เจาะลึกปัจจัยที่กระทบต่อราคาขายรถยนต์ ในตลาดไทย ปี 2561

ตลาดรถยนต์ในประเทศ | 26 ธ.ค 2561
แชร์ 0

ปัจจุบันการแข่งขันในตลาดรถยนต์ทำให้ราคารถยนต์ในแต่ละค่ายมีความหลากหลายมากขึ้น จุดประสงค์หลักคือ เพื่อหวังให้ผู้ที่กำลังสนใจ และกำลังมองหารถยนต์มาใช้งานสักคัน มีตัวเลือกในการตัดสินใจหลากหลายในการเลือกซื้อสินค้า รวมไปถึงราคารถยนต์มือสองที่มีการปรับในทางที่ดีขึ้น ความสนใจเพิ่มมากขึ้นตามความต้องการของตลาด วันนี้ทาง Chobrod เลยมีบทความน่าสนใจเกี่ยวกับปัจจัยที่กระทบต่อราคาขายรถยนต์ ในตลาดปี 2561 มาให้เพื่อนๆ ได้ดูกันว่ามีอะไรกันบ้าง เรามาดูกันดีกว่าค่ะ

ปัจจัยที่กระทบต่อราคาขายรถยนต์ ในตลาดไทย ปี 2561

ปัจจัยที่กระทบต่อราคาขายรถยนต์ ในตลาดไทย ปี 2561

ตลาดรถยนต์ปัจจุบัน มีมากมายหลายรุ่น หลายราคา จะพบว่าการทำตลาดรถของแต่ละค่าย มีการแข่งขันอย่างดุเดือด และมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ มานำเสนออยู่เสมอ รวมไปถึงแต่ละค่ายมีการจัดโปรโมชั่นที่แตกต่างกันออกไป เพื่อเป็นจุดขายให้ผู้ที่สนใจหันมาซื้อได้ทำยอดขายมากขึ้น และหวังเอาชนะคู่แข่ง ซึ่งสำหรับปี 2561 มียอดขายในตลาดรถยนต์เมื่อสะสมรวม 11 เดือน มีปริมาณการขาย 928,158 คัน เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขายเติบโตเพิ่มขึ้น 17.9% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีปริมาณการขายเติบโตเพิ่มขึ้น 23% สะท้อนให้เห็นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่มีมาอย่างต่อเนื่องทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นในด้านการลงทุน และการใช้จ่ายส่งผลให้ยอดขายสะสมตั้งแต่ต้นปีมีการเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนตลาดรถยนต์ในเดือนธันวาคม มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น เนื่องจากภาพทางเศรษฐกิจ และการเมืองในประเทศมีสัญญาณที่ดีขึ้น รวมถึงแผนการลงทุนของภาครัฐมีความชัดเจนมากขึ้น รวมไปถึง ความต่อเนื่องของกิจกรรมส่งเสริมการขาย และการจัดงาน Thailand International Motor Expo 2018 ในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

คนให้ความสนใจรถยนต์ เข้าร่วมงาน Thailand International Motor Expo 2018 เป็นจำนวนมาก

คนให้ความสนใจรถยนต์ เข้าร่วมงาน Thailand International Motor Expo 2018 เป็นจำนวนมาก

สำหรับยอดขายจากงาน Thailand International Motor Expo 2018 หรืองานมหกรรมรถยนต์ ครั้งที่ 35 นับตั้งแต่วันที่จัดงาน 29 พ.ย. – 10 ธ.ค.2561 รวมเป็นเวลา 12 วัน ทำให้เห็นความต้องการของตลาดอย่างชัดเจน โดยราคาเฉลี่ยของรถที่ขายได้ในงานเพิ่มขึ้นเป็น 1,286,898 บาท จากปีก่อนที่ขายได้ 1,271,837 บาท เกิดเงินหมุนเวียนภายในงานราว 56,000 ล้านบาท รวมไปถึงจำนวนที่ผู้เข้าชมงานมากขึ้น โดยนับได้ทั้งหมด 1,534,961 คน คิดเป็นเปอร์เซ็นพบว่าเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 12.8% โดยยอดขายรถยนต์แต่ละประเภทที่มีความต้องการมากที่สุด มีดังนี้ค่ะ

อันดับ 1 เป็นรถเก๋ง สัดส่วนยอดขาย 38.9% ใกล้เคียงปีก่อน 38.7% โดยประเภท เก๋งซีดานมีสัดส่วน 25.4% และแฮทช์แบค 13.5%

อันดับ 2 รถกิจกรรมกลางแจ้ง SUV มีสัดส่วนยอดขาย 34.3% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย 33.9%

อันดับ 3 รถกระบะมีสัดส่วน 17.2% ลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย (17.9%)

อันดับ 4 รถยนต์ค่ายหรู มียอดขายรวม 4,213 คัน

ความต้องการของตลาดในปี 2561 หากดูจากยอดขายเฉพาะในงานมหกรรมรถยนต์ครั้งที่ 35 ที่ผ่านมา จะพบว่า รถเก๋ง เป็นรถยนต์ที่ได้รับความสนใจ และความนิยมเยอะที่สุด รองลงมาเป็นรถกิจกรรมกลางแจ้ง SUV และตามด้วยรถกระบะ

ดูเพิ่มเติม
>> กรมทางหลวงแนะนำเส้นทางเดินทางปีใหม่ 62
>> สอบถามความคิดเห็นจากคนทั่วไปกับเรื่องของ "กฎจราจร" เข้มงวดในวันปีใหม่ที่จะถึงนี้

รถเก๋งเป็นรถที่ได้รับความนิยม ในปี 2561

รถเก๋งเป็นรถที่ได้รับความนิยม ในปี 2561

การที่รถเก๋งได้ครองอันดับ 1 ในตลาดรถยนต์ นั่นเป็นเพราะว่า มีชื่อเสียงด้านประหยัดน้ำมัน มากกว่ารุ่นอื่นๆ มีเทคโนโลยี Eco car ซึ่งช่วยประหยัดน้ำมัน มีความสะดวกสบาย กระทัดรัด และเหมาะกับการขับในเมืองเพื่อไปทำงาน ตอบสนองความต้องการในการชีวิตประจำวันได้มากกว่า ส่วนด้านราคาของรถเก๋งก็ถือว่าจับต้องได้ง่าย สบายกระเป๋ากว่ารถยนต์ประเภทอื่น

ตัวอย่าง กิจกรรมส่งเสริมการขาย และโปรโมชั่น ของค่าย Toyota

ตัวอย่าง กิจกรรมส่งเสริมการขาย และโปรโมชั่น ของค่าย Toyota

ส่วนปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่กระทบต่อราคาขายในตลาดรถยนต์ ก็คือ การแข่งขันของรถยนต์ภายในประเทศค่อนข้างสูง มีค่ายรถยนต์เข้ามาทำตลาดเยอะมากขึ้น รวมไปถึงนวัตกรรมรถยนต์ทั้งภายใน ภายนอก เครื่องยนต์ และความปลอดภัย ที่แต่ละค่ายมีการคิดค้นพัฒนามากขึ้น ปัจจัยนี้ส่งผลให้แต่ละค่ายมีการปรับราคา และมีโปรโมชั่น เช่น ฟรีตกแต่งรอบคัน ฟรีดาวน์ ดอกเบี้ยพิเศษ แถมประกันภัยชั้น1 และอีกมากมายมาให้ลูกค้า เพื่อวังเอาชนะค่ายคู่แข่ง ซึ่งประโยชน์ตรงนี้จะมาตกกับทางผู้ที่ซื้อรถยนต์เอง ทำให้เราได้ราคาที่คุ้มค่ามากขึ้น ในสภาพรถยนต์ที่ได้รุ่นใหม่มากขึ้น แต่ทั้งนี้ ถ้าหากเป็นรถยนต์บางประเภทที่มีการแข่งขันยังไม่ได้สูงมากนัก เช่น รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ราคารถยนต์ก็จะยังคงมีราคาที่สูงอยู่ เพราะปัจจัยคู่แข่งในตลาดยังน้อย หากอยากได้ราคาที่ถูกลงคงต้องรอกันอีกสักพัก

เต๊นท์รถมืองสอง

จากปัจจัยที่กระทบต่อราคาขายในตลาดรถยนต์นี้เอง ส่งผลถึงตลาดรถยนต์มือสองด้วยเช่นกัน ทำให้การแข่งขันในตลาดรถยนต์มือสองมีความคึกคักที่เพิ่มมากขึ้น การออกแบบรถยนต์ และเทคโนโลยีที่น่าสนใจในราคาที่สบายกระเป๋า กลายเป็นสิ่งที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่สนใจรถยนต์มือสองมองหา และเลือกซื้อรถยนต์มือสอง ด้วยปริมาณลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น จะเห็นว่าเต๊นรถมีมากขึ้น การมากขึ้นของเต๊นรถยนต์มือสองนี้ก็เป็นปัจจัยส่งผลต่อราคารถยนต์ในตลาด ทำให้เกิดโปรโมชั่นที่หลากหลาย ส่งผลดีต่อผู้ที่สนใจรถยนต์มือสอง นั่นเองค่ะ

เป็นอย่างไรบ้างค่ะ กับปัจจัยที่กระทบต่อราคาขายรถยนต์ ทั้งของมือหนึ่ง และมือสอง ในปี 2561 ที่กำลังจะหมดไปนี้ ต้องยอมรับว่าตลาดไทยเป็นไปในทางที่ดีขึ้นพอสมควรเลย เป็นปีที่มีการแข่งขันระหว่างค่ายค่อนข้างสูง ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้รถยนต์ที่มากขึ้น นอกจากนี้ก็ถือว่าเป็นปีที่มีค่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเข้ามาทำตลาดในไทยมากขึ้นอีกด้วยนะคะ

สุดท้ายนี้ทาง Chobrod เชื่อเป็นอย่างยิ่งเลยว่า ปัจจัยที่ผลกระทบต่อราคาของตลาดเหล่านี้ จะส่งผลให้ในอนาคตข้างหน้า ความต้องการของรถยนต์ของประชาชน ทั้งยอดขายของผู้จัดจำหน่าย และราคาขายรถยนต์ทั้งมือหนึ่ง มืองสอง ต้องดีขึ้น มีคุ้มค่าขึ้น อย่างแน่นอนค่ะ

ดูเพิ่มเติม
>> ตลาดรถยนต์ประเทศเพื่อนบ้านเราเป็นอย่างไร
>> สะดวกอีกขั้น เตรียมใช้ "ใบขับขี่ดิจิตอล" ผ่านแอพฯ มือถือ ม.ค. 62 นี้

คราวหน้า Chobrod จะมีบทความอะไรมาให้ติดตามกันต่อ ฝากติดตามกันด้วยนะคะ

ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่