เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตั้งเป้า Top 3 เปิดรถยนต์ใหม่ปี 2024-2025 อีก 6 รุ่น

ตลาดรถยนต์ในประเทศ | 10 ก.พ 2567
แชร์ 0

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เฉลิมฉลองครบรอบ 3 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย หรือ GWM 3rd Brand Anniversary ตั้งเป้าขึ้นเป็น Top 3 แบรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในไทย เปิดแผนไปสู่เป้าหมายทุกด้าน พร้อมไฮไลต์แผนเปิดรถยนต์รุ่นใหม่ เปิดรถยนต์ใหม่ 2024 และ 2025 แบ่งเป็นปีละ 3 รุ่น

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตั้งเป้า Top 3 เปิดรถยนต์ใหม่ปี 2024-2025 อีก 6 รุ่น

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประกาศความสำเร็จด้านธุรกิจ พร้อมเปิดแผนไปสู่ 3 อันดับแรก ของแบรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (xEV) ในประเทศไทย ภายในระยะเวลา 3 ปี หรือภายในปี 2569 พร้อมกับเฉลิมฉลองครบรอบ 3 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย หรือ GWM 3rd Brand Anniversary

ในปี 2567 นี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ คาดว่าตลาดรถยนต์ไทยจะมียอดขายโดยประมาณทั้งสิ้น 820,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 6%

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตั้งเป้า Top 3 เปิดรถยนต์ใหม่ปี 2024-2025 อีก 6 รุ่น

กลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือกลุ่ม xEV จะเติบโตขึ้นประมาณ 40% หรือคิดเป็น 33 % ของตลาดทั้งหมด มียอดขายประมาณ 270,000 คัน

รถยนต์ไฟฟ้า 100% จะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากนโยบายการสนับสนุนของภาครัฐ EV 3.5 และการเข้ามาของแบรนด์ใหม่ ๆ  โดยคาดการณ์ว่าประเทศไทยจะมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 130,000 คัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 16% ของตลาดรวมทั้งหมด เพิ่มขึ้นเกือบ 70% จากปี 2566 ที่ผ่านมา

อ่านเพิ่มเติม - เกรท วอลล์ มอเตอร์ อัพเดต EV Ecosystem ยานยนต์ไฟฟ้าไทยปี 2567

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตั้งเป้า Top 3 เปิดรถยนต์ใหม่ปี 2024-2025 อีก 6 รุ่น

นอกจากนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังเผยถึงเป้าหมายสำคัญของบริษัทฯ ในการก้าวขึ้นสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำ 3 อันดับแรกของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ภายใน 3 ปี โดยตั้งเป้ายอดขายในปี 2567 อยู่ที่ 25,000 คัน และวาง 3 กลยุทธ์หลักเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ได้แก่

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตั้งเป้า Top 3 เปิดรถยนต์ใหม่ปี 2024-2025 อีก 6 รุ่น

ตั้งเป้าหมายใหม่ด้วยการเพิ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ xEV ในประเทศไทยให้ครบทั้งสิ้น 15 รุ่น ภายในปี 2568 

ในปี 2567 วางแผนที่จะเปิดตัวยานยนต์พลังงานใหม่อย่างน้อย 3 รุ่นในไทย รวมถึงวางแผนที่จะทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่เป็นเอสยูวี และศึกษาการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับสูง เช่น Hi-4 และ Coffee Intelligence System มาพัฒนาร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้าที่จะแนะนำสู่ตลาดไทยในอนาคตอีกด้วย

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตั้งเป้า Top 3 เปิดรถยนต์ใหม่ปี 2024-2025 อีก 6 รุ่น

ด้านการขาย มุ่งเน้นการยกระดับประสบการณ์ให้ลูกค้าโดยยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง (User-centric) และนโยบายราคาเดียว (One Price Policy) โดย เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะเดินหน้าต่อยอดธุรกิจฟลีทในกลุ่มหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานที่สนับสนุนการใช้รถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น รวมถึงการต่อยอดธุรกิจรถยนต์ใช้แล้ว (GWM Certified Pre-Owned)

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตั้งเป้า Top 3 เปิดรถยนต์ใหม่ปี 2024-2025 อีก 6 รุ่น

แผนที่จะขยายเครือข่าย GWM Partner Store ให้ครบ 101 แห่งทั่วประเทศ และการขยาย Partner Store ขนาด S ในจังหวัดขนาดเล็ก และ XS รูปแบบใหม่ ในอำเภอรองของจังหวัดใหญ่ ควบคู่กับการขยายสถานีชาร์จ (DC Fast Charge) ให้ครบ 55 แห่ง ภายในปี 2567

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตั้งเป้า Top 3 เปิดรถยนต์ใหม่ปี 2024-2025 อีก 6 รุ่น

บริการหลังการขายด้วย GWM Smart Service ระบบบริหารจัดการอะไหล่ที่มีประสิทธิภาพ ด้วยการขยายพื้นที่คลังอะไหล่และเพิ่มขีดความสามารถในการจัดส่งอะไหล่ให้ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น

การพัฒนาศักยภาพช่างเทคนิค มีแผนเปิดศูนย์ฝึกอบรมแห่งใหม่ เพื่อรองรับการฝึกอบรมให้กับช่าง GWM ทั่วประเทศ ได้ความรู้และทักษะในการซ่อมบำรุงรักษารถ GWM ได้อย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากล

ให้การประกันรถ แพ็คเกจการบำรุงรักษาตามระยะทาง ฟรีค่าแรงและค่าอะไหล่ ตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และ 5 ปี 75,000 กิโลเมตร ควบคู่กับบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (Roadside Assistance)

จัดตั้ง EV Battery Rapid Team หรือหน่วยงานวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อให้คำแนะนำและตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่หลังเกิดอุบัติเหตุ และ GWM BATTERY HOTLINE สายด่วนเพื่อรับแจ้งปัญหาเกี่ยวกับแบตเตอรี่และการเคลมโดยให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาด เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียน

นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาด เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า

“เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านยานยนต์พลังงานใหม่ (xEV Leader) เรามุ่งมั่นที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์ การบริการ ที่เปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้แก่ผู้บริโภค โดยการพัฒนาขีดความสามารถให้ครอบคลุมรอบด้าน ทั้งด้านการวิจัยและพัฒนา การผลิต และการจำหน่าย สู่มาตรฐานในระดับสากล ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Driving) ควบคู่กับการขยายเครือข่ายการลงทุนในภูมิภาคต่าง ๆ รอบโลกอย่างต่อเนื่อง เช่น ทวีปยุโรป ทวีปอเมริกาเหนือ และทวีปเอเชีย โดยปัจจุบันเรามีโรงงานผลิตรวมแล้วกว่า 13 แห่ง สาขาอีกกว่า 700 สาขา ครอบคลุมกว่า 170 ประเทศทั่วโลก ซึ่งในปี 2566 มียอดขายรถยนต์ทั่วโลกทั้งหมด 1.23 ล้านคัน ซึ่งถือเป็นปีที่ 8 ที่เรามียอดขายทั่วโลกมากกว่า 1 ล้านคันอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของผู้บริโภคทั่วโลกที่มีต่อบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี บริษัทฯ ยังได้ขยายการดำเนินธุรกิจสู่ตลาดภูมิภาคอาเซียน 9 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซีย ลาว สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน เวียดนาม และกัมพูชา ถือเป็นแบรนด์รถยนต์จีนรายแรกที่มีการขยายธุรกิจครอบคลุมตลาดหลักในภูมิภาคอาเซียนได้สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ในปี 2567 และปีถัด ๆ ไป เราจะไม่หยุดยั้งในการพัฒนานวัตกรรมที่เต็มเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีทันสมัย และการดำเนินธุรกิจตามวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ เพื่อขอบคุณการสนับสนุนจากแฟน ๆ อันดีเสมอมา”

นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย)

 

นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า 

“การดำเนินธุรกิจในประเทศไทยของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของเราที่ได้เข้ามาจุดกระแสและผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้เติบโตอย่างเป็นรูปธรรม เราได้เข้ามาสร้างปรากฏการณ์และเรื่องราวน่าประทับใจมากมาย เราได้นำผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของคนไทย พร้อมนำรูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบใหม่ หรือ New Retail Business ด้วยนโยบายราคาเดียว หรือ One Price Policy มาปฏิวัติแนวทางปฏิบัติของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย และเป็นมาตรฐานใหม่ของระบบการขายของผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น ๆ ยิ่งไปกว่านั้น เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังเป็นแบรนด์แรกที่เข้ามาดำเนินธุรกิจอย่างจริงจังด้านรถยนต์พลังงานใหม่ และเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์แรก ๆ ที่ได้ลงนามกับกรมสรรพสามิตเพื่อเข้าร่วมนโยบายการส่งเสริมการผลิตและการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั้ง EV 3.0 และ EV 3.5 จน ORA Good Cat ได้ขึ้นแท่นเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดจดทะเบียนสูงที่สุดในประเทศไทยในปี 2565 นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในปีที่ 3 ด้วยการบรรลุ Mission 9 in 3 หรือการเปิดตัวรถยนต์ครบ 9 รุ่น ภายในระยะเวลา 3 ปี อย่างงดงาม ในการก้าวเข้าสู่การดำเนินงานปีที่ 4 เราจะยังคงมุ่งมั่นส่งมอบรถยนต์ที่มีคุณภาพและเทคโนโลยีอันล้ำสมัยและคุ้มค่าคุ้มราคาสำหรับลูกค้าชาวไทย รวมถึงผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการผลิตและจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคและในระดับโลกต่อไป”

ตลาดรถมือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ

 

แท็ก Great Wall Motors