Ferrari Portofino มาถึงไทยแล้ว

ตลาดรถยนต์ในประเทศ | 14 มิ.ย 2561
แชร์ 4

Cavallino Motors ของตระกูลภิรมย์ภักดี เปิดตัว Ferrari Portofino V8 GT ราคาเกือบ 21 ล้านบาท



งานเปิดตัว Ferrari Portofino V8 GT
 

บริษัท Cavallino Motors จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Ferrari อย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยคุณวรวุฒิ ภิรมย์ภักดี รองประธานบริษัทและกรรมการบริหาร ทำการเปิดตัว Ferrari Portofino (แฟร์รารี่ ปอร์โต้ฟิโน่) V8 GT ในประเทศไทย ณ บ้านเลขที่ 1 ตรอกกัปตันบุช เจริญกรุง 30 บางรัก ครั้งแรกของรถซูเปอร์คาร์ที่รวบรวม ความสปอร์ต หรูหรา สะดวกสบาย ไว้ภายในห้องโดยสารอย่างไม่เคยมีมาก่อน สนนราคาที่ 20.9 ล้านบาท

Ferrari Portofino V8 GT ใช้ชื่อเทศบาลที่สวยที่สุดเมืองหนึ่งในประเทศอิตาลีคือ Comune di Portofino (อยู่ในเจนัว/เจโนวา แคว้นลิกูเรีย) ซึ่งโด่งดังและมีเสน่ห์ในเรื่องของท่าเรือสำหรับบริการนักท่องเที่ยวทำให้มีชื่อเสียงมากขึ้นทั้งเรื่องความงดงามของทิวทัศน์ กิจกรรมกีฬา และความหรูหราที่แอบซ่อนไว้ ทำให้เกิดสีที่อุทิศให้กับเมืองนี้คือสี Rosso Portofino (Rosso แปลว่า แดง)

ดูเพิ่มเติม
>> 
Ferrari 488 Pista ม้าลำพองสีแดงแรงฤทธิ์
>> หนุ่มนักธุรกิจเนรมิต Ferrari GTC4Lusso ไม่เหมือนใคร

Ferrari Portofino

Ferrari Portofino แบบเปิดประทุนสีพิเศษ Rosso Portofino

ระบบส่งกำลังสูงสุดถึง 600 แรงม้าและอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.ใน 3.5 วินาที ทำให้ Ferrari Portofino เป็นรถเปิดประทุนที่มีกำลังมากที่สุด ซึ่งรวบรวมข้อดีของหลังคาแข็งแบบพับได้ ห้องเก็บสัมภาระและห้องโดยสารที่กว้างขวาง บวกกับที่นั่งเสริมด้านหลังอีกสองเบาะเหมาะสำหรับการเดินทางระยะสั้น ขณะที่ระบบช่วงล่างที่ใหม่หมดของ Ferrari Portofino นั้นได้รับการลดน้ำหนักเมื่อเทียบกับในรุ่นที่มันทดแทนซึ่งก็คือรุ่น California T ด้วยการใช้เทคโนโลยีการผลิตต่างๆ ที่ทันสมัย ชิ้นส่วนของช่วงล่างและ body-in-white ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีน้ำหนักเบาลงแต่ตัวถังแข็งแรงขึ้น

ขุมพลัง V8 3.9 เทอร์โบของ Ferrari อันเลื่องชื่อที่ได้เข้าชิงรางวัล International Engine of the Year 2016-2017 นั้นผลิตกำลังได้มากกว่าในรุ่น California T ถึง 40 แรงม้า ด้วยการใช้ชิ้นส่วนใหม่และการปรับแต่งซอฟท์แวร์ของระบบควบคุมเครื่องยนต์ เสียงเครื่องยนต์อันเร้าใจที่เป็นเอกลักษณ์ของ Ferrari นั้น ได้รับการปรับแต่งเพิ่มเติมเช่นกัน เพื่อให้ได้อรรถรสเต็มที่โดยเฉพาะเมื่อขับขี่แบบเปิดประทุน ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ V8 นั้นได้ถูกปรับปรุงในทุกด้าน ด้วยการใช้ลูกสูบและก้านสูบแบบใหม่ รวมไปถึงระบบไอดีที่ออกแบบใหม่ มิติต่างๆ ของระบบไอเสียนั้นก็ได้รับการปปรับปรุง ระบบ header หล่อชิ้นเดียวนั้นช่วยลดการสูญเสีย ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งของการตอบสนองแบบ Ferrari ซึ่งจะไม่มี turbo lag โดยสิ้นเชิง การปรับปรุงต่างๆ เหล่านี้ เมื่อทำงานร่วมกับระบบ Variable Boost Management ที่ควบคุมการจ่ายแรงบิดเพื่อให้สัมพันธ์กับเกียร์ที่เลือก ทำให้ Ferrari Portofino นั้นมีอัตราเร่งที่สูงกว่าในทุกย่านความเร็วและทุกเกียร์ (F1 คลัทช์คู่ 7 สปีด) พร้อมๆ แต่กินน้ำมันน้อยกว่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้

ดูเพิ่มเติม
>> 
ม้าลำพองไม่ยอมกระทิงดุ! โลกอาจได้เห็น Ferrari SUV ในปี 2019
>> Ferrari ประกาศกร้าว เตรียมเป็นเจ้าแรกที่ผลิตรถ Super Car ไฟฟ้า

Ferrari Portofino V8 GT

Ferrari Portofino V8 GT สีขาว Bianco Avus ที่งานเปิดตัวในไทย

ขณะที่เรื่องของการทรงตัว Ferrari Portofino นั้นได้รับการปรับใหม่หมดและได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่นำมาใช้ เป็นครั้งแรกใน Ferrari รุ่นนี้คือนำระบบ electronic rear differential (E-Diff3) มาใช้โดยทำงานร่วมกับระบบ F1-Trac ซึ่งช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนนและการควบคุม Ferrari Portofino เป็นรถ GT คันแรกที่ได้รับการติดตั้งระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า (EPS) ซึ่งสามารถลดอัตราทดพวงมาลัยได้ถึง 7% ทำให้การตอบสนองของพวงมาลัยดีขึ้นโดยไม่กระทบกับความเสถียร แล้วเมื่อทำงานร่วมกับระบบ E-Diff3 ระบบกันสะเทือนแบบ magnetorheological damping system (SCM-E) โดยได้ถูกเพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี dual-coil (คอยล์คู่) ที่ช่วยลดอาการโคลงในขณะที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการซึมซับแรงสะเทือนจากความไม่ราบเรียบของถนน ผลที่ได้ก็คือรถยนต์ที่มีความว่องไวปราดเปรียวและตอบสนองดีขึ้น แต่มอบสัมผัสแห่งความสบายไปพร้อมๆ กัน

Ferrari Portofino V8 GT

Ferrari Portofino V8 GT หน้าบ้านเลขที่ 1 ที่สวยงาม

Ferrari Portofino ได้รับการออกแบบจาก Ferrari Design Centre และเป็นรถที่มีดีไซน์ที่ดุดัน ตัวถังแบบ two-box fastback ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในกลุ่มคูเป้เปิดประทุนที่มีหลังคาแข็งพับได้ซึ่งมอบความโฉบเฉี่ยวให้กับรูปร่างโดยรวม มีลักษณะที่สปอร์ตมากขึ้นโดยที่ไม่กระทบกับความหรูหราและความคล่องตัว และถือเป็นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างทีม Aerodynamics (อากาศพลศาสตร์) และ Ferrari Design ทำให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในเรื่องของการจัดการกับพื้นผิวของตัวถังรถ เริ่มจากด้านหน้าที่มีกระจังหม้อน้ำขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่จากด้านหนึ่งไปสู่อีกด้านหนึ่งของหน้ารถที่ได้ออกแบบมาอย่างประณีต มีชุดไฟหน้าแบบ full-LED ที่ดูเป็นแนวนอนมากขึ้น ด้านมุมนอกของไฟหน้านั้นมีการซ่อนช่องอากาศที่ผ่านเข้ามาทางซุ้มล้อหน้าและออกไปทางด้านข้างเพื่อลดแรงเสียดทานอากาศ การออกแบบท้ายรถช่วยเสริมลักษณะตัวถังทรงสปอร์ต โดยเฉพาะการวางตำแหน่งของไฟท้ายที่ห่างกันมากขึ้น การออกแบบอันชาญฉลาดนี้ช่วยเก็บซ่อนพื้นที่สำหรับระบบ RHT (Retractable Hard Top) ใหม่ ที่มาพร้อมกับน้ำหนักที่ลดลงและสามารถยกขึ้นหรือลงได้ที่ความเร็วต่ำ

Ferrari Portofino

ห้องโดยสารใน Ferrari Portofino

ทีมออกแบบได้ให้ความสำคัญแก่ความสะดวกสบายของห้องโดยสารซึ่งมาพร้อมกับอุปกรณ์ใหม่ๆมากมาย ไม่นับระบบ infotainment พร้อมจอสัมผัส 10.2 นิ้ว ระบบปรับอากาศใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นไม่ว่าจะเปิดหรือปิดหลังคา พวงมาลัย multi-function ใหม่ เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าได้ 18 ทิศทาง มีพนักพิงดีไซน์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มพื้นที่วางขาของผู้โดยสารแถวหลัง และระบบจอแสดงผลสำหรับให้ข้อมูลการขับขี่ผู้โดยสารด้านหน้า ผู้โดยสารทั้งหมดจะได้รับความสะดวกจากระบบ Wind Deflector ใหม่ที่สามารถลดแรงลมในห้องโดยสารได้ถึง 30% รวมทั้งช่วยลดเสียงรบกวน

Chobrod ยังไม่ได้รายละเอียดเพิ่มเติมโดยเฉพาะเรื่องสีรถ เพราะทางเว็บไซท์ Ferrari มีให้เลือกถึง 28 สี! แต่ค่าตัวระดับเกิน 20 ล้านบาทเป็นเรื่องที่ผู้อ่านอย่างเราๆ คงยากเกินเอื้อจริงๆ ล่ะครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก: PPTVHD36

สนใจซื้อหรือเช็คราคารถ Ferrari มือสองได้ที่นี่

แท็ก ferrari