6 เทคโนโลยีที่กำลังจะมาเป็นพื้นฐานบนรถทุกคันในอนาคต

ตลาดรถยนต์ในประเทศ | 14 ก.ค 2560
แชร์ 0

คงปฎิเสธไม่ได้กับเรื่องเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับรถ ที่นับวันล้วนแต่จะเพิ่มทั้งความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้แก่คุณ เตรียมนับถอยหลังพร้อมที่จะได้ใช้เทคโนเหล่านี้ไปด้วยกัน Chobrod.com จะพาคุณไปดู นวัตกรรมที่กำลังจะมาเป็นฟีเจอร์พื้นฐานบนรถทุกคันว่ามีอะไรบ้าง

อยากจะยกตัวอย่างง่ายๆ ที่หลายคนพอจะนึกออก ระบบเบรค ABS. ที่แต่ก่อนรุ่นที่จะมีใช้ได้ ก็จะเป็นรถขนาดใหญ่หรือแค่รุ่นย่อยตัวท็อปของรุ่นเท่านั้น แต่มาวันนี้ระบบความปลอดภัยจากเบรค ABS กลับมาเป็นอุปกรณ์พื้นฐานบนรถแทบจะทุกคันที่ขายในไทยตอนนี้ ก็ไม่ต่างกับตอนนี้ที่เทคโนโลยีต่างๆ ทั้งเครื่องยนต์และความปลอดภัย แบบใหม่จะมีอยู่ในรุ่นท็อปในหลายรุ่น อีกสัก 5 หรือ 10 ปีเชื่อได้ว่าระบบเหล่านี้จะมีอยู่ในรถทุกรุ่นย่อยที่เปิดตัวมา
 
6. ถุงลมนิรภัย จะมีเพิ่มขึ้น

ความปลอดภัย แต่ก่อนแค่รถที่มีถุงลมนิรภัยที่ด้านคนขับข้างหนึ่งก็เป้นรุ่นท็อปได้แล้ว แต่ตอนนี้ถุงลมนิรภัย กลับเป็นฟีเจอร์ความปลอดภัยพื้นฐานในรถทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นรถขนาดใหญ่หรือรถเล็กสุดอย่างอีโคคาร์ การพัฒนาเทคโนโลยีของถุงลมนิรภัยมีเพิ่มมากขึ้นมากมาย หลายใบจนบางคนอาจมีบ่นกันบ้างว่า “มันจะมีเยอะไปไหน”
 
ถุงลมกันกระแทกด้านหน้า (Front Airbag)
ถุงลมป้องกันเข่าและขา (Knee Airbag)
ถุงลมด้านข้าง (Side Airbag)
ม่านถุงลมไว้สำหรับกันกระแทกป้องกันส่วนของศรีษะ (Curtain Airbag)
ถุงลมที่พื้น (Carpet Airbag)
 
ถุงลมนิรภัยในรถ
ถุงลมนิรภัยในรถ จะมีจำนวนมากขึ้นเพื่อเพิ่มความปลอดภัย

จำนวนถุงลมแต่ละจุดของรถมีเพื่อการเตรียมพร้อมสำหรับเหตุไม่คาดฝัน ที่อาจจะเกิดขึ้นได้เสมอ การมีจำนวนถุงลมที่มากขึ้นก็สามารถกลายมาเป็นจุดขายได้ แม้ตอนนี้แค่การที่รถมีถุงลมนีรภัยคู่ด้านหน้า 2 ใบ ค่ายรถก็นำมาเป็นจุดขายได้แล้ว มันเพิ่งเป็นแค่การเริ่มต้นสำหรับการแข่งขันด้านออฟชั่นเท่านั้น จำนวนจุดการติดตั้งถุงลมนิรภัยที่มากขึ้น เทคโนโลยีอาจจะมีการทำให้เพิ่มจุดการติดตั้งถุงลมที่ดีขึ้น และเข้ามาอยู่ในรถที่ขนาดเล็กสำหรับการเป็นออฟชั่นเสริม ดึงดูดให้ผู้ซื้อสนใจได้ และต่อไปการแข่งขันด้านความปลอดภัยจะทำให้จำนวนจุดของถุงลมมีมากขึ้นจนกลายมาเป็นอุปกรณ์พื้นฐาน

มาดู Airbag One ถุงลมนิรภัยสำหรับสิงห์นักบิด
 
5. ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง และแจ้งเตือนจุดอับสายตา

เรดาห์ เซ็นเซอร์ กล้อง ที่เชื่อมต่อเข้ากับกล่องสมองของรถ เปรียบเสมือนดวงตาของรถที่จะมีอยู่รอบคัน ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางก็จะอาศัยอุปกรณ์เหล่านี้ สำหรับมาเป็นดวงตาที่คอยช่วยผู้ขับให้ขับได้อย่างปลอดภัย

ถ้าออกนอกเลน จะส่งสัญญาณเตือนผู้ขับ
 ถ้าออกนอกเลน จะส่งสัญญาณเตือนผู้ขับ พร้อมหักพวงมาลัยให้รถอยู่เลนที่ถูกต้อง
 
เทคโนโลยีเรดาร์และกล้องที่จะทำงานตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบๆ เพื่อจะนำไปใช้คำนวณช่องทางของรถเพื่อแจ้งเตือนผู้ขับเมื่อรถเบี่ยงออกจากเลน และไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว ระบบช่วยหักพวงมาลัยกลับเข้าสู่เลนและแจ้งเตือนผ่านสัญญาณเสียงบนรถ นอกจากนี้เรดาห์ยังช่วยตรวจสอบให้ผู้ขับขี่ก่อนที่จะเปลี่ยนช่องทาง ถ้ามีรถใกล้เคียงขับมาอยู่ในจุดอับสายตา เรดาห์จะสามารถจับสัญญาณได้และแจ้งเตือนไปผู้ขับขี่ไม่ให้เปลี่ยนเลน

สัญญาณรอบตัวรถ
สัญญาณรอบตัวรถจะช่วยให้ผู้ขับสามารถขับรถได้อย่างมั่นใจ
 
ความสามารถเหล่านี้เริ่มเข้ามาอยู่บนรถในเมืองไทยแล้ว กับรถประเภท C,D Segment ในบางค่ายและอีกไม่นานเทคโนโลยีเหล่านี้จะพร้อมเข้าไปอยู่ในรถยนต์ทุกประเภทเพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ขับขี่มากขึ้น

ถ้าจะไวขนาดนี้ !! สัญญาณไฟเขียวที่เร็วสุดในโลกอยู่ที่ไทยนี่แหละ (คลิป)
 
4. ป้องกันการหลับในด้วย ระบบตรจสอบความผิดปกติของผู้ขับขี่

ปัญหาการเกิดอุบัติเหตุจากการหลับในขณะขับรถ เกิดขึ้นบ่อยจนกลายมาเป็นการพัฒนาเพื่อที่จะช่วยให้คนขับมีการตื่นตัว ด้วยการติดตั้งกล้องที่เชื่อมต่อกับระบบภายในรถจับลักษณะอาการของผู้ขับขี่ ถ้าผู้ขับขี่เกิดอาการที่จะเสี่ยงต่อการหลับใน อุปกรณ์เตือนตามจุดต่างๆ ของรถจะทำหน้าที่เพื่อป้องกันให้ผู้ขับขี่มีสติกลับมาควบคุมรถ หรือเตือนให้ผู้ขับขี่จอดพักเรียกสติกลับมาพร้อมขับขี่อีกครั้ง
 
กล้องที่ถูกติดตั้งไว้เพื่อจับความผิดปกติของผู้ขับรถ
กล้องที่ถูกติดตั้งไว้เพื่อจับความผิดปกติของผู้ขับรถ ป้องกันการหลับใน
 
ระบบนี้เริ่มถูกนำไปใช้กับผู้ขับรถขนส่งในเมืองไทยแล้ว เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและกำลังจะเข้ามามีบทบาทกับรถส่วนบุคคลมากขึ้น นอกจากเซ็นเซอร์บนแดชบอร์ดที่ถูกติดตั้งเพื่อจับสภาพความพร้อมของผู้ขับ ยังมีระบบการทำงานที่ตรวจสอบสภาพทิศทางการเคลื่อนที่ของรถที่ผิดปกติของรถที่จับความเสี่ยงผู้ขับขี่หลับในที่ทำงาร่วมกันเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย 
 
3. ช่วยเบรคอัตโนมัติ ทั้งความเร็วต่ำและสูง

ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเบรคที่ความเร็วต่ำหรือความเร็วสูง ตอนนี้เข้ามามีบทบาทกับระบบความปลอดภัยในรถหลายๆ รุ่นของเมืองไทย ก็ถือว่าเป็นระบบที่ช่วยลดการสูญเสียที่มาจากการชนได้เป็นอย่างดี การแข่งขันด้านออฟชั่นของรถจะทำให้ระบบช่วยเบรคให้แก่ผู้ขับขี่เตรียมพร้อมจะเข้ามามีบทบาทสำคัญบนรถทุกรุ่นในเมืองไทย
 
ภาพสาธิตการทำงานขอเรดาห์
ภาพสาธิตการทำงานขอเรดาห์ และกล้องของรถวอลโว่ที่ทำงานกับระบบช่วยเบรค อัตโนมัติ
 
การคำนวณจากสมองกลของรถ ทั้งช่วยตัดกำลังเครื่องยนต์ ช่วยเบรคเองอัตโนมัติและช่วยผู้ขับขี่เบรครถได้ไวขึ้นจากการเพิ่มแรงดันน้ำมันระบบเบรค สามารถรถลดการสูญเสียจากการชนได้มากสำหรับกรณีที่ขับรถมาด้วยความเร็ว และอีกระบบที่เป็นการช่วยเบรคเมื่อความเร็วต่ำที่นำไปใช้กับย่านที่มีคนพลุกพล่าน ที่อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ถ้าผู้ขับขี่เผลอไปเหยียบคันเร่งโดยไม่ตั้งใจ ความสูญเสียที่ไม่คาดฝันอาจเกิดขึ้น ระบบช่วยเบรคจะช่วยหยุดรถให้โดยอัตโนมัติเมื่อเรดาห์ตรวจเจอเห็นคนอยู่ในบริเวณที่รถกำลังจะวิ่งไป
 
รถซิตี้คาร์ อย่าง แอททราจ ตัวไมเนอร์เชนจ์
รถซิตี้คาร์ อย่าง แอททราจ ตัวไมเนอร์เชนจ์ ยังมีระบบช่วยเบรคในความเร็วต่ำ
 
เหมือนทางผู้ผลิตกำลัง “กั๊ก” ออฟชั่นให้กับผู้ซื้อ บางรุ่นมีแค่ช่วยเบรคอัตโนมัติเมื่อความเร็วสูง บางรุ่นมีเพียงแค่ความเร็วต่ำ ยังมีน้อยรุ่นในเมืองไทยที่จะมีระบบช่วยเบรคอัตโนมัติทั้งความเร็วต่ำและความเร็วสูงแต่คาดว่าอีกไม่นานเมื่อสงครามออฟชั่นความปลอดภัยเข้ามามีบทความมากขึ้นทั้งรถ จะเห็นรถที่มีระบบนี้ทั้งสองแบบอยู่ในรถหลายๆ คันและอนาคตจะครอบคลุมไปอยู่ในทุกรุ่น
 
2. รถยนต์พลังงานมอเตอร์ไฟฟ้า EV (Electric Vehicle)

รถยนต์ไฮบริดเป็นที่รู้จักของคนไทยกันมากแล้ว แต่รถที่เป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งระบบ ไม่มีเครื่องยนต์ที่ผ่านการสันดาปด้วยน้ำมันเลยทั้งหมด ยังไม่มีใช้ในเมืองไทยอย่างจริงจัง แต่รู้ไหมว่า การตื่นตัวของเทคโนโลยีด้านนี้มีขึ้นสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นยอดขายที่ถล่มทลายของรถยนต์ “เทสล่า” ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลก การเข้ามาลุยตลาดด้านรถยนต์ไฮบริดอย่างเต็มตัวจากค่ายรถยนต์อันดับ 1 อย่างโฟร์คสวาเก้น การประกาศจากวอลโว่ว่าในปี 2019 จะมีเพียงรถไฟฟ้าและไฮบริดเท่านั้นที่จะออกจากโรงงานวอลโว่ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสัญญาณว่าโลกกำลังจะเกิดการเปลี่ยนของพลังขับเคลื่อนครั้งใหญ่ในอีกไม่ช้านี้

คลังประกาศภาษีสรรพสามิต เพิ่มกลุ่มรถไฟฟ้าภาษีแค่ 2% ไอบริดปรับลดกว่าครึ่ง

รถของเทสล่า
รถของเทสล่า สามารถสร้างปรากฎการณ์ความนิยมรถ EV ได้เป็นอย่างสูง
 
แม้เมืองไทยจะบอกว่าสนับสนุนรถที่ประหยัดพลังงาน ด้วยการเก็บภาษีสรรพสามิตที่ต่ำกว่ารถที่ใช้พลังงานปกติ แต่ก็ยังเข้าไม่ถึงกับรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ เพราะรถเหล่านั้นยังมีราคาสูงที่เนื่องมาจากภาษีการนำเข้า ทำให้การมีรถไฟฟ้ามาขับขี่ของคนไทยโดยทั่วถึง ยังต้องรออยู่
 
แต่ถ้าเมื่อไรที่กระแสการใช้งานรถ EV (Electric Vehicle) ในทั่วโลกมีมากขึ้น คนไทยเริ่มยอมรับรถยนต์ไฮบริด ก็อาจมีความเป็นไปได้ที่รถที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันจะน้อยลง แต่สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือการสนับสนุนของภาครัฐ ที่ต้องลุ้นกันหนักหน่อยเมื่อรัฐฯ ยังเป็นเจ้าของบริษัทน้ำมันอันดับ 1 ของไทยหรือรอให้ภาครัฐฯ ได้มาเป็นเจ้าของโรงงานผลิตแบตเตอรรี่ให้แก่รถประเภทนี้ ความเป็นไปได้ที่จะได้ขับรถ EV อย่างแพร่หลายในไทยก็อาจเป็นจริงขึ้นมาได้

รถ EV จากค่าย BMW
รถ EV จากค่าย BMW ที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น
 
1. รถขับเคลื่อนเองอัตโนมัติ

จากภาพยนต์หนัง Sci-Fi ที่ตัวละครนั่งยานพาหนะโดยไม่ต้องควบคุมด้วยคนขับ กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า กับระบบ Self-Driving System ที่ตอนนี้ ต่างมีผู้พัฒนาที่เร่งสร้างความเป็นไปได้ให้เกิดขึ้น ให้ความฉลาดของรถมีเทียบเท่าคนขับขี่จริง และความปลอดภัยที่มีมากกว่า และเทคโนโลยีทั้งหลายที่กล่าวมาก่อนหน้าก็แทบจะไม่เกี่ยวกับคุณอีกต่อไปเมื่อคุณไม่ใช่คนที่ควบคุมรถด้วยตัวเอง
 
คุณจะไม่จำเป็นต้องมองเส้นทาง ปล่อยให้ระบบทำงานพาคุณเดินทางไปตามจุดหมายปลายทางที่กำหนด การละสายตาจากถนนจะไม่เป็นอันตรายอีก หรือการหันหลังไปหยิบของภายในรถก็จะไม่ทำให้เกิดอุบัติเหตุอีกแล้ว

รถของเทสล่า ผลิตมาพร้อมรองรับรับ Self-Driving System
รถของเทสล่า ผลิตมาพร้อมรองรับรับ Self-Driving System

 
ทั้งนี้การพัฒนาระบบ Self-Driving System ของค่ายรถต่างๆ มีการแข่งขันสูงขึ้นเพื่อให้เกิดความปลอดภัยตามระดับมาตรฐานที่ถูกกำหนดไว้ มีหลายค่ายรถที่มีการเตรียมพร้อมทางด้าน อุปกรณ์เพื่อรองรับการทำงานของระบบนี้ที่ฉลาดมากขึ้นจนถึงระดับสูงสุด นั่นหมายถึงในอีกไม่ช้ารถยนต์ที่เราต้องขับเองกำลังจะพาคุณเดินทางไปไหนต่อไหนได้โดยที่คุณแทบไม่ต้องมองเส้นทางเลยด้วยซ้ำ

2018 Lucid Air รถไฟฟ้าพลัง 1,000 แรงม้า วิ่งเผยโฉมครั้งแรกกลางกรุง San Francisco
 
ทั้งหมดนี้คือความก้าวหน้าของเทคโนโลยีรถยนต์ที่ไม่หยุดยั้งและจะพัฒนาเพื่อนำสิ่งดีๆ เข้ามาให้แก่ผู้ใช้งานและคุณพร้อมหรือยังที่จะใช้งานสิ่งอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยเหล่านี้ บางฟีเจอร์เริ่มมีใช้งานแล้ว บางฟีเจอร์กำลังเตรียมพร้อมจะนำมาใช้งานบนรถยนต์อย่างแพร่หลาย ไม่แน่ว่าอีก 10 ปี 20 ปีข้างหน้ารถที่เราขับอยู่ตอนนี้อาจไม่มีให้เห็นอีกเลยก็เป็นได้

>>> ดูเพิ่มเติม เบรครถยนต์อยู่ตรงไหน

คุณจำเป็นต้องซื้อรถดูตอนนี้ รถมือ 2