ที่ 5,250-5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 700 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000-4,000 รอบต่อนาที กับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC และระบบปรับรูปแบบขับขี่ DYNAMIC SELECT ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกได้ทั้งหมด 5 แบบตามสไตล์การขับขี่ของตนเอง คือ ECO, Comfort, Sport, Sport+ และ Individual ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 4.6 วินาที อีกทั้งยังทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กม./ชม. Mercedes-Benz S 560 Coupe จำหน่ายในราคา 15,990,000 บาท และ Mercedes-Benz S 560 Cabriolet AMG Premium 2018 จำหน่ายในราคา 16,720,000 บาท
Audi Q8 55TFSI quattro S Line
มาถึงเดือนกันยายนมีการเปิดตัวรถยนต์ 6 รุ่นเช่นเดียวกัน แต่มาจากค่ายรถยนต์ถึง 6 ค่ายด้วยกัน นับว่ามีการเปิดตัวมากกว่าในเดือนสิงหาคม โดยรุ่นแรกที่เปิดตัวไปในเดือนกันยายน ก็คือ Audi Q8 55TFSI quattro S Line ที่สุดแห่งความหรูหราของรถ SUV มาพร้อมดีไซน์หรูหราคมเฉียบ ดุดัน ภายในกว้างขวางพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ด้วยไฟหน้าแบบ HD Matrix LED และ เอฟเฟกต์ไฟด้านหน้า-หลัง (Light staging) ภายในตกแต่งด้วยคอนโซลผสานความหรูและทรงสปอร์ต ระบบ MMI Naigator plus with MMI touch response พร้อมจอควบคุมแบบมัลติฟังก์ชัน เบาะคู่หน้าแบบ S Sport หุ้มหนัง Valcona ตกแต่งแบบ diamond cut และสัญลักษณ์ S Line เค่รืองเสียงจาก Bang & Olufen ระบบ 3 มิติ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระ ซ้าย-ขวา และช่องแอร์ด้านหลัง แรงแบบจัดเต็มกับขุมพลังขับเคลื่อนสมรรถนะสูงเบนซิน V6 Mild hybrid เทอร์โบ เกียร์ Tritronic 8 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quatto กำลังสูงสุด 340 แรงม้า ที่ 5,200 - 6,400 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,370 - 4,500 รอบต่อนาที ล้อแม็ก 21 นิ้ว เปิดตัวไปในราคา 6,799,000 บาท
Volvo XC40 สุดยอดรถคอมแพกต์เอสยูวีที่พัฒนาภายใต้แนวคิด "Designed to Break the Norms" สู่ผู้บริโภคเมืองไทย โดดเด่นทั้งการดีไซน์ การจัดสรรพื้นที่ใช้สอย และเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อการขับขี่ที่ครบครัน นำเสนอทั้งในรุ่นเครื่องยนต์ T5 AWD และ T4 Petrol โดย Volvo XC40 ได้รับการพัฒนาบนแพลตฟอร์ม CMA หรือ Compact Modular Architecture ซึ่งยืดหยุ่นและเอื้อประโยชน์ต่อการพัฒนารถยนต์ Volvo เป็นอย่างมาก สามารถนำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่ดีเยี่ยมที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน ซึ่งเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ติดตั้งมาพร้อมสรรพ บริการอันชาญฉลาด และเทคนิคการเก็บสัมภาระขั้นสุดยอดที่มอบโซลูชั่นการเก็บสิ่งของในห้องโดยสารแนวใหม่ที่ยังไม่เคยปรากฏมาก่อน สมรรถนะการควบคุมที่ฉับไวที่มาพร้อมเทคโนโลยีช่วยขับขี่รุ่นใหม่แสดงให้เห็นถึงแนวทางใหม่ของ Volvo ในการสร้างสรรค์รถ SUV ขนาดเล็กเพื่อการขับขี่ในตัวเมืองที่ดีเยี่ยมภายใต้รูปลักษณ์ที่สวยงาม กับราคาเริ่มต้น 2,090,000 บาท
New Porsche Cayenne E-Hybrid 2018
New Porsche Cayenne E-Hybrid 2018 ร่วมเติมเต็มไลฟ์สไตล์สุดหรูของเหล่าสุภาพบุรุษกับรถรุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 ขนาดความจุกระบอกสูบ 3.0 ลิตร (340 แรงม้า/250 กิโลวัตต์) เสริมพลังด้วยระบบขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า (136 แรงม้า/100 กิโลวัตต์) ให้พละกำลังสูงสุดรวมกว่า 462 แรงม้า (340 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุดถึง 700 นิวตันเมตร ด้วยศักยภาพของขุมพลังที่สืบทอดแนวทางการออกแบบจากรถซูเปอร์สปอร์ตอย่าง Porsche 918 Spyder โดย Porsche Cayenne plug-in hybrid สามารถเร่งออกตัวจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 5.0 วินาทีเท่านั้น มาพร้อมกับระบบรองรับช่วงล่างที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ารถสปอร์ตพันธุ์แท้ เช่นเดียวกับ Porsche Cayenne ทุกเจเนอเรชั่น เสริมด้วยระบบควบคุมการทรงตัว Porsche Active Suspension Management (PASM) ที่ได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน นอกจากนี้สามารถเลือกสั่งติดตั้งอุปกรณ์พิเศษอีกหลากหลายรายการ อาทิ ระบบ Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC) ระบบ roll stabilisation และระบบลากจูงรถต่อพ่วงที่สามารถรับน้ำหนักได้สูงสุดถึง 3.5 ตัน ในราคาเริ่มต้น 7,500,000 บาท
Mazda BT-50 PRO THUNDER 2018
Mazda BT-50 PRO THUNDER 2018 รถกระบะรุ่นพิเศษของมาสด้า มาพร้อมดีไซน์กันชนหน้าใหม่ เพิ่มกระจังหน้าแบบโครเมียมดีไซน์ใหม่ ให้มุมมองความสปอร์ต และเพิ่มความหรูหรามากยิ่งขึ้น สามารถเลือกได้ทั้งฟรีสไตล์แคบ หรือบานแค็ปเปิดได้ FSC Hi-Race เกียร์ธรรมดา 6 สปีด และรุ่น 4 ประตู DBL Hi-Racer ทั้งแบบเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า เสริมสมรรถนะแกร่งด้วยเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลใหม่ Di-THUNDER PRO 2 ขนาด (3.2 ลิตร และ 2.2 ลิตร) ทำงานร่วมกับเทอร์โบแปรผันใหม่ (Variable-Nozzle Turbocharger) และอินเตอร์คูลเลอร์ใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมระบบคอมมอนเรลไดเร็กอินเจ็กชั่น นอกจากนี้ยังใช้เกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ ให้อัตราทดในแต่ละเกียร์ที่สัมพันธ์กัน ภายใต้คันเกียร์แบบสั้น (Short Shifter) ช่วยให้สามารถควบคุมการส่งกำลังที่ดี ตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ต่ำง่ายต่อการเปลียนเกียร์ ประหยัดน้ำมันและช่วยลดมลพิษไอเสียในบรรยากาศ เริ่มต้นที่ 701,000 บาท
The New Mercedes-Benz C-Class C 220 d 2018
The New Mercedes-Benz C-Class C 220 d 2018 ซึ่งเป็นรุ่นที่ประกอบในประเทศไทย มาพร้อม 3 รุ่นย่อย ประกอบด้วย C 220 d Avantgarde ราคาเริ่มต้น 2,349,000 บาท พร้อมด้วย C 220 d Exclusive ในราคา 2,690,000 บาท และ C 220 d AMG Dynamic โดยมีการปรับโฉมใหม่ Face-lift ให้สปอร์ตหรูหรา ทุกมุมมอง กระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมี่ยม พร้อมตราสัญลักษณ์ Mercedes-Benz และล้ออัลลอยแบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 1,950 ซีซี 194 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร เกียร์ 9 จังหวะ ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.ใน 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม. และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่รุ่นล่าสุดสำหรับตระกูล The C-Class ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับระบบที่ใช้ในรถยนต์ The S-Class อาทิ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ช่วยเสริมเรื่องความปลอดภัย และยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น อาทิ โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program - ESP), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock braking system - ABS), ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-Start Assist, ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake light), ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ ABA (Active Brake Assist system), ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC), ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST Service interval indicator), ระบบเตือนแรงดันลมยาง (Tyre pressure loss warning system), ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST), เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC), ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดแบบอัตโนมัติ (Active Parking Assist), ระบบ DYNAMIC SELECT คือแบบ Sport, Sport+ และ Comfort กับราคา 2,349,000 บาท
The New Subaru Outback 2.5i-S
สำหรับรุ่นสุดท้ายที่เรียกได้ว่าเปิดตัวในวันสุดท้ายของเดือนเลยก็คือ The New Subaru Outback 2.5i-S นำเสนอประสบการณ์การตอบสนองในการขับขี่อันดีเยี่ยม ตลอดจนความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ ทำให้ผู้ขับขี่ได้รับประสบการณ์การขับขี่ที่มั่นใจมากยิ่งขึ้น ด้วยการปรับโฉมกันชนด้านหน้า และกระจังหน้าแบบหกเหลี่ยม ที่นอกจากจะมีคุณภาพสูงและทนทานแล้ว ยังช่วยให้รถมีรูปลักษณ์ที่ทรงพลัง ล้อแม็กลายใหม่ถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเบา ซึ่งส่งผลให้ถูกต้องตามหลักอากาศพลศาสตร์มากยิ่งขึ้น ฟังก์ชั่นการทำงานมาพร้อมกับ พอร์ต USB ในคอนโซลบริเวณที่พักแขนเบาะหลัง มีไมโครโฟนเพื่อปรับปรุงการตอบสนองต่อเสียง (Voice Recognition) The New Subaru Outback ยังมีระบบการเชื่อมต่อการสื่อสารในรถยนต์ (Infotainment) ระดับพรีเมี่ยมแบบใหม่ด้วยหน้าจอขนาด 8 นิ้ว ความละเอียดสูงสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน และเข้าถึงแอพพลิเคชั่นยอดนิยมในปัจจุบันผ่าน Apple CarPlay และ Android Auto นอกจากนี้ ความสามารถด้าน Voice Recognition จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานแบบแฮนด์ฟรี ส่งผลให้ไม่รบกวนต่อการขับขี่และเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้โดยสารทุกคน ใช้เครื่องยนต์ Boxer สูบนอน ขนาด 2.5 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นด้วยไดชาร์จรุ่นใหม่ ซึ่งช่วยให้ใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และมีน้ำหนักเบาลงถึง 8% ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ CVT มีโหมดใช้งาน 7 สปีด และการตอบสนองของลิ้นปีกผีเสื้อที่ไวขึ้นก็ช่วยให้อัตราการเร่งดีขึ้น ได้ความรู้สึกแบบรถสปอร์ต การเปลี่ยนโซ่สายพานส่งกำลังให้มีความละเอียดยิ่งขึ้นส่งผลให้ช่วยลดเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์สู่ห้องโดยสาร และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงได้ประมาณร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบัน เริ่มต้นที่ 2,512,000 บาท
เพียงแค่ 2 เดือนก็มีการเปิดตัวรถอย่างมากมายเลยทีเดียว และสำหรับช่วงเวลา 3 เดือนที่เหลือก่อนจะจบปี 2561 ลงก็คาดว่าจะมีรถเปิดตัวใหม่อีกมากมายหลายรุ่นเลยทีเดียว สำหรับคุณผู้อ่านที่สนใจรถรุ่นไหน หรือมีคอมเม้นท์เกี่ยวกับรุ่นที่เปิดตัวไปในเดือนสิงหาคม และเดือนกันยายน ก็สามารถคอมเม้นท์ได้ทีด้านล่างนี้เลยค่ะ และอย่าพลาดบทความดีๆ จาก Chobrod.com นะคะ
ดูเพิ่มเติม
>> Mitsubishi Xpander 2018 ยอดจองทะลุ 5,000 คันนับตั้งแต่เปิดตัวในไทย
>> ส่องสเปค! ก่อนเปิดตัวจริงช่วงปลายปีของโฉมใหม่ All-New Toyota Camry 2018
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
ติดตามราคารถยนต์ เชิญที่นี่