เตรียมพบกับ All New BMW X5 สุดยอด SUV จาก BMW เดือนพฤศจิกายนนี้

The all-new BMW X5 (G05, 2018)

ในปี 1999 BMW ได้เปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์คันแรกของค่ายในชื่อ BMW X5 ที่งาน Detroit Motor Show ซึ่งพัฒนาจากองค์ความรู้ที่ได้มาจากการซื้อกิจการบริษัท British Aerospace เพื่อเป็นเจ้าของ Land Rover และหลังจากที่ BMW X5 ทั้ง 3 เจนเนอเรชันที่จำหน่ายไปทั่วโลกจำนวนกว่า 2.2 ล้านคัน จึงได้กลับมาอีกครั้งพร้อมกับ BMW X5 (G05) ที่เปิดตัวครั้งแรกในตลาดโลกไปเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2018 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นรุ่นที่ 4 (4th Generation) โดยมาพร้อมกับนิยามใหม่ว่าเป็น ‘Sports Activity Vehicle’ หรือ ‘SAV’

‘Sports Activity Vehicle’ หรือ ‘SAV’ นิยามใหม่ของ BMW X5

BMW X5 (G05) มีขนาดใหญ่ขึ้นในทุกมิติตั้งแต่ระยะฐานล้อที่ 2,975 มิลลิเมตร (เพิ่มขึ้น 42 มิลลิเมตร) ความยาวตัวถัง 4,922 มิลลิเมตร (เพิ่มขึ้น 36 มิลลิเมตร) ความกว้าง 2,004 มิลลิเมตร (เพิ่มขึ้น 66 มิลลิเมตร) และความสูง 1,745 มิลลิเมตร (เพิ่มขึ้น 19 มิลลิเมตร) ซึ่งทำให้รูปลักษณ์ภายนอกมีความโดดเด่นมากขึ้น มีพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง และสะดวกสบายยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ดูเพิ่มเติม
ใหม่ Nissan Teana 2019 ปรับโฉม เปิดตัววันนี้ อย่าพลาด ..!!!​
M.O.V.E 2022 วิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกับแผนระยะกลางระดับโลกจาก “นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ”​

กระจังหน้าที่ขยายไตคู่ให้สูงมากขึ้น ดีไซน์เฉียบคม ที่มาพร้อมกับภาพลักษณ์ที่ดุดัน

ดีไซน์ตัวถังเพิ่มความสปอร์ตมากขึ้น แต่ยังคงความสง่างามในแบบของ BMW

ภายนอก BMW X5 มาพร้อมกับกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ไฟหน้า/ไฟท้าย LED มาตรฐาน โดยที่ไม่ละทิ้งสัดส่วนภายนอกของ BMW X5 (G05) ให้คงความเป็น SAV อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ปรับดีไซน์ให้เรียบง่ายเข้ากับยุคสมัยมากขึ้น เส้นสายที่เฉียบคม เสริมความดุดันให้กับตัวถังในแบบ BMW และเอกลักษณ์เช่นนี้จะถูกถ่ายทอดเป็นยังรถตระกูล X รุ่นอื่นๆ ในอนาคต ความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุดของส่วนหน้าคือ กระจังหน้าไตคู่ที่เพิ่มความสูงจนเกือบจรดกับช่องดักลมที่อยู่กลางกันชน  ติดตั้ง Active air flap เปิดปิดได้อัตโนมัติซ่อนไว้ตามเดิม ไฟหน้ามาตรฐานเป็นแบบ LED โดยที่ไฟสูงสามารถส่องสว่างได้ไกลถึง 300 เมตร นอกจากนี้ยังสามารถเลือกออปชันไฟหน้า BMW Laserlight ที่มีสัญลักษณ์ ‘x’ สีฟ้าขนาดเล็กตรงกลางโคมไฟหน้า และเพิ่มระยะไฟสูงออกไปเป็น 500 เมตร พร้อมฟีเจอร์ Selective Beam ที่จะช่วยป้องกันการรบกวนรถที่วิ่งอยู่ข้างหน้าได้ มาพร้อมกับล้ออัลลอยมาตรฐานมีตั้งแต่ขนาด 18, 19 และ 21 นิ้ว ตามขนาดเครื่องยนต์ รวมถึงยังสามารถสั่งออปชันล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 22 นิ้ว โดยมีให้สองตัวเลือกคือล้อ M ลายก้านคู่ Twin-spoke กับล้อ BMW Individual ฝาท้ายแบ่งบน-ล่างเป็นสองส่วนซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ BMW X5 สำหรับความจุห้องเก็บสัมภาระอยู่ที่ 645 ลิตร และหากพับเบาะหลังแบบ 40:20:40 ลงก็จะขยายความจุได้เกือบ 1,860 ลิตร

ภายในได้รับการออกแบบใหม่ พร้อมฟังก์ชั่นที่ครบครัน

BMW X5(G05) ยังถือเป็นรุ่นแรกที่มีการใช้ห้องโดยสารแบบใหม่ เริ่มจากเรือนไมล์ BMW Live Cockpit Professional ดิจิทัลเต็มรูปแบบ พร้อมระบบปฏิบัติการ BMW OS 7.0 ที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย แสดงผลผ่านทางหน้าจอขนาด 12.3” ขนาดเท่ากับหน้าจอควบคุมหลักบนคอนโซลกลาง หน้าจอ Head-up Display ขยายพื้นที่หน้าตัดในการฉายภาพขึ้นกระทบกระจกให้ใหญ่ขึ้นและปรับปรุงให้แสดงภาพสามมิติพร้อมกับข้อมูลได้มากขึ้น

แผงหน้าปัดดีไซน์ใหม่ ปุ่มควบคุมแอร์เรียงอยู่ใต้ช่องแอร์คู่กลาง พร้อมชุดควบคุมเครื่องเสียงที่ดีไซน์ในสไตล์ Minimalism ที่อยู่ด้านล่าง คันเกียร์ และปุ่มควบคุม iDrive ได้รับการดีไซน์ใหม่ และย้ายปุ่ม Start/Stop ลงมาวางไว้ที่ฐานคันเกียร์บริเวณเดียวกับปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ Driving Experience Control ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ จะแบ่งตามรุ่นย่อยหรือเลือกเป็นออปชั่นเสริมได้

วัสดุภายในห้องโดยสารเป็นหนังชนิดใหม่ "Vernasca"

ภายในรถได้รับการออกแบบให้แตกต่างไปตามรุ่นย่อย แต่จะใช้วัสดุเบาะนั่งมาตรฐานแบบเดียวกัน ซึ่งเป็นหนังชนิดใหม่ที่ เรียกว่า Vernasca ในขณะที่ตัวเบาะเป็นแบบสปอร์ต ปรับด้วยไฟฟ้า และมาพร้อมฟังก์ชันอุ่นเบาะรองนั่ง โดยรุ่น xLine จะได้ภายในที่ดูหรูหราครบครัน วัสดุตกแต่งแผงหน้าปัดเป็นลายไม้ ส่วนรุ่น M Sport จะเน้นไปด้านการขับขี่ที่สนุกสนาน วัสดุตกแต่งแผงหน้าปัดเป็นโลหะมันวาว

ไฮไลท์สำคัญอีกจุดหนึ่ง คือ การนำ BMW Digital Key มาใช้ใน BMW X5 (G05) เป็นครั้งแรก โดยคนขับจะสามารถปลดล็อครถด้วยการยกโทรศัพท์มือถือที่ได้มีการลงทะเบียนแอพลิเคชัน BMW Connected ขึ้นมาใกล้ๆ กับมือจับประตู (ผ่านเทคโนโลยี NFC) และเมื่อเข้ามาอยู่ในรถแล้ว การสตาร์ทรถก็เพียงแค่ต้องวางสมาร์ทโฟนเครื่องเดิมลงไปบนแท่น Wireless Charging เท่านั้น เรียกได้ว่าสมาร์ทโฟนเปรียบเสมือนกุญแจรถ BMW X5 เลยทีเดียว

เกียร์ และปุ่มควบคุมต่างๆ ที่ได้รับการจัดวางใหม่

สุดยอด SUV ที่ทรงพลังของ BMW

สำหรับเครื่องยนต์ในตลาดโลก ณ วันเปิดตัวมีให้เลือกถึง 4 รูปแบบ ได้แก่

• เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 340 แรงม้า ที่ 5,500 – 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 2,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ
• เครื่องยนต์เบนซิน V8 สูบ ขนาด 4.4 ลิตร กำลังสูงสุด 462 แรงม้า ที่ 5,250 – 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 4,750 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ
• เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร (Multi-stage turbo charging with ” four turbocharger : Quad Turbo “) กำลังสูงสุด 400 แรงม้า ที่ 4,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 760 นิวตันเมตร ที่ 2,000 – 3,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ
• เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 265 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตร ที่ 2,000 – 2,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ

เตรียมพบกับ BMW X5 ได้ที่งาน Motor  Expo 2018

โดย BMW X5 ที่จัดจำหน่ายในประเทศไทยจะเป็นรุ่นที่นำเข้ามาทั้งหมด ซึ่งรายละเอียดรุ่นที่จะนำเข้ามาในไทยคงต้องรอพร้อมกับการเปิดตัว BMW X5 (G05) ในงาน Motor Expo 2018 ที่จัดขึ้นในวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2561 ณ Impact Challenger Hall 1-3 เมืองทองธานี และอย่าพลาดข่าวสารเรื่องรถอัพเดทใหม่ที่ Chobrod.com นะคะ

ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่  
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดีและน่าเชื่อถือ เชิญที่นี